ข้อมูลเบื้องต้น
"ติ๊ง"
"ผลึกชีวิตของสัตว์อสูรมังกรทมิฬถูกกินแล้ว ท่านได้รับแต้มพรสวรรค์ระดับเทวะ 8 แต้ม”
เสียงแปลกประหลาดดังลั้นในหัวของมู่หยวนแล้วเขาก็รับรู้ได้ถึงการเปลื่ยนแปลงภายในร่างกายของตนภายหลังการกลืนกินผลึกชีวิตของสัตว์อสูร เส้นเลือด กล้ามเนื้อ ผิวหนัง กระดูก ดวงตา ตลอดจนอวัยวะต่างๆภายในร่างกายถูกพลังบางอย่างปรับเปลี่ยนพัฒนาไปจากเดิมอย่างมาก ซึ่งรวมไปถึงการก่อเกิดเส่นชีพจรขึ้นภายในร่างกาย เพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นผู้ที่มีความสามารถใช้ลมปราณต่อไป
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ.2558
ห้ามมิให้ผู้ใดคัดลอก ทำซ้ำ หรือดัดแปลงส่วนใดส่วนหนึ่งของเนื้อหาในนิยายเรื่องนี้ไปเผยแพร่
ทั้งในรูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์และไฟล์เสียง
เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์เป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น
หน้าปกจัดทำโดย PYAKwang
***หากชอบกดถูกใจ หากโดนใจกดติดตาม***
***หากหลงรักเก็บขึ้นชึ้นได้เลย***
**ขอบคุณรีดทุกท่านที่ได้กดติดตามและกดขึ้นชั้นหนังสือ**
หมายเหตุทางผู้แต่งจะพยายามอัฟเดททุกสองวัน ตั้งแต่ตอนที่สามสิบเป็นต้นไป
หากเกิดความล่าช้าหรือผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
สามารถติดตามเพจของนักเขียนได้ที่ : https://www.facebook.com/profile.php?id=100083922235430
ชายหนุ่มที่ไร้ค่า
“เปรี้ยง….เปรี้ยง…..”
เสียงสายฟ้าดังสนั่นท่ามกลางสายฝนที่กำลังตกลงมาอย่างหนัก ชายหนุ่มสวมใส่ชุดเกราะเปื้อนเลือดกำลังถือทวนในมือไว้แน่น เขายืนอยู่บนลานกว้างขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยหินผา ดวงตาอันเย็นชากำลังกวาดสายตามองไปยังบรรดากองทัพเหล่าปีศาจที่อยู่เบื้องหน้ามากกว่าหนึ่งพันตัวอย่างไม่เกรงกลัว เขาเริ่มก้าวเดินเบื้องหน้าอย่างเชื่องช้า พุ่งตัวเข้าหากองทัพปีศาจอย่างเด็ดเดียว พร้อมด้วยเปลวไฟสีฟ้าที่เริ่มจะลุกโซนออกมาจากปลายทวนออกมาในชั่วพริบตาในระหว่างที่เขาเริ่มวิ่งเข้าหากองทัพนับพันเพียงตัวคนเดียว
“แปะ……แปะ……”
หยดน้ำที่กำลังร่วงหล่นมาจากท้องฟ้าลงมากระทบใบหน้าของชายหนุ่มที่กำลังนอนหมดสติอยู่ใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่ เขาเริ่มลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจจนรีบใช้มือยันตัวเองลุกขึ้นนั่งบนพื้นที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อป่นกับน้ำฝนที่กำลังตกลงมาจากฟากฟ้า เขาชอบฝันเกี่ยวกับการสู้รบอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่สามารถหาคำอธิบายอันใดได้ ชายหนุ่มรีบสะบัดหน้าไปมาอย่างเชื่องช้า เพื่อจะรวบรวมสติของตนกลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง เขาจดจำเหตุการณ์ก่อนหน้าได้เลือนรางว่ากำลังถูกเจ้าตัวอาร์มาคิลโลพุ่งเข้าชนจนศีรษะไปกระแทกก้อนหินจนหมดสติไปแล้วค่อยใช้มือดันพื้นดินพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมายืนอย่างทุลักทุเลด้วยความมึนงงอยู่เล็กน้อย ก่อนจะก้มลงไปหยิบดาบโลหะที่อยู่ข้างตัวขึ้นมาถือเอาไว้แล้วรีบเงยหน้ากวาดสายตามองไปยังตัวอาร์มาคิลโลที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขามากเท่าไรนัก พวกมันกำลังจ้องมองสบสายตากับเขาด้วยแววตาที่ดุร้าย แต่ชายหนุ่มก็ไม่เกรงกลัวเริ่มก้าวเดินเข้าไปหาด้วยแววตาที่เด็ดเดียว พร้อมถือดาบโลหะที่มีใบดาบยาวโค้งงเอาไว้ในมือแล้วรีบพุ่งตัวเข้าไปฟาดฟันตัวอาร์มาคิลโลที่มีหน้าตาเหมือนหนูและมีกระดองแข็งอยู่รอบตัว ซึ่งมันพยายามหดตัวเป็นทรงกลมพุ่งเข้าโจมตีชายหนุ่มอย่างบ้าคลั่งและรุนแรง ซึ่งชายหนุ่มพยายามใช้ดาบโลหะปัดป้องการโจมตีของมันอย่างระมัดระวัง พวกเขาต่อสู้กันอย่างดุเดือดนานหลายอึดใจ ก่อนที่ชายหนุ่มจะอาศัยจังหวะที่อาร์มาคิลโลคายตัวจากทรงกลมคล้ายลูกบอลในขณะที่มันกำลังจะตกลงถึงพื้นดิน เขาจึงรีบใช้ดาบวาดกระบวนท่าเพลงดาบพื้นฐานที่เขาเคยเล่าเรียนมาในวัยเยาว์วาดดาบฟันไปที่หัวของมันจนขาดออกเป็นสองท่อน พร้อมด้วยโลหิตที่พุ่งกระจายออกไปดังน้ำพุ
“อาร์มาคิโลถูกฆ่าแล้ว ท่านไม่ได้รับวิญญาณสัตว์อสูร เมื่อกินผลึกชีวิตของมันจะมีโอกาสได้รับแต้มพรสวรรค์ด้วยการสุ่มจาก 0-10 แต้ม”
เสียงแปลกประหลาดดังขึ้นมาในหัวของชายหนุ่มที่กำลังทรุดตัวลงนอนบนพื้นหญ้าพักเหนื่อยอยู่ริมลำธาร เนื่องจากเขาใช้เวลาต่อสู้กับมันมานานมากจนเหนื่อยล้าไปหมดทั้งตัว เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีเทาด้วยความหดหู่ใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะเริ่มพยุงตัวเองขึ้นยืนอีกครั้งแล้วค่อยเดินไปที่ตัวอาร์มาคิโลที่นอนตายไร้ศีรษะอยู่ไม่ไกลมากนัก เขาเอื้อมมือไปคว้ามีดสั้นออกมาจากเอวแล้วคอยลงมีดผ่าเข้าไปที่ตัวของมัน เพื่อค้นหาผลึกชีวิตสีน้ำเงินขนาดเท่าไข่ไก่ภายในตัวของมันแล้วค่อยหยิบขึ้นมาเช็ดทำความสะอาดเล็กน้อย ก่อนจะใช้ลิ้นสากเลียกินผลึกชีวิตสีฟ้าด้วยความหิวกระหาย โดยความรู้สึกครั้งแรกที่ลิ้นของเขาสัมผัสผลึกชีวิตสีฟ้านั้น มันละลายเป็นของเหลวราวไหลลื่นลงในลำคออย่างง่ายดายและทุกครั้งที่เขากลืนกินของเหลวนั้นเข้าไปในลำคอ มันเหมือนกับมีพลังงานบางอย่างแพร่กระจายไปทั่วอนุภาคของเชลล์และตามเส้นเลือดของเขาทำให้ก่อเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้นภายในร่างกายของตน
“ผลึกชีวิตของมาร์มาคิโลถูกกินแล้ว ท่านได้รับแต้มพรสวรรค์ระดับปฐพี 1 แต้ม”
เสียงแปลกประหลาดดังขึ้นในหัวชายหนุ่มอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงกับพื้นอีกครั้งแล้วยกมือเช็ดเหงื่อที่ใบหน้าของเขาด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยหน่ายกับโชคชะตาของตน
“ข้าช่างไม่มีดวงเอาเสียเลย”
ชายหนุ่มบ่นพึมพำออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินทางกลับเข้าเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากลำธารมากนักด้วยความเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก
ในอดีตระยะเวลามากกว่าสองร้อยปีในโลกของการต่อสู้ใช้วิทยายุทธ อาวุธและเคล็ดวิชาต่างๆ ต่อสู้กันมานาน โดยปราศจากกำลังภายใน โดยอาศัยเพียงกำลังของมนุษย์และทักษะการต่อสู้เพียงเท่านั้น หากจะกล่าวถึงดินแดนภายในโลกอันกว้างใหญ่ได้ถูกแบ่งแยกออกเป็นสามส่วน โดยในแต่ละดินแดนได้ก่อตั้งเป็นอาณาจักรที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเป็นของตนเอง แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในช่วงเวลาสองร้อยปีก่อนหน้าได้เกิดดาวหางสามลูกตกลงมาจากท้องฟ้าสู่พื้นดินจนทำเกิดแรงระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงจนทำให้เกิดรอยฉีกขาดระหว่างมิติในสถานที่สามแห่งของสามดินแดนและเพียงเวลาชั่วข้ามคืนรอยแยกระหว่างมิติเริ่มก่อตัวกลายเป็นรูหนอนขนาดใหญ่ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังดินแดนลึกลับแห่งหนึ่ง ซึ่งภายในดินแดนลึกลับแห่งนี้สามารถที่จะพัฒนาความสามารถของมนุษย์ให้เพิ่มมากขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด โดยในภายหลังการปรากฏของรูหนอนขึ้นภายในดินแดนแห่งนี้ทำให้ผู้ปกครองทั้งสามดินแดนได้จัดส่งกลุ่มคนเดินทางเข้าไปสำรวจดินแดนลึกลับและรวบรวมข้อมูลเอาไว้อย่างมากมาย ซึ่งก็พบว่าในดินแดนลึกลับดังกล่าวเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดมากมาย โดยในเวลาต่อมาได้ตั้งชื่อสัตว์ประหลาดเหล่านั้นว่า สัตว์อสูร และเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ก็ได้เรียนรู้ต่อไปอีกว่า หากสามารถสังหารพวกมันได้ก็จะได้รับแต้มที่เรียกว่า พรสวรรค์ โดยที่แต้มแสนพิเศษเหล่านั้นจะใช้ในการพัฒนาความสามารถของมนุษย์ไปอีกระดับจนในเวลาต่อมาก็ทราบกันทั่วไปว่าร่างกายของมนุษย์สามารถสร้างเส้นชีพจรลมปราณขึ้นภายในร่างกายได้จากแต้มพรสวรรค์ มันจึงเป็นสาเหตุทำให้มนุษย์ธรรมดาทั่วไปกลายเป็นมนุษย์ที่มีความสามารถขับเคลื่อนพลังลมปราณกลายเป็นบุคคลที่มีความสามารถเหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป
เมื่ออาณาจักรทั้งสามได้ล่วงรู้ถึงความลับของดินแดนลึกลับดังก็ก่อเกิดความตื่นตัวกันอย่างมาก หากอาณาจักรใดมีผู้ใช้ลมปราณเป็นจำนวนมากก็จะสามารถยึดครองอีกอาณาจักรอย่างไม่ยากเย็นนัก ดังนั้นอาณาจักรต้าหยวนจึงได้ร่วมกันปรึกษาหารือจัดตั้งองค์กรทางทหารขึ้นมาควบคุมและดูแลรูหนอนที่เกิดขึ้น เรียกว่า สำนักลมปราณสวรรค์ โดยจะสามารถแบ่งการจัดการออกเป็นสองส่วนนั้นก็คือ หอหมื่นอักษรเป็นส่วนที่รวบรวมกลุ่มคนที่มีความเชียวชาญคิดค้นด้านวิทยายุทธที่ใช้กับพลังลมปราณและองค์กรที่สองเรียกว่า หอพันเนตรทำหน้าที่ในการควบคุมดูแลระเบียบกฎเกณฑ์ในการเข้าใช้งานรูหนอน
ชายหนุ่มคนหนึ่งมีนามว่า มู่หยวน ขยะไร้ค่าที่คนในเมืองต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี มู่หยวนได้เดินทางเข้ามาดินแดนลึกลับแห่งนี้เป็นครั้งแรกก็พบว่าเขาโดนสุ่มมาอยู่เมืองหยวนชิง เขามีอายุเพียงสิบหกปีและฐานะทางบ้านยากจนอย่างมาก ดังนั้นในครั้งแรกที่เขาเดินทางที่ดินแดนลึกลับแห่งนี้จึงไม่มีอาวุธหรือวิญญาณสัตว์อสูรติดตัวมาเลยสักชิ้น มันจึงเป็นเหตุผลที่เขาใช้ชีวิตในดินแดนลึกลับด้วยความยากลำบาก มู่หยวนได้เดินทางมาที่เมืองหยวนชิงได้หกเดือนและได้เรียนรู้ว่าดินแดนลึกลับแห่งนี้มีชื่อเรียกขานกันว่า มิติสัตว์อสูร เขาใช้เวลาส่วนมากในการเดินทางออกไปล่าสัตว์อสูรเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรนัก เนื่องจากเขาเพิ่งจะเรียนจบจากสำนักศึกษาแห่งหนึ่งที่สอนเพียงวิทยายุทธขั้นพื้นฐานเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะล่าสัตว์อสูรระดับสูงได้เลย ซึ่งในดินแดนแห่งนี้จะแบ่งระดับของสัตว์อสูรออกเป็นสี่ประเภทด้วยกันนั้นคือ ระดับปฐพี ระดับนภา ระดับราชาและระดับเทวะและในระหว่างที่มู่หยวนเดินเข้าประตูเมืองก็ได้ยินเสียงชายหนุ่มตะโกนแทรกฝูงชนออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยเป็นมิตร
“มู่หยวน….เจ้าล่าสัตว์อสูรอะไรได้บ้าง”
กงเฉินเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยันในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินสวนกับมู่หยวนที่กำลังเดินเข้ามาจากประตูเมือง
“ข้าว่า….มันคงล่าได้แค่ระดับปฐพีเท่าละ”
โหยงห่าวเอ่ยแทรกขึ้นมาทันที พร้อมกับใช้สายตาจับจ้องมองไปที่มู่หยวนที่เดินคอตกเข้ามาในเมืองด้วยแววตาที่แสนเศร้า
“พอได้…”
มู่หยวนเอ่ยขึ้นมาแล้วรีบเดินหลบพรรคพวกของกงเฉินไปด้วยความรวดเร็ว เนื่องจากที่ผ่านมาเขาจะโดนพรรคพวกกงเฉินรังแกอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากเจ้าอ้วนกงเฉินในอดีตเป็นเพื่อนบ้านของเขาตั้งแต่วัยเยาว์ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าอ้วนกงเฉินจะตามจีบคุณหนูชูเหม่ยหลานมีศักดิ์เป็นลูกสาวของเจ้าเมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่ในขณะนี้ แต่ทว่าคุณหนูชูเหม่ยหลานไม่ได้สนใจเจ้าอ้วนกงเฉินเลย แต่เธอแอบมาเล่นกับมู่หยวนอยู่บ่อยครั้ง จนทำให้เจ้าอ้วนกงเฉินเกิดความอิจฉามู่หยวนเป็นอย่างมาก
“ไอ้กระจอกอย่างเจ้ารีบออกจากมิติสัตว์อสูรเขตหนึ่งซะ..ก่อนจะเอาชีวิตอันไร้ค่ามาทิ้งซะเปล่า…ฮ่าฮ่า”
กงเฉินร้องตะโกนตามหลังมู่หยวนที่กำลังเดินจากไปด้วยความรู้สึกสนุกสนาน แต่มู่หยวนกลับมีความรู้สึกคับแค้นใจเป็นอย่างมาก เขาพยายามอดทนมาเป็นเวลานับสิบปี เนื่องจากไม่อยากให้ครอบครัวของตนเดือดร้อนจากบิดาของกงเฉินที่ทำงานเป็นถึงเลขาเจ้าเมืองที่ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ เขาจึงพยายามไม่โต้ตอบและหลีกเลี่ยงเจ้าอ้วนกงเฉินตลอดมา มู่หยวนจึงรีบเดินกลับไปที่ห้องพักของตัวเอง ซึ่งในครั้งแรกที่เขาเดินทางผ่านรูหนอนมายังเมืองหยวนชิงด้วยการสุ่มว่าจะได้เป็นอยู่เมืองใด เขาภาวนาในใจว่าอย่าส่งตัวเขาไปอยู่เมืองเดียวกับเจ้าอ้วนกงเฉินเลย แต่ดูเหมือนฟ้าจะไม่เป็นใจจับเขามาอยู่เมืองเดียวกับมันจนได้ โดยครั้งแรกที่เขาเดินผ่านรูหนอนเข้ามาก็ได้มาปรากฏตัวที่ห้องพักแห่งนี้ที่มีหมายเลขระบุเอาไว้ ซึ่งภายในห้องพักดังกล่าวจะไม่สามารถพาบุคคลอื่นนอกจากตัวเองเข้ามาได้ ดังนั้นมันจึงเปรียบเสมือนพื้นที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้ที่จะเข้ามาแสวงหาโชคลาภหรือการพัฒนาตัวเองในดินแดนลึกลับแห่งนี้ เมื่อเขาเปิดประตูเข้ามาในห้องพักของเขาก็รีบเดินเอาดาบไปแขวนไว้ที่กำแพงของห้อง ก่อนจะเดินไปหยิบเนื้อสัตว์อสูรออกมาจากถังน้ำแข็งแล้วเริ่มทำอาหารกิน เพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าและความหิว
มู่หยวนเป็นชายหนุ่มอายุสิบหกปีที่เพิ่งจะเรียนจบการศึกษาจากสำนักศึกษาแห่งหนึ่งในเมืองซูโจว เขาได้รับการฝึกฝนการใช้อาวุธพื้นฐานเกือบทุกชนิดจากโรงเรียนแห่งนี้ แต่ก็ไม่ได้เรียนรู้วิทยายุทธระดับสูงเหมือนกับการเข้าศึกษาที่สำนักศึกษาที่มีชื่อเสียงในตัวเมือง เขาจึงตัดสินใจเข้ามาเสี่ยงโชคในมิติสัตว์อสูรเขตหนึ่ง เพื่อมีความหวังว่าจะสามารถช่วยเหลือแม่และน้องสาวของตนที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนักหน่วงในขณะนี้ ซึ่งทางสำนักลมปราณสวรรค์ได้ผ่อนปรนให้ประชาชนทั่วไปสามารถลงทะเบียนเข้าไปในดินแดนลึกลับได้ โดยกำหนดให้มีอายุมากกว่าสิบหกปี เนื่องจากทางองค์กรกำลังประสบปัญหาขาดกำลังคนที่ใช้ในการออกรบกับบางอย่างในมิติสัตว์อสูรระดับสูงขึ้นไป
Pichai 非常に素晴らしい
20 มี.ค. เวลา 06.13 น.
池上 奈美 66
19 มี.ค. เวลา 05.39 น.
ดูทั้งหมด