“ภูมิธรรม” วอนอย่าด้อยค่าข้าวไทยค้างสต็อก 10 ปี พร้อมแจงแอฟริกายิบ ยันก่อนส่งออกมีการปรับปรุงคุณภาพให้ได้มาตรการ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ทุกเมล็ด ด้าน“อคส.” เตรียมเข็น TOR ประมูลข้าว 1.5 หมื่นตัน ระบุ 29 พ.ค. นี้ ชี้แจงผู้สนใจ ขีดเส้น 17 มิ.ย. 67 เปิดประมูล คาดรู้ผลผู้ชนะทันที
"นายภูมิธรรม เวชยชัย" รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผย ถึงประเด็นเรื่องความไม่สบายใจของบางประเทศในตลาดแอฟริกากรณีที่ไทยจะขายข้าวสารค้างสต็อก 10 ปี ว่า ในวันนี้ (27 พ.ค.) กระทรวงการต่างประเทศได้นัดหารือกับทูตแอฟริกาประจำประเทศไทยแล้ว จึงมอบหมายให้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่าง ๆ เพื่อให้เข้าใจว่าแม้ไทยจะมีข้าวเก่า 10 ปีอยู่ แต่ก่อนที่จะส่งออกไปต่างประเทศ จะต้องมีการปรับปรุงคุณภาพข้าวก่อน และทุกขั้นตอนจะต้องผ่านหลักเกณฑ์มาตรฐานการส่งออกข้าวของกรมการค้าต่างประเทศ รวมทั้งผลการตรวจสอบจากภาคเอกชนที่น่าเชื่อถือ ที่จะรับรองข้าวทุกกระสอบก่อนส่งออก ดังนั้น เอกชนรายใดที่จะส่งออกข้าวไปต่างประเทศ จะต้องทำให้ข้าวทุกเมล็ดเป็นไปตามมาตรฐานก่อนส่งออก
“ผมว่าเรื่องนี้ควรจะจบลงได้แล้ว ฝ่ายที่ด้อยค่าข้าวไทยไม่ควรออกมาพูดอีก เพราะจะทำให้ภาพลักษณ์ "ข้าวไทย" เสียหายไปมากกว่านี้ ส่วนกรณีของแอฟริกานั้น เชื่อว่าทางแอฟริกาจะเข้าใจและไม่มีปัญหาอะไร และขอยืนยันว่าก่อนส่งออกข้าวทุกเมล็ดจะต้องได้รับการตรวจสอบและปรับปรุงให้ได้มาตรการก่อส่งออกอย่างแน่นอน” นายภูมิธรรม ระบุ
สำหรับการประกาศหลักเกณฑ์ เงื่อนไข (TOR) การประมูลข้าวนั้น องค์การคลังสินค้า (อคส.) จะประกาศเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้ายื่นประมูลข้าว โดยเป็นการเปิดประมูลทั่วไปแบบยกโกดังทั้งหมด และเรียงผู้ที่ประมูลราคาได้สูงสุด 1-5 ลำดับ หากรายแรกทิ้งสัญญา ก็จะเรียกรายถัดไปมาเจรจาต่อรองรับข้าวไป จะไม่นำกลับมาเปิดประมูลใหม่ หากมีการทิ้งสัญญา
นายกฤษณรักษ์ ใจดี รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่า อคส. ได้ประกาศหลักเกณฑ์การจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลเป็นการทั่วไป โดยระบายแบบเหมาคลังตามสภาพของข้าวที่เก็บรักษาที่มีอยู่จริง โดยวันที่ 29 พ.ค.2567 จะเปิดชี้แจงทีโออาร์ให้ผู้สนใจประมูลได้รับทราบ, วันที่ 31 พ.ค.-7 มิ.ย.2567 เปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมประมูลเข้าตรวจสอบข้าวในโกดัง, วันที่ 10 มิ.ย.2567 เปิดให้ผู้ที่สนใจยื่นซองคุณสมบัติในการเข้าร่วมประมูล, วันที่ 13 มิ.ย.2567 ประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านคุณสมบัติ และวันที่ 17 มิ.ย. เปิดให้ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติยื่นซองเสนอราคา เปิดซอง เจรจาต่อรอง และคาดจะประกาศผู้เสนอราคาสูงสุดได้ในวันเดียวกัน และจะต้องมาทำสัญญากับ อคส. ภายใน 15 วันหลังจากที่ได้รับแจ้ง
ทั้งนี้ ข้าวที่นำมาประมูล มีปริมาณ 15,000 ตัน แยกเป็น 1.คลังกิตติชัย หลัง 2 (ข้าวหอมมะลิ 100%) รวม 26,094 ตัน หรือ 258,106 กระสอบจาก 24 โรงสี และได้ระบายข้าวสารแล้ว 3 ครั้ง คงเหลือ 11,656 ตัน หรือ 112,711 กระสอบ 2.คลัง บจก.พูนผลเทรดดิ้ง หลัง 4 (ข้าวหอมมะลิ 100%) ปริมาณ 9,567 ตัน หรือ 94,637 กระสอบ ซึ่งระบายข้าวสารแล้ว 4 ครั้ง คงเหลือ 3,356 ตัน หรือ 32,879 กระสอบ