เมื่อเอ่ยถึง จอมพล ป. พิบูลสงคราม ภาพหนึ่งที่นึกถึงคืองานด้านสร้างชาติ สร้างวัฒนธรรมใหม่แบบ New Normal การเปลี่ยนประเทศสู่สมัยใหม่ให้ทัดเทียมอารยะ พร้อมเร่งสร้าง “สำนึกความเป็นไทย” อย่างเร่งด่วนชนิดที่มีนโยบายหักดิบห้ามทำในสิ่งที่เป็นวิถีที่คนทั้งประเทศนิยมปฏิบัติมาแต่ดั้งเดิม ดังตอนหนึ่งในงานปราศรัยฉลอง วันชาติ เมื่อ 24 มิถุนายน 2483 ความว่า
“การสร้างชาติก็คือการสร้างตัวของคนทุกคนในบรรดาประชากรของชาติให้ดี ถ้าเราทุกคนมีร่างกายแข็งแรง มีวัฒนธรรมดี มีศีลธรรมงาม และมีอารยธรรมดี-ดีอย่างไทยซึ่งไม่มีใครจะดีกว่าอยู่แล้ว ประกอบอาชีพให้รุ่มรวยดังนี้ ชาติไทยก็จะดีตามไปด้วยโดยมิต้องสงสัยเลย…”
จากนโยบายสร้างชาติของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นี้เองที่ทำให้เกิดคำเรียกคนไทย พร้อมเปลี่ยนชื่อประเทศจาก สยาม เป็น ไทย เปลี่ยนชื่อภาษาอังกฤษจาก Siam เป็น Thailand อย่างที่ใช้ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ในรัฐนิยมฉบับที่ 4 และ 6 ยังกำหนดให้มีการยืนตรงเคารพธงชาติ เปลี่ยนเนื้อเพลงชาติจาก “ประเทศสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง…” เป็น “ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย”
ส่วนในรัฐนิยมฉบับที่ 10 ยังได้กำหนดให้คนไทยแต่งกายแบบไทยอารยะ นั่นก็คือคนไทยไม่ควรนุ่งโสร่ง ไม่เปลือยกายท่อนบน ไม่ใส่หมวกแขก โพกหัว ทูนของบนศีรษะ ผู้ชายควรแต่งตัวตามแบบสากล หรือสวมกางเกงตามแบบไทยขาสั้น สวมเสื้อกลัดกระดุมให้เรียบร้อย
ส่วนผู้หญิงก็ควรไว้ผมยาวสวมเสื้อชั้นนอกให้สะอาดเรียบร้อย นุ่งผ้าถุงยาว และถ้าจะให้ครบเช็ตแต่งกายแบบไทยอารยะต้องใส่หมวกตามนโยบาย “มาลานำไทยไปสู่มหาอำนาจ” พร้อมกันนั้นก็ออกกฏ “ห้ามกินหมาก” ซึ่งในตอนนั้นการกินหมากถูกรัฐบาลมองว่าคือประเพณีที่เสื่อมเกียรติอย่างร้ายแรง ใครที่บ้วนน้ำหมากเลอะเทอะถือเป็นผู้ไม่มีวัฒนธรรม และยังมีการให้กระทรวงมหาดไทยในยุคนั้นห้ามประชาชนที่กินหมากติดต่อราชการเลยทีเดียว
นอกจากเรื่องการแต่งกาย การกินอยู่ ทรงผมแล้ว วัฒนธรรมและค่านิยมใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นก็คือเรื่อง บทบาทสตรี ถึงขั้นมีการออกคำสั่งให้สามียกย่องภรรยาตลอดเวลา ถ้าข้าราชการทะเลาะกับภรรยาถือเป็นการผิดวินัย และในปี พ.ศ. 2485 เรื่องสิทธิสตรีก็ก้าวกระโดดไปในขั้นเปิดรับ “นักเรียนนายร้อยหญิง” รุ่นแรก เพื่อส่งเสริมบทบาทสตรีในการป้องกันประเทศ เหตุที่จอมพลมีนโยบายส่งเสริมบทบาทสตรีเพราะคำกล่าวที่ว่า
“หยิงเปนส่วนหนึ่งของชาติ ก็ควนจะได้สร้างตนและช่วยชาติด้วยในตัว…ไครจะดูว่าชาตินั้นชาตินี้เจรินเพียงไดไนเมื่อผ่านไปชั่วแล่นแล้วก็มักจะตัดสินความเจรินของชาตินั้นตามความเจรินของฝ่ายหญิง”
และสตรีในยุคสมัย จอมพล ป. ก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของงานฉลองรัฐธรรมนูญ โดยใน พ.ศ.2477 เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ได้มีการจัดประกวดนางงามในชื่อ นางสาวสยาม ขึ้นในงานเฉลิมฉลองรัฐธรรมนูญครั้งที่ 2 เปลี่ยนเป็น นางสาวไทย ในปี 2482 หลังจากการ เปลี่ยนชื่อประเทศจาก สยาม เป็น ไทย
ต้นเรื่อง : นิตยสาร สารคดี ฉบับ มิถุนายน 2557
The post บทบาทสตรี และ New Normal ฉบับ จอมพล ป. พิบูลสงคราม appeared first on SARAKADEE LITE.
pongpipat ไทยปัจจุยัน อยู่ในยุค ประชาชน ไร้ที่พึ่ง หวังพึ่งใครไม้ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน หมดหวังกับกิงทัพ เลิกหวังกับตำรวจ ไม่เชื่อถือ องคาพยพในกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็น อัยการ หรือ ศาล
จบแล้ว อีกไม่นาน ผู้คนจะไม่กลัว และจะเปลี่ยนประเทศนี้เป็นระบบ สหพันธรัฐ ประเทศไทย
14 ก.ค. 2563 เวลา 16.36 น.
Arpon ชอบเรื่องการแต่งกายของผู้หญิงค่ะ ชอบตรงที่ใส่หมวก แต่งตัวน่ารักเรียบร้อยสมเป็นกุลสตรีไทย ไม่เหมือนสมัยนี้
14 ก.ค. 2563 เวลา 15.56 น.
P’Guy🎧 อดีตที่ไม่มีวันหวนคืน
14 ก.ค. 2563 เวลา 15.45 น.
GAD ถ้าเป็นสมัยนี้สิ่งที่คิดเปลี่ยนนี้เรียกว่าชังชาติ
14 ก.ค. 2563 เวลา 15.35 น.
Mr.Aum จอมพล ป ยังมี ประโยชน์ กว่าจอมพล สลิด สะอีก
14 ก.ค. 2563 เวลา 15.13 น.
ดูทั้งหมด