จากการที่ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเรื่องการยุบสภาของสิงคโปร์ ทำให้นักการเมืองจากทุกฝ่ายรุมกระหน่ำ ดร.สมคิด แบบไม่ยั้ง บงคนบอกว่า ดร.สมคิดอยากเป็นนายกรัฐมนตรีเองจึงอยากยุบสภา ส่วนคนในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) บางคนถึงขนาดออกมาไล่ให้ออกไปจากตำแหน่งรองนายก ฯ อย่างไรก็ตาม บางกระแสก็บอกว่า ยุบสภาไปเลยก็ดี เพราะจะได้ช่วยนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ต้องยุ่งยาก ลำบากใจจากแรงกดดันภายใน พปชร. ที่ต้องการให้มีการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)
แต่หากนายก ฯ ตัดสินใจยุบสภาจริง ใครจะได้เปรียบ-เสียเปรียบ? คำตอบคือ เป็นความเสี่ยงของทุกฝ่าย โดยหากใช้ข้อมูลผลโพลของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้าโพล เรื่อง “การสำรวจความความนิยมทางการเมืองรอบไตรมาส ครั้งที่ 2” เป็นฐานในการวิเคราะห์ จะพบว่าผู้คนส่วนใหญ่ ร้อยละ 44.06 บอกว่ายังหาคนที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ ในขณะที่ร้อยละ 32.38 บอกว่าไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย โดยร้อยละ 45.99 ของผู้ที่บอกว่า ยังหาคนที่เหมาะสมเป็นนายก ฯ ไม่ได้ จะไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย ในขณะที่ร้อยละ 62.58 ของผู้ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย บอกว่ายังหาผู้ที่เหมาะสมเป็นนายก ฯ ไม่ได้ซึ่งหมายถึงทุกพรรคการเมือง และ คู่แข่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากทุกพรรคการเมืองกำลังอยู่ในความเสี่ยงของความไม่แน่นอนในการตัดสินใจทางการเมืองของประชาชนหากมีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ในวันนี้ เพราะไม่รู้ว่าผู้คนกลุ่มนี้จะสนับสนุนใครหรือพรรคการเมืองใด แต่ถ้ามองในแง่ดี ตรงนี้คือช่องว่างที่ทุกพรรคการเมืองทั้งใหม่และเก่า และทุกฝ่ายการเมืองสามารถเข้ามาช่วงชิงพื้นที่ตรงนี้ได้ ซึ่งก็คงจะขึ้นอยู่กับว่าใครจะมียุทธศาสตร์และกลยุทธ์ทางการเมืองที่ดีกว่ากัน
ความเสี่ยงทางการเมืองหากมีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่นั้น รวมถึงความเสี่ยงต่อการกลับมาเป็นนายก ฯ ของพลเอกประยุทธ์ด้วย ซึ่งถึงแม้ว่าพลเอกประยุทธ์จะมี พรรค สว. (สมาชิกวุฒิสภา) 250 เสียงรองรับการกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่หากในสภาผู้แทนราษฎรได้เสียงไม่ถึง250 ก็อาจจะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยหรือแย่สุดคือไม่ได้เป็นนายก ฯ ต่ออีกสมัยหากเสียงสนับสนุนในสภาผู้แทน ฯ มีน้อยมาก นอกเหนือจากนั้นแล้ว อาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการต่อต้านของประชาชนที่ไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเยาวชน (อายุ 18 – 25) และนักเรียน/นักศึกษา ที่อาจถูกกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้ามยั่วยุให้ลงถนนมาต่อต้านการกลับมาของพลเอกประยุทธ์ก็เป็นได้
ลองมาพิจารณาความเสี่ยงของแต่พรรคการเมือง หากมีการยุบสภา ขอเริ่มจากพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่ผลการสำรวจพบว่ามีความนิยมมากที่สุด (หากไม่นับรวมผลที่คนส่วนใหญ่ ร้อยละ 32.38 บอกว่าไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย) โดย พท. ได้คะแนนนิยมที่ร้อยละ 20.70 ซึ่งหากมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ก็คาดได้ว่า พท. จะได้จำนวน สส. มากที่สุดในสภา แต่ก็จะสูสีกับ พปชร. แต่หากมี สส. และสมาชิกพรรค ฯ บางส่วนตัดสินใจย้ายไปสังกัดพรรคอื่น ๆ ตามข่าวที่ว่ามีจำนวนงูเห่าไม่น้อยอาศัยอยู่ในพรรค ฯ ก็อาจจะทำให้ได้ สส. ลดลงก็เป็นได้ หรือเลวร้ายที่สุดคือการพ่ายแพ้ให้กับ พปชร.
ในขณะเดียวกัน พท. กำลังเผชิญกับวิกฤติผู้นำพรรค ฯ เนื่องจากหัวหน้าพรรค ฯ อย่างนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ไม่สามารถปั่นกระแสสร้างคะแนนนิยมให้กับตัวเองได้ ในขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ก็มีคะแนนนิยมสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีเพียง ร้อยละ 8.07 ซึ่งน้อยกว่าพลเอกประยุทธ์ที่ได้ถึงร้อยละ 25.47 และเมื่อดูข้อมูลเชิงลึกพบว่ามีเพียงร้อยละ 28.21 ของผู้ที่สนับสนุน พท. จะสนับสนุนคุณหญิงสุดารัตน์ให้เป็นนายก ฯ แต่ ร้อยละ 44.15 ของผู้สนับสนุน พท. กลับบอกว่ายังหาผู้สนับสนุนเป็นนายก ฯ ไม่ได้ ซึ่งอาจบอกเป็นนัยให้พรรค ฯ รีบหาผู้นำที่เข้มแข็งเป็นที่ยอมรับของผู้สนับสนุนพรรค ฯ ไม่เช่นนั้นเสียงสนับสนุนพรรค ฯ อาจไม่มั่นคงก็เป็นได้
ส่วนของ พปชร. ที่ผลโพลบอกว่าเป็นรอง พท. โดยได้ ร้อยละ 15.73 นั้นบอกได้อย่างเดียวว่าจำเป็นต้องเกาะกระแสพลเอกประยุทธ์ หากยังต้องการเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกับ พท. เนื่องจากเมื่อแตกข้อมูลออกดูพบว่า ร้อยละ 79.55 ของผู้สนับสนุน พปชร. จะสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ ให้เป็นนายก ฯ ในขณะที่ร้อยละ 49.14 ของผู้สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จะสนับสนุน พปชร. แต่ที่สำคัญคือร้อยละ 25.74 ของผู้สนับสนุนพลเอกประยุทธ์บอกว่าไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย และร้อยละ 20.25 ของผู้ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย จะสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ ซึ่งหมายถึงช่องที่ พปชร. จำเป็นต้องแทรกเข้าไปให้ได้โดยต้องถือธงสนับสนุนพลเอกประยุทธ์เพื่อให้ได้คะแนนสนับสนุนจากคนกลุ่มนี้แต่หากพลเอกประยุทธ์บอกว่าไม่อยากเป็นนายก ฯ แล้ว หรือหาก สส. และสมาชิก พปชร. บอกว่าไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์แล้ว ก็เตรียมโบกมือลา พปชร. ได้เลย
ด้านพรรคน้องใหม่อย่างก้าวไกล ที่ไม่สามารถรับมรดกจากอดีตพรรคอนาคตใหม่ได้ โดยพรรคก้าวไกลได้คะแนนสนับสนุนเพียงร้อยละ 13.47 ก็อาจบอกได้ว่ายังคงอยู่ในความเสี่ยงหากมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ เพราะนอกเหนือจากพรรคก้าวไกลจะไม่มีส้มหล่นอย่างอดีตพรรคอนาคตใหม่ที่ได้รับคะแนนส่วนหนึ่งจากการยุบพรรคไทยรักษาชาติ ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลก็ยังคงต้องเผชิญกับแฟนคลับกลุ่มสำคัญของอดีตพรรคอนาคตใหม่ (กลุ่มเยาวชน อายุ 18 – 25 และกลุ่มนักเรียนนักศึกษา) ที่ตีตัวออกห่างจากผู้รับมรดกทางการเมืองของอดีตพรรคอนาคตใหม่ โดยผู้คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ถอยหลังไปตั้งหลักที่ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลยและยังหาคนที่เหมาะสมเป็นนายกฯไม่ได้ ในขณะที่เมื่อดูข้อมูลเชิงลึกพบว่า ร้อยละ 23.01 ของผู้เลือกพรรคก้าวไกลจะสนับสนุนหัวหน้าพรรค ฯ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายก ฯ แต่มีถึงร้อยละ 52.21 ของผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลบอกว่ายังหาคนที่เหมาะสมเป็นนายก ฯ ไม่ได้ ซึ่งอาจหมายถึงพรรคก้าวไกลต้องเริ่มมองหาผู้นำพรรค ฯ คนใหม่ได้แล้ว และอาจรวมถึงปรับภาพพจน์และวิธีทำงานการเมืองของพรรคด้วย
สุดท้ายพรรคที่เก่าแก่ที่สุดอย่างพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ดูเหมือนว่าจะเผชิญกับความเสี่ยงสูงสุด ซึ่งนอกเหนือจากคะแนนนิยมของพรรค ฯ จะลดลงเหลือเพียงร้อยละ 7.75 และหัวหน้าพรรคอย่างคุณจุรินทร์ลักษณวิศิษฎ์ ก็ไม่มีคะแนนนิยม (สถานการณ์เดียวกับ หัวหน้า พท. ปัจจุบัน) แต่ที่สำคัญฐานเสียงในภาคใต้ของ ปชป. กำลังโดน พปชร. ค่อย ๆ บอนไซ ไปเรื่อย ๆ ในขณะเดียวกันเมื่อดูข้อมูลเชิงลึกในอีกมุมหนึ่งพบว่า มีเพียงร้อยละ 6.67 ของผู้สนับสนุน ปชป. จะสนับสนุนคุณจุรินทร์ เป็นนายก ฯ แต่ร้อยละ 30.26 ของผู้สนับสนุน ปชป. บอกว่าจะสนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายก ฯ และร้อยละ 29.74 บอกว่ายังหาผู้สนับสนุนเป็นนายก ฯ ไม่ได้ ซึ่งทำให้ ปชป. ไม่ต่างอะไรกับ พท. และ ก้าวไกล คือกำลังเผชิญกับวิกฤติผู้นำพรรค แต่ ปชป.อาจลำบากมากกว่าหน่อยตรงที่หากฐานเสียงในภาคใต้แตก การยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่จะกลายเป็นหายนะของพรรคประชาธิปัตย์ในทันที่
โดย ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์
ยุบสภาลาออกเอาคนทำโพลมาเป็นนายกนะจ๊ะ
07 ก.ค. 2563 เวลา 10.37 น.
วรภัคธรณ์59 หน้าตัวเมียแต่แรกเข้ามา จะยุบทำไมยังไม่สุดทาง
07 ก.ค. 2563 เวลา 08.05 น.
โยธิน กิตติโยธิน อย่ามโนกันไปขนาดนั้น เขาไม่ยุบหรอก เขาวางยุทธศาสตร์ชาติไว้ 20ปี เขาจะอยู่ครบ20ปีแน่นอน เขาเคยบอกนักข่าวตอนเป็น ผบ.ทบ.แล้วว่า คุณอยากให้ผมออกมาหรอ(หมายถึงปฏิวัติ) ถ้าผมออกมาแล้ว ผมไม่กลับนะ
07 ก.ค. 2563 เวลา 06.27 น.
อำพล ไอ้ตู่มันไม่กล้ายุบแน่ ผลโพลที่ออกมาก็ทำขึ้นมาแหกตาชาวบ้าน. จะได้กลับเข้ามาก็ต้องแจกกล้วย. จะไปเอาจากพวกหน้าทุนก็กลัวพวกนั้นไม่ให้ สุดท้ายอาจไม่ได้กลับเข้าสภา แถมอาจถูกคิดบัญชีด้วย เพราะคดีที่มันทำไว้ยาวเป็นหางว่าว
07 ก.ค. 2563 เวลา 06.18 น.
p.. po การวิเคราะห์ ทางการเมือง ของพวกนักข่าวเขีบนข่าว ไม่มีอะไรแน่นอน ทางการเมือง มันฮัว กันได้ทึ้งนั้นเมื่อผลประโยชน์ พวกมันลงตัว
ส่วนประชาชนแบบเราๆ เอาไว้ที่หลัง แค่พวกมันอ้างเพื่อประชาชา ฝันไปเถอะ พวกมันต้องอ่มก่อน
07 ก.ค. 2563 เวลา 05.46 น.
ดูทั้งหมด