ย้อนกลับไปในปี 1905 ในเหมืองเพชรแห่งหนึ่งใกล้เมืองพริทอเรีย ประเทศแอฟริกาใต้ หนึ่งในพนักงานนักขุดเหมืองเจอวัตถุวาววับขนาดใหญ่ เขาเก็บมันขึ้นมา และนำไปให้ผู้จัดการเพื่อประเมินมูลค่า ผู้จัดการมองวัตถุก้อนใหญ่ด้วยท่าทางประหลาดใจ เขาหัวเราะและกล่าวว่า “เจ้าบ้าเอ้ย นี่มันแค่ก้อนคริสตัลธรรมดา” นักขุดเหมืองไม่เชื่อ เขาเพ่งมองวัตถุปริศนาอย่างระมัดระวัง ก่อนนำไปมอบให้เจ้าของเหมืองซึ่งค้นพบในภายหลังว่าวัตถุก้อนใหญ่ไม่ใช่หินคริสตัลทั่วไป แต่เป็นเพชรดิบขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักถึง 3,106.75 กะรัต จัดว่าใหญ่ที่สุดที่เคยค้นพบในประวัติศาสตร์
เพชรก้อนนี้ถูกตั้งชื่อว่า เพชรคัลลินัน ตามชื่อของเซอร์ทอมัส คัลลินัน (Sir Thomas Cullinan) - ชาวอังกฤษผู้ครอบครองเหมืองเพชรแห่งนี้ เพชรดิบของเมืองถูกรัฐบาลอาณานิคมทรานส์วาล (Transvaal Colony) ซื้อต่อไปเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแก่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งสหราชอาณาจักรในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระองค์ในปี 1907
อาณานิคมทรานส์วาลในตอนนั้นต้องการหาทางปรองดองกับอังกฤษ เพราะเพิ่งผ่านสงครามบูร์ครั้งที่ 2 (สงครามระหว่างอังกฤษกับสองชาติบูร์คือสาธารณรัฐทรานสวาลและเสรีรัฐออเรนจ์ในแอฟริกาใต้ กินเวลาระหว่างปี 1899-1902) มาหมาดๆ รัฐบาลจึงมองว่าการมอบเพชรที่ทรงคุณค่าในนามของประชาชน จะเป็นเครื่องหมายแสดงถึงการขอคืนดีและความจงรักภักดี ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เพชรคัลลินันก้อนใหญ่ก็เป็นสัญลักษณ์ของความหวังดี การมีไมตรีจิต และการร่วมมือกันระหว่างผู้ให้และผู้รับ
การขนส่งเพชรจากแอฟริกามาอังกฤษก็เป็นเรื่องน่าสนใจ เพื่อความปลอดภัยจึงมีการทำเพชรจำลองขึ้นมาหนึ่งก้อน เพชรก้อนนี้ถูกทำขึ้นเป็นการลับ และถูกนำขึ้นเรือของอังกฤษเพื่อเดินทางข้ามมหาสมุทรโดยให้กัปตันเก็บไว้ในตู้เซฟส่วนตัว และให้มีทหารรักษาการณ์คอยเฝ้าตลอดเส้นทางทั้งวันทั้งคืนไม่ให้คลาดสายตา ปรากฎว่าเพชรเม็ดจริงไม่ได้อยู่ในเรือลำนั้น แต่ถูกส่งแยกกันในห่อพัสดุแสนธรรมดา โดยใช้การตบตาด้วยการห่อไว้ในกล่องใส่บิสกิต และใช้วิธีส่งไปรษณีย์แบบปกติจากแอฟริกาใต้มายังอังกฤษ
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดยกหน้าที่การเจียระไนให้เป็นของนายโยเซ็ฟ แอสเซอร์ เจ้าของห้างเพชร รอยัล แอสเชอร์ ไดมอนด์ จำกัด (Royal Asscher Diamond Company) แห่งอัมสเตอร์ดัม นายโยเซ็ฟใช้เวลาศึกษารูปทรงและออกแบบวิธีการตัด/เจียระไนเพชรคัลลินันเป็นเวลาร่วม 6 เดือน กล่าวกันว่าเพชรคัลลินันมีความแข็งมาก ขนาดที่ใบมีดที่เลือกใช้ในการตัดครั้งแรกถึงขั้นบิ่นลงระหว่างทาง
เพชรคัลลินันถูกแบ่งเจียระไนออกเป็นเพชรเม็ดใหญ่ทั้งหมด 9 เม็ดด้วยกัน นอกจากนั้นยังได้เศษเพชรขนาดเล็กออกมาอีก 98 เม็ด เพชรเม็ดใหญ่ทั้ง 9 ถูกให้ชื่อเรียงลำดับตามขนาด โดยมีรูปร่างและเรื่องราวต่างกันไป
คัลลินันหมายเลข 1 เป็นเพชรขนาดใหญ่มากที่สุด มีน้ำหนักมากถึง 530.2 กะรัตและได้รับการเจียระไนเป็นทรงหยดน้ำ เพชรเม็ดนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “ดาวดวงเอกแห่งแอฟริกา” (The Great Star of Africa) ถือเป็นเพชรเจียระไนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันถูกใช้ประดับยอดพระคทากางเขน (คทาเซนต์เอ็ดเวิร์ด หรือคทาประจำพระองค์ของกษัตริย์อังกฤษ) ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องราชกกุธภัณฑ์แห่งสหราชอาณาจักร
คัลลินันหมายเลข 2 หรือ ดาวดวงรองของแอฟริกา (The Second Star of Africa) มีขนาดรองลงมาคือ 317.4 กะรัต ถูกตัดและเจียระไนเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเพื่อใช้ประดับบริเวณฐานหน้าของมงกุฎอิมพิเรียลสเตตซึ่งเป็นมงกุฎที่ใช้สวมหลังเสร็จพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่เสด็จออกจากวิหารเวสต์มินสเตอร์
ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ทรงสวมมงกุฎอิมพีเรียลสเตตเป็นประจำทุกปีในพิธีการเปิดประชุมรัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักร ปัจจุบันมงกุฎอิมพิเรียลสเตตมีน้ำหนักประมาณ 910 กรัม ประดับด้วยอัญมณีมากมาย เช่น เพชร 2,868 เม็ด, ไข่มุก 273 เม็ด, แซฟไฟร์ 17 เม็ด, มรกต 11 เม็ด, และทับทิม 5 เม็ด นอกจากนี้ยังมีอัญมณีที่มีชื่อเสียงหลายชิ้นคือ 1. แซฟไฟร์เซนต์เอ็ดเวิร์ด - นำมาจากแหวน (หรือ จุลมงกุฎ) ของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดธรรมสักขี ฝังอยู่ที่ตำแหน่งกางเขนบนมงกุฎ, 2. ทับทิมเจ้าชายดำ (Black Prince's Ruby) ซึ่งที่จริงคือ สปิเนลสีแดง (Red Spinel) ฝังอยู่บริเวณกางเขนด้านหน้าของมงกุฎ 3.เพชรคัลลินัน ฝังด้านหน้ามงกุฎบริเวณฐาน 4. แซฟไฟร์สจวต ฝังอยู่ที่ด้านหลังของมงกุฎ
คัลลินันหมายเลข 3 ได้รับการเจียระไนเป็นทรงหยดน้ำโดยมีขนาดย่อมลงมาคือ 94.4 กะรัต เพชรคัลลินันหมายเลข 3 แรกเริ่มเดิมทีถูกใช้เพื่อเป็นเพชรเม็ดหลักประดับเทียร่า Delhi Durbar Tiara ของพระนางแมรี่ - พระมเหสีของพระเจ้าจอร์ชที่ 5 (ซึ่งเป็นพระโอรสของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7) Delhi Durbar Tiara เป็นเทียร่าที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในแทนมงกุฎราชินีแห่งอังกฤษ ตอนทั้งสองพระองค์เสด็จประเทศอินเดียเพื่อสวมมงกุฎขึ้นเป็นจักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งอินเดีย ประเทศอังกฤษมีกฎห้ามนำเครื่องราชกกุธภัณฑ์แห่งสหราชอาณาจักรออกจากประเทศ จึงต้องมีการสร้างมงกุฎและเทียร่าองค์ใหม่สำหรับใช้สวมในงานพิธี
ปัจจุบัน Delhi Durbar Tiara ถือเป็นหนึ่งในบรรดาเทียร่าที่ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ได้รับสืบทอดมาจากพระนางแมรี่ซึ่งมีศักดิ์เป็นสมเด็จย่า ทรงมีรับสั่งให้ถอดเพชรคัลลินันออกเพื่อเปลี่ยนเป็นเข็มกลัด ส่วน Delhi Durbar Tiara มีการนำคริสตัลเม็ดใหญ่ไปประดับแทนที่
คัลลินันหมายเลข 4 มีลักษณะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 63.6 กะรัต เพชรเม็ดนี้เคยถูกใช้ทำเป็นเพชรประดับเทียร่าของพระนางแมรี่คู่กับคัลลินันหมายเลข 3 ปัจจุบันถูกถอดออกมาเพื่อใช้เป็นเข็มกลัดซึ่งควีนเอลิซาเบธที่ 2 นิยมสวมคู่กันกับคัลลินันหมายเลข 3 ควีนเอลิซาเบธที่ 2 เคยกล่าวถึงเข็มกลัดเพชรคัลลินันหมายเลข 3 และ 4 ขณะเสด็จเยือนประเทศเนเธอร์แลนด์ในปี 1958 ว่า เพชรทั้งสองเม็ดมีชื่อเล่นในหมู่สมาชิกราชวงศ์ว่า "Granny's Chips" เพราะเป็นของที่พระองค์ได้รับสืบทอดมาจากสมเด็จย่า
คัลลินันหมายเลข 5 เพชรทรงหัวใจขนาด 18.8 กะรัต เป็นเข็มกลัดตัวเรือนแพลตตินัมที่ถูกทำขึ้นเพื่อถวายพระนางแมรี่ในปี 1911 โดยเป็นหนึ่งในชุดเครื่องเพชรพิเศษที่ราชสำนักทำขึ้นใหม่สำหรับพิธีสวมมงกุฎจักรพรรดินีที่อินเดียโดยเฉพาะ ควีนแมรี่ติดเข็มกลัดรูปหัวใจไว้ที่กลางหน้าอก ขณะทรงสวม Delhi Durbar Tiara แทนมงกุฎราชินีแห่งอังกฤษ ปัจจุบันเข็มกลัดรูปหัวใจเป็นหนึ่งในมรกดตกทอดที่ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ได้รับสืบทอดจากสมเด็จย่า ทรงสวมเข็มกลัดคัลลินันหมายเลข 5 เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาในโอกาสฉลองวันคล้ายวันประสูติ 99 พรรษา ของพระสวามี - เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ
คัลลินันหมายเลข 6 เพชรทรงข้าวสาร (marquise-cut) ขนาด 11.5 กะรัต ถูกใช้เป็นตัวห้อยของเข็มกลัดประดับเพชรคัลลินันหมายเลข 8 เข็มกลัดอันนี้คาดว่าถูกทำขึ้นพร้อมๆ กับเข็มกลัดรูปหัวใจ (คัลลินันหมายเลข 5) เพราะมีลักษณ์และดีไซน์ที่คล้ายกัน
คัลลินันหมายเลข 7 เพชรทรงข้าวสาร (marquise-cut) ขนาด 8.8 กะรัต เพชรเม็ดนี้เป็นของขวัญที่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 มอบให้กับพระนางอเล็กซานดร้า - พระมเหสีของพระองค์ ซึ่งตกทอดต่อมาให้กับพระนางแมรี่ซึ่งเป็นลูกสะใภ้ พระนางแมรี่ใช้เพชรเม็ดนี้ประดับเป็นตัวห้อยในชุดสร้อยพระศอเพชรประดับมรกตเดลี เดอร์บาร์ (Delhi Durbar Necklace with Cullinan VII Pendant)
คัลลินันหมายเลข 8 เพชรทรงสี่เหลี่ยมขอบมนขนาด 6.8 กะรัต ใช้เป็นเข็มกลัดซึ่งสวมร่วมกับตัวห้อยที่ทำมาจากคัลลินันหมายเลข 6
คัลลินันหมายเลข 9 เพชรทรงหยดน้ำขนาด 4.4 กะรัต ถูกนำมาทำเป็นหัวพระธำมรงค์(แหวน) ของพระนางแมรี่ ปัจจุบันแหวนวงนี้มีชื่อเรียกว่า แหวนคัลลินันหมายเลข 9 (Cullinan IX Ring)
.
ติดตามบทความของเพจพื้นที่ให้เล่า ได้บน LINE TODAY ทุกวันเสาร์
.
อ้างอิง
AOM 689 ถ้าส่งผ่านปณ.ไทย คงไม่ถึง
04 ก.ค. 2563 เวลา 10.54 น.
Fon นี้ ไง ตัวอย่างที่มาความรุ่งเรืองในอดีต
ที่เราควรใช้มันเป็น อดีตสอนคนในชาติ
ให้สามัคคี รักชาติ รักที่มาของความเป็นประเทศ.
ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม ไม่ลืมรากเหง้า ของความ
เป็นประเทศที่. บรรพบุรุษ รักษาไว้ให้. มีความเป็นไทย
อยู่ไกลถึง แอฟริกา ยังตกเป็นเมืองขึ้น
ของชาติยุโรปได้เลย กรรรม.
04 ก.ค. 2563 เวลา 10.38 น.
ถ้าในราชวังอังกฤษมีคนงานชื่อเกรียงไกรเพชรคัลลินานอาจตกอยู่ที่ไทยจนไม่สามารถตาหาได้
18 ก.ค. 2563 เวลา 02.16 น.
ดูทั้งหมด