[summary]
*พบมีการขายบัตรพลังงาน คล้ายบัตร ATM อ้างสรรพคุณในการรักษาโรค
*หลังตรวจสอบพบว่า บัตรมีระดับรังสีสูงกว่าค่าขีดจำกัดการได้รับปริมาณรังสีสำหรับประชาชนทั่วไป 350 เท่า
*ปส. แนะนำอย่าใช้สินค้าดังกล่าว เพราะไม่เกิดประโยชน์ ซ้ำยังอาจได้รับรังสีโดยไม่จำเป็น
[/summary]
จากกรณีประชาชนซื้อบัตรสมาร์ทการ์ด คล้ายบัตร ATM หรือ “บัตรพลังงาน” มีสรรพคุณในการรักษาโรค โดยเฉพาะอาการปวดเมื่อยต่างๆ ตามร่างกาย โดยใช้วิธีการนำบัตรไปแกว่งในแก้วน้ำ แล้วนำมาดื่ม หรือนำแก้วน้ำวางทับบนบัตรแล้วดื่ม รวมทั้งมีการนำบัตรมาสัมผัสกับร่างกายในจุดที่ปวดเมื่อย
โดย สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสีของประเทศ รับช่วงต่อจาก รศ. ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พร้อมเร่งตรวจสอบด้วยกระบวนการและเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย
ล่าสุดวันที่ 17 มิ.ย.62) สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ได้ผลการวิเคราะห์ ดังนี้
ไม่พบการเปรอะเปื้อนทางรังสีที่วัสดุห่อหุ้มและพื้นผิวของแผ่นการ์ด สำหรับการ์ดตัวอย่างที่สมบูรณ์ไม่แตกหัก
การวัดธาตุองค์ประกอบของแผ่นการ์ดด้วยเทคนิคการเรืองรังสีเอกซ์ (X-ray Fluorescence: XRF) พบธาตุยูเรเนียมและทอเรียม
การวิเคราะห์ไอโซโทปรังสีในแผ่นการ์ดด้วยระบบวิเคราะห์แกมมาสเปคโตรสโคปี (Gamma Spectroscopy) พบนิวไคลด์กัมมันตรังสีของอนุกรมทอเรียมและยูเรเนียม
การวัดค่าระดับรังสี (Dose rate) เทียบกับค่ารังสีพื้นหลัง พบว่า ระดับรังสีของแผ่นการ์ดสูงกว่าระดับรังสีพื้นหลัง ประมาณ 200 เท่าที่ระยะห่างจากแผ่นการ์ด 1 เซนติเมตร ซึ่งระดับรังสีที่วัดได้อยู่ที่ประมาณ 40 ไมโครซีเวิร์ตต่อชั่วโมง หรือเทียบเป็น 350 เท่าของขีดจำกัดการได้รับปริมาณรังสีสำหรับประชาชนทั่วไปในระยะเวลา 1 ปี ซึ่งเป็นไปตามกฎกระทรวงความปลอดภัยทางรังสี พ.ศ. 2561
การวัดค่าการกระจายตัวของสารกัมมันตรังสีในแผ่นการ์ด ด้วยเทคนิค Imaging plate พบว่าสารกัมมันตรังสีกระจายอยู่ทั่วทั้งแผ่นการ์ดอย่างสม่ำเสมอ
การถ่ายภาพเพื่อดูลักษณะภายในของแผ่นการ์ดด้วยรังสีเอกซ์ ไม่พบชิ้นส่วนอื่นใดประกอบอยู่ภายในแผ่นการ์ด
ทั้งนี้ หากยูเรเนียมและทอเรียมเข้าสู่ร่างกายจะก่อให้เกิดการแผ่รังสีต่ออวัยวะภายใน และเกิดอันตรายต่อร่างกายได้ โดยปส. เตรียมการวิเคราะห์การปนเปื้อนของวัสดุกัมมันตรังสีเมื่อนำแผ่นการ์ดแช่ในน้ำในลำดับต่อไป และเมื่อมีข้อมูลครบถ้วน ปส. อาจดำเนินคดีกับบริษัทผู้จำหน่ายต่อไป
อย่างไรก็ตาม ปส. แนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการครอบครองและใช้สินค้าที่มีส่วนผสมของวัสดุกัมมันตรังสี วัสดุนิวเคลียร์ หรือวัตถุอันตรายดังกล่าว เพราะนอกจากจะไม่เกิดประโยชน์หรือความคุ้มค่าแล้ว อาจได้รับรังสีโดยไม่จำเป็น และอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. 2559
หากประชาชนผู้ใช้สินค้ามีข้อกังวลใจประเด็นที่ไม่ทราบว่าจะนำการ์ดดังกล่าวไปกำจัดที่ไหน สามารถประสานไปยังสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. เพื่อจัดการต่อไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มส่งเสริมเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ โทรศัพท์ 0 2596 7600 ต่อ 1123-4
"เด็กเอ๋ยเด็กน้อยความรู้เรายังด้อยการศึกษา เมื่อเติบใหญ่เราจะได้มีวิชา เป็นเครื่องหาเลี้ยงชีพสำหรับตน "
___ ทำไมตอนเราเป็นเด็กท่านผู้รู้จึงต้องให้เราเรียนหนังสือ ก็คงเพราะเหตุนี้มั้ง __
เพราะการศึกษาล้วนๆสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้นกับสังคม
18 มิ.ย. 2562 เวลา 00.40 น.
biar6666 ให้มันใช้ๆไปเหอะ จะได้ตายๆให้หมด พวกแดกหญ้าแทนควาย.. ต่อไปจะได้ไม่งมงายอีก.. เด๋วก็มีเวอรผ์ชั่นใหม่เพิ่มมา.. ประหารซะได้ตัวนำมาจำหน่ายและเผยแพร่
18 มิ.ย. 2562 เวลา 00.09 น.
uptome🎭♠️🎤🎧 เมื่อไหร่จะตาสว่างกันซะที โดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชั่งไม่มีเหตุผลกันซะเลย
18 มิ.ย. 2562 เวลา 00.51 น.
Khon yaan mie* กูอายยยยแทนพวกมึงว๊ะกูก็คนอีสานแต่กูไม่เป็น คลายๆๆๆให้ภาคอื่นเขาหัวเราะเยาะว๊ะ!!!
18 มิ.ย. 2562 เวลา 01.05 น.
⭐️ ทนาย ธนวิน ⭐️ เพิ่งรู้วันนี้เองว่า สนง.ปรมณูเพื่อสันติทำหนิาที่นี้นะเนี่ย โห แถมรับช่วงต่อการทำงานมาจากอาจารย์มหาวิทยาลัยอีก บทบาทหน้าที่ชัดเจนมากจริงๆ
18 มิ.ย. 2562 เวลา 00.34 น.
ดูทั้งหมด