วันหนึ่งในปี 1980 ลูกค้าคนหนึ่งซื้อเครื่องประดับคู่หนึ่งจากคาร์ บูต เซลส์ ที่ลอนดอน มันเป็นเพชรเก๊ ราคาแค่ 13 เหรียญ ผู้ซื้อก็รู้ว่ามันเป็นเพชรปลอม
เอาละ ถ้าเป็นหนัง หลังจากฉากนี้กลางจอก็ขึ้นข้อความว่า ‘30 ปีต่อมา’ คราวนี้เจ้าของขายเพชรเก๊นั้นต่อ ไม่ได้ขายแบกะดิน แต่ผ่านสถาบันประมูล Sotheby และไม่ใช่ราคา 13 เหรียญ (400 บาท) แต่เป็น 456,000 เหรียญ (15 ล้านบาท)
ความจริงเผยว่า มันเป็นเพชรแท้ 26 กะรัต ลวดลายเจียระไนสไตล์เก่าของศตวรรษที่ 19
ไม่ใช่ส้มหล่นทับคน แต่เป็นเพชรทับคน!
เราเรียกเหตุการณ์แบบนี้ว่า ‘ดวง’ เราเชื่อว่ามันเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ
ทว่ามองในมุมวิทยาศาสตร์ ‘ดวง’ ไม่ใช่สิ่งที่ถูกกำหนดมาจากฟากฟ้า หรือชาติภพใด แต่คือจังหวะของเหตุการณ์
คนบางคนยืนอยู่ถูกที่ถูกเวลา คนบางคนก็ยืนอยู่ผิดที่ผิดเวลา
บางคนรอดชีวิตจากเรือล่ม เพราะไปลงเรือไม่ทัน รอดชีวิตจากเครื่องบินตก เพราะนั่งอยู่ในตำแหน่งที่ลงตัวพอดี เครื่องบินตก คนตายเกือบทั้งลำ กลับรอดมาได้ บางคนจอดรถตรงตำแหน่งที่แท่งปูนหล่นลงมาทับพอดี
เหตุการณ์ต่างๆ ในโลกไหลเรื่อยหมุนเวียน บางทีคนและเหตุการณ์ก็ประสบประสานกัน ถ้าเจอกันแล้วเกิดเรื่องดี เรียกว่าดวงดี
ดังนั้น ‘ดวงดี’ ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะในจำนวนคนเจ็ดพันล้านคนทั่วโลก และเหตุการณ์มากมาย ย่อมมีคนสักคนสองคนถูกเพชรหล่นทับบ้าง
บางครั้งในเหตุการณ์เดียวกัน เป็นดวงดีสำหรับคนหนึ่ง และดวงไม่ดีสำหรับอีกคนหนึ่ง เช่นในกรณีซื้อเพชรนี้ ในมุมคนซื้อเพชรเป็นเรื่องดีเพราะได้รับเพชรแท้ ในมุมเจ้าของเป็นเรื่องไม่ค่อยดี เพราะสูญเสียเพชรแท้ไป
……………
ชีวิตเราเป็นส่วนผสมของเหตุการณ์ที่เรียกว่า ‘ดวงดี’ กับ ‘ดวงไม่ดี’ ปนๆ กัน น้อยคนมากจะเจออย่างใดอย่างหนึ่งอย่างเดียว
จังหวะโอกาสบางอย่างนั้นสร้างขึ้นเองได้ แต่บางอย่างก็สร้างไม่ได้ เช่นใครคนหนึ่งเดินชนผู้กำกับหนังแล้วได้รับชวนไปเล่นหนัง เราเรียกโอกาสแบบนี้ว่า ‘ความบังเอิญ’ แต่ความบังเอิญก็เป็นเพียงจังหวะอย่างหนึ่งเท่านั้น
แต่จังหวะพอดีไม่ได้รับประกันว่าชีวิตจะประสบความสำเร็จ มันเพียงจุดหัวเทียนของรถยนต์ติดเท่านั้น การขับรถต่อไปข้างหน้าเป็นเรื่องของคนขับ
ความสำเร็จจริงๆ มาจากการสานต่อด้วยการทำงานหนักต่อเนื่อง ความอดทน ขยันหมั่นเพียร
การปล่อยชีวิตไปตามดวงก็คือการรอคอยโดยไม่ทำอะไร
คนจำนวนมากเรียนเก่ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะยืนอยู่ในตำแหน่งอับจน ก็ต้องพิจารณาว่าจะสามารถสร้างจังหวะและโอกาสขึ้นมาเองได้หรือไม่ หรือปรับปรุงตัวเองอย่างไรเพื่อจะได้เข้าใกล้จังหวะและโอกาสของความ ‘ดวงดี’
อย่างไรก็ตาม คนจำนวนมากพบปะกับจังหวะและโอกาสที่ดี แต่ไม่พร้อมรับ มันจึงไม่ก่อให้เกิดสภาวะ ‘ดวงดี’ ขึ้น
ยืนถูกที่ถูกเวลา แต่ไม่พร้อม!
คนบางคนอาจสงสัยว่าทำไมคนอื่นเรียนภาษาจีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส ฯลฯ ทั้งที่การงานไม่ต้องใช้ภาษาเหล่านั้น แต่หากจังหวะและโอกาสมาจากจีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส ฯลฯ มีแต่คนที่เตรียมพร้อมภาษาจีน ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส ฯลฯ ก่อนเท่านั้นจึงสามารถโลดไปข้างหน้าได้
คนฉลาดจึงควรเตรียมพร้อมเสมอ ด้วยความรู้ ทักษะ เพื่อที่เมื่อจังหวะและโอกาสเดินทางมาถึง ก็พุ่งโลดไปโดยไม่สะดุด
คนมีปัญญาคือคนที่เตรียมพร้อมรับจังหวะและโอกาสนี้เสมอ เมื่อมันมาถึง ก็สามารถใช้แรงส่งของจังหวะและโอกาส โลดพุ่งไปข้างหน้า และถ้าไม่มีจังหวะและโอกาส ก็พยายามสร้างมันขึ้นมา
……………
Watti Apiwatti บางคนไม่ พึงพอใจ ในบ้านเกิด
เที่ยวเตลิด เชิดชักชวน ป่วนกระแส
เตร่ผิดที่ ผิดเวลา ตาไม่แล
ตัวเป็นแผล เพราะสะดุด สุดโทษ..ซวย. 🧐
22 ก.ค. 2562 เวลา 12.40 น.
หนึ่ง มันเป็นวิบากหรือเวลาที่กรรมส่งผลแต่เรามักคิดว่ามันเป็นดวง ไม่มีคำว่าบังเอิญหรือดวงในศาสนาพุธ
22 ก.ค. 2562 เวลา 11.34 น.
ดีจัง ขอบคุณค่ะ
22 ก.ค. 2562 เวลา 11.32 น.
Zeed Beer 77 ขอบพระคุณ คุณวินทร์ที่นำเสนอแง่มุมดีๆมาเล่าสู่กันฟังครับ ขอให้เขียนเรื่องราวแบบนี้เยอะๆสู่ผู้อ่านนะครับ
25 ก.ค. 2562 เวลา 04.33 น.
บทความที่เขียนมันก็เป็นไปได้ แต่บางคนเกิดมาในครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่บางคนเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ไม่เรียกว่าดวงแล้วเรียกว่าอะไร ส่วนการดิ้นรนจนประสพความสำเร็จ และทำอะไรก็ไม่สำเร็จ ไม่ใช่ดวงหรือ เกิดมาต้องพบวิบากกรรมก่อน จึงจะประสพความสำเร็จ เพราะเราได้ภูมิต้านทานความทุกข์มาจากวิบากกรรม ไม่เรียกว่าดวงแล้วเรียกอะไร คนไม่มีดวงเจริญรุ่งเรือง ทำให้ตายก็ไม่เจอความสำเร็จหรอก แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราจะเชื่อหรือไม่ ไม่มีใครผิดใครถูก อยู่ที่เหตุผลที่เราเจอกับตัวเอง ว่ามั้ย
24 ก.ค. 2562 เวลา 08.31 น.
ดูทั้งหมด