ทั่วไป

"สุชาติ" ห่วง "ชิมช้อปใช้" อาจให้ผลร้ายมากกว่าผลดีศก.ไทยระยะยาว

มติชนสุดสัปดาห์
อัพเดต 16 พ.ย. 2562 เวลา 23.50 น. • เผยแพร่ 16 พ.ย. 2562 เวลา 23.50 น.

เมื่อวานนี้ (16 พฤศจิกายน 2562) นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้แสดงความเห็นต่อนโยบายชิมช้อปใช้ที่ออกมาอย่างต่อเนื่องท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจของไทยที่ตกต่ำว่า

1) โครงการ “ชิมช้อปใช้” เป็นการใช้เงินที่รวมในรายจ่ายงบประมาณรัฐบาล​ ​3.2 ล้านๆบาท ​อยู่แล้ว โดยรัฐบาลจะเก็บภาษี (ดูดเงินออกจากระบบเศรษฐกิจ) จำนวน 2.73 ล้านๆบาท และไปกู้มาสมทบการขาดดุล​ 4.69 ​แสนล้านบาท​ ซึ่งจะทำให้ระบบเศรษฐกิจเจริญเติบโต 2.8% เงินที่ใช้ในโครงการ ชิมช้อปใช้​ (3 เฟส)​ ประมาณ 22,000 ล้านบาท​ จึงไปลดโครงการการลงทุน​อื่นๆ ของรัฐบาล​ ซึ่งอาจมีประโยชน์มากกว่า​การใช้จ่ายในโครงการนี้​ แล้วหมดไป

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

2) เป็นความเข้าใจผิดของรัฐบาล ที่คิดว่าเงินชิมช้อปใช้ จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้​ เพราะการคิดเรื่องกระตุ้นระบบเศรษฐกิจ เราต้องคิดถึงขนาดรายจ่ายรัฐบาลทั้งหมด​ หักด้วยเงินภาษีที่รัฐบาลเอาออกจากระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเงินกระตุ้นก็คือ 4.69 แสนล้านบาท​ ว่าจะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจปัจจุบันซึ่งมีขนาด 17.8 ล้านๆบาท​ เท่าไร และหากนับเฉพาะเงินโครงการ ชิมช้อปใช้​ จะคิดเป็น​เพียง 0.12% ของ GDP​ เท่านั้น ซึ่งเปรียบเสมือนหยิบเม็ดทรายขว้างลงไปในทะเล แล้วหวังว่าน้ำทะเลจะกระเพื่อม

3) เป้าหมายที่แท้จริงของรัฐบาลในโครงการ ชิมช้อปใช้​ ทั้ง​ 3 เฟส​ ดูเหมือนเป็นการแจกเงินเพื่อหาเสียงล่วงหน้า​ เพื่อให้คน​ 15 ล้านคน​ รู้สึกดี​ ได้เงินฟรีๆ​ จากรัฐบาล (แต่ความจริงเป็นเงินที่รัฐบาลไปกู้มา​ เพราะงบประมาณขาดดุลฯ ต้องเก็บภาษีจากประชาชนคืนในอนาคต)​ รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณรัฐบาล​ แต่จะทำให้นิสัยแย่ลง อาจทำงานน้อยลง​ รอเงินแจกจากรัฐบาลมากขึ้น​เรื่อยๆ​ หากทำเช่นนี้​ไปนานๆ​ วันหนึ่งประเทศไทยอาจเหมือน​ เวเนซุเอลา ที่เคยร่ำรวยส่งออกน้ำมันเป็นอันดับ 2 ของโลก ปัจจุบันล่มจมไม่มีจะกิน…แม้​ องค์กร​ IMF​ ก็ได้แสดงความไม่เห็นด้วย​ กับโครงการ​ชิมช้อปใช้​ ของรัฐบาลไทย

4) รัฐบาลควรส่งเสริมให้ประชาชนทำงานมากๆ​ (มีวันหยุดไม่มากเกินไป​ เพราะเรายังยากจน)​ คนไทยจึงจะมีผลผลิต​มากๆ​ มีรายได้มากขึ้น​ โดยใช้จ่ายบริโภคน้อยลง​ แต่ออมเงินมากขึ้น​ เพื่อนำไปฝากไปลงทุน ประเทศไทยจึงจะเจริญเติบโต​ในอัตราสูงขึ้น ประชาชนไทยจึงจะมีอนาคต​ มีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้น​ การส่งเสริมให้ประชาชนเป็นหนี้เพิ่มขึ้น​ เพื่อนำไปใช้จ่ายแล้วหมดไป​ จึงเป็นเรื่องที่ผิด​ ไม่ถูกต้อง​ รัฐบาลไม่ควรทำ ครัวเรือนไทยโดยรวม​เป็นหนี้กว่า 13​ ล้านๆบาท​​ คิดเป็น​ 78.7% ของ​ GDP​ ซึ่งสูงมาก​ นับเป็นที่​ 2 ในเอเชีย การเพิ่มหนี้ครัวเรือนขึ้นอีก​ จะทำให้ประเทศไม่เจริญเติบโต​ และอาจล้มละลายได้​ในอนาคต

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 19
  • Pia
    ตอนเป็นรัฐบาลพรรคมึงโกงไปกี่แสนล้านมึงไม่ห่วงเศรษฐกิจตกต่ำ. นั่งรุดสากกะเบือเล่นได้นะ
    17 พ.ย. 2562 เวลา 01.23 น.
  • preeda phoopao
    มึงคงคิหละสิ โครงการง่ายทำไมเจาะฐานคะแนนเสียงพวกมึงได้ ถ้าปล่อยไว้พวกมึงตายหมด
    17 พ.ย. 2562 เวลา 01.43 น.
  • 1 LEVEL 🎱 🐒
    ชิม,shop,ใช้ นั้น ต้องปรับเปลี่ยนไปเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนแบบฟันเฟือง (ฝันเฟื่องนั้นเป็นไปไม่ได้ ) แจกเงินสำหรับบุคคลที่ยังไม่ได้สิทธิ์ แล้วให้ใช้สิทธิ์ของตนเอง 30% (เงินตนเอง แต่ไม่เกิน 900 บาท)ในสินค้าชนิดเดียวกัน (ยกเว้นสินค้าในห้างฯทุกชนิด (แต่อนุโลมให้ไม่เกิน 300 บาท ) ระยะเวลา 1 เดือน ป.ล.คนว่างงานนั้นลดลงไม่น้อยกว่า 60% หมุนเวียนไปทุก 10 จังหวัด แต่ไม่เกิน 10 เดือน is เดือนเมษา & เดือน ธันวาคม only🚶‍♂️🚶‍♀️🚶‍♂️🚶‍♀️🚶‍♂️🕺🚶‍♂️🚶‍♀️🚶‍♀️👨‍👩‍👧‍👧🤳👨‍👩‍👧‍👧👨‍👩‍👦‍👦
    17 พ.ย. 2562 เวลา 01.42 น.
  • Tu
    เห็นด้วยเรื่องให้ ปชช ขยันทำมาหากิน ประหยัด และเก็บออม เดี๋ยวนี้มีแต่รัฐบาลที่ต้องการให้ใช้เงินมากๆ บอกว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ คนไหนที่รู้ตัวว่าตัวเองยังมีหนี้อยู่ เลยไม่รู้จักการใช้เงิน ออมเงินเลย แล้วอนาคตล่ะ ถามว่าที่รัฐบาลให้เงิน 1000 บาท แล้วคุณใช้จริงๆ เท่านั้นเหรอ ประหยัดๆกันบ้าง สำหรับคนที่ยังต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ
    17 พ.ย. 2562 เวลา 01.59 น.
  • Thawatchai3
    เอาจริงๆเห็นตั้งแต่ตาตู่มา การก่อสร้างเต็มไปหมด เยอะมากกว่ารัฐบาลเพื่อไทย
    17 พ.ย. 2562 เวลา 01.03 น.
ดูทั้งหมด