นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ตร. กำชับดูแลความปลอดภัยตลอดทั้งปี ย้ำชายแดนใต้ให้เข้มงวดมากขึ้น บางพื้นที่ต้องปรับฐานที่ตั้งเพราะไม่เลือกเกิดเหตุตอนไหน รับไปขยายเรื่องความรุนแรงมากๆ เป็นสิ่งที่ไม่ดี ส่ง ผบ.ตร.ลงพื้นที่ 15 พ.ย.บูรณาการหน่วยงาน ขณะที่เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าปิดล้อมเป้าหมาย 9 จุด ควบคุมตัวอีก 5 คน ออกหมายจับเพิ่มอีก 1 ราย
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เวลา 14.00 น. วันที่ 15 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ครั้งที่ 2/2562 ภายหลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลความปลอดภัยในช่วงปลายปีว่า เรื่องนี้มีการย้ำอยู่เสมอ คงไม่เฉพาะช่วงปลายปี เราต้องดูแลรักษาความปลอดภัยตลอดทั้งปี วันนี้ได้มีการย้ำเตือนในเรื่องของการปฏิบัติงาน ทั้งในส่วนของสถานการณ์ปกติ ในเขตเมือง ชุมชน ท้องถิ่น ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอยู่ จะต้องทำงานแบบบูรณาการ รวมถึงการเน้นย้ำการดำเนินการร่วมในการรักษาความมั่นคงภายใน ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ด้วย "รวมถึงการแก้ไขปัญหาภาคใต้ก็ได้มีการเน้นย้ำว่าวันนี้อยู่ในขั้นตอนการปรับเปลี่ยนในเรื่องของพื้นที่และการวางกำลัง ซึ่งทาง รองเลขาฯ กอ.รมน. คือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จะลงไปในพื้นที่วันที่ 15 พ.ย.นี้ เพื่อประสานการทำงานร่วมกันระหว่างทหารและตำรวจ รวมทั้งในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ในการปรับแผนการดำเนินการในช่วงต่อจากนี้ เพื่อให้เกิดความสอดคล้อง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว นายกฯ กล่าวว่า วันนี้หลายอย่างเพิ่มแรงกดดันมากยิ่งขึ้น ข้อสำคัญถ้าเราไปขยายเรื่องความรุนแรงมากๆ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่เราไปห้ามกันไม่ได้ เนื่องจากมีการบาดเจ็บและสูญเสีย ก็ต้องแสดงความเสียใจกับผู้สูญเสียและบาดเจ็บ รัฐก็ต้องดูแลเยียวยากันต่อไป ในส่วนของการดำเนินการ การระมัดระวังตัวเอง ก็ได้มีการกำชับให้มีการเข้มงวดมากยิ่งขึ้น เราต้องเตรียมความพร้อมของเราในการดูแลประชาชนและการดูแลความปลอดภัยให้กับตัวเอง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ด้วย บางพื้นที่อาจต้องมีการปรับที่ตั้ง ก็กำลังพูดคุยกันอยู่ "วันนี้ผมก็ได้ย้ำไปในทุกเรื่อง เพราะสถานการณ์ไม่เลือกว่าจะเกิดตอนไหน เพียงแต่สถานการณ์ตอนไหนที่มีคนเยอะและเสี่ยงมากๆ เราก็ต้องเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งเป็นในส่วนของกติกาที่ทุกคนต้องร่วมกันทำ จึงอยากให้ทุกคนได้ร่วมกันระดมความร่วมมือจากภาคประชาชนในการมีส่วนร่วมดูแลรักษาความปลอดภัยด้วย เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีอยู่จำนวนจำกัด ดังนั้น ชุมชน ประชาชน และท้องถิ่น ต้องมีส่วนร่วมตรงนี้ เราต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันทุกคน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงเหตุกราดยิงชรบ.ที่ จ.ยะลา ว่ามีความคืบหน้าไปแล้วค่อนข้างมาก ทุกภาคส่วนเร่งทำงานสืบสวนหาตัวผู้ก่อเหตุ โดยในวันที่ 15 พ.ย. พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. จะลงพื้นที่ไปติดตามคดีและหามาตรการป้องกันการก่อเหตุซ้ำ และในวันที่ 16 พ.ย. ตนก็ลงพื้นที่ไปติดตามคดี พร้อมจะแถลงความคืบหน้าคดีสำหรับผู้ก่อเหตุเบื้องต้นมีข้อมูลเชื่อมโยงกับการก่อเหตุในพื้นที่ภาคใต้ก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก สตช. กล่าวกรณีเกิดเหตุระเบิดพลีชีพในประเทศอินโดนีเซียว่า เหตุการณ์นี้ไม่มีชาวไทยได้รับบาดเจ็บ จึงฝากเตือนคนที่จะเดินทางไปยังประเทศอินโดนีเซียในช่วงนี้ให้ระมัดระวังตัว ติดตามข่าวสารอย่างเข้มงวดส่วนการข่าวได้ประสานข้อมูลกับฝ่ายความมั่นคง ยังไม่มีสิ่งผิดปกติ และไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ยิง ชรบ.ที่ จ.ยะลา ขณะนี้ได้สอบปากคำพยานโดยให้การเป็นประโยชน์จนนำไปสู่การออกหมายจับคนร้ายในระดับปฏิบัติได้บางส่วน แต่ยังไม่ขอเปิดเผยจำนวนและรายละเอียดว่าเป็นใครบ้าง ด้าน พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เปิดเผยความคืบหน้าคดีคนร้ายยิงถล่มป้อม ชรบ.ลำพะยา จ.ยะลา ว่าตำรวจได้ออกหมายจับเพิ่มอีก 1 คนคือ นายอาดัม มูสอดี ราษฎร อ.กาบัง จ.ยะลา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้หลักฐานจากการตรวจดีเอ็นเอจากเลือดที่พบในที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับในคดีดังกล่าวนี้ไปแล้ว 3 หมาย และกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เชื่อว่าในเร็วๆ นี้จะสามารถออกหมายจับผู้ก่อเหตุได้อีกหลายราย วันเดียวกัน เวลา 05.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารเข้าปิดล้อมตรวจค้น 9 จุด ใน 3 อำเภอคือ อำเภอเมืองฯ, กรงปินัง และบันนังสตา จ.ยะลา เพื่อเชิญตัวผู้ต้องสงสัยที่เป็นกลุ่มคนเข้าโจมตีป้อม ชรบ.บ้านทางลุ่ม ต.ลำพะยา หนึ่งในเป้าหมายที่เข้าตรวจค้นคือที่หมู่บ้านต้นหยี หมู่ 7 ต.ลำพะยา อ.เมืองยะลา ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุโจมตีป้อม ชรบ.ราว 5 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกเชิญตัวผู้ต้องสงสัย 1 คน ซึ่งจากพยานหลักฐานชี้ว่าเป็นมือประกอบระเบิดแสวงเครื่องเข้าโจมตี ชรบ. โดยแต่ละเป้าหมายที่เข้าปิดล้อมตรวจค้นในวันนี้ มีข้อมูลว่าเป็นบ้านของแนวร่วมระดับปฏิบัติการที่ทำหน้าที่เข้าโจมตีป้อม ชรบ. ซึ่งเชิญตัวมาซักถามทั้งหมด 5 คน หน่วยงานด้านความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้รายงานว่า เหตุถล่มยิงป้อมจุดตรวจลำพะยา น่าจะเป็นการตอบโต้กรณีเจ้าหน้าที่จับกุมตัวอุสตาซรายหนึ่งในพื้นที่ จ.สตูล เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีหมายจับคดีความมั่นคงและมีความเชื่อมโยงกับเหตุลอบวางระเบิด อส.อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เสียชีวิต 2 นาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ เนื่องจากอุสตาซคนดังกล่าว เดิมมีภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.ลำพะยา และเคยเป็นอุสตาซสอนอยู่ที่โรงเรียนปอเนาะแห่งหนึ่งใน จ.ยะลา ก่อนที่จะถูกออกหมายจับของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ข้อหากบฏ ก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร และได้หลบหนีไปกบดานอยู่ในโรงเรียนปอเนาะในพื้นที่ อ.ควนกาหลง จ.สตูล เป็นเวลา 14 ปี ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่จับกุม และรับว่าเคยเป็นแกนนำบีอาร์เอ็น หลังการจับกุมอุสตาซรายนี้ จึงทำให้แกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ จ.ยะลา ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดระดมแกนนำระดับปฏิบัติการหลายคนที่เคยก่อเหตุและแนวร่วมในพื้นที่ ทั้ง จ.ยะลา ปัตตานี รอยต่อ จ.สงขลา เข้ามาวางแผนการและเลือกเป้าหมายที่จะก่อเหตุได้ง่ายและอยู่ในพื้นที่ รวมไปถึงเส้นทางหลบหนีออกนอกพื้นที่.
chettha ชกส 13 ถ้านั่งหัวโต๊ะแล้วกำชับด้วยคำพูดเด็กๆก็ทำได้ ไม่ต้องเป็นมึงหรอกไอ้ตูด เก่งจริงมึงจี้ไอ่แดง ลงไปแก้สถานะการณ์ แก้มาเป็นสิบกว่าปีแล้วยังเหมือนเดิม มีแต่ทุ่มงบลงไปให้พวกมึงแดกกันจนรวยแล้ววนไป ไอ้ผบ.ทบ.นั่นก็ ชมช้อปใช้ เงินภาษีซื้อแม่งแต่อาวุธไหนบอกมีสงครามไฮบริดไง
15 พ.ย. 2562 เวลา 02.12 น.
BOM สมัยที่คุมกองทัพไม่จัดการให้เรียบร้อยละครับ มัวแต่เตรียมแผนกบฏปล้นชาติ
15 พ.ย. 2562 เวลา 02.07 น.
Rong ได้เวลาหากินกันอีกแล้ว งานนี้ใช้งบอีกกี่พันล้านละตูบ
15 พ.ย. 2562 เวลา 01.59 น.
Sombat สรุปง่ายๆ นางบอกชาวบ้านว่าตัวใครตัวมัน
15 พ.ย. 2562 เวลา 01.54 น.
Birdbery เสิมกำลังด้วยรถหุ้มเกราะสไตรเกอร์มือสองเลยครับ มันสู้ไม่ได้แน่ๆ
15 พ.ย. 2562 เวลา 01.52 น.
ดูทั้งหมด