ไอที ธุรกิจ

8 คุณสมบัติ “หุ้นปันผลที่ดี”

Wealth Me Up
เผยแพร่ 07 ส.ค. 2563 เวลา 02.00 น. • Wealth Me Up

 

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…

Facebook | Line | Youtube | Instagram

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

 

บริษัทเต็มใจและมีความพร้อมที่จะจ่ายเงินปันผล

 

โดยพิจารณาจากบริษัทที่ สามารถสร้างผลกำไรได้สม่ำเสมอมั่นคง (ไม่ใช่เป็นบริษัทที่มีกำไรไม่แน่นอน ปีนี้มี กำไรมาก ปีหน้ากำไรน้อยลง ปีถัดไปขาดทุน) ดังนั้น จึงควรพิจารณาว่าบริษัทมีผลประกอบการ มีผลกาไรมั่นคงแน่นอน เพียงใด โดยดูจากผลการดำเนินงานในอดีตว่าเป็นอย่างไร และควรดูย้อนหลัง 5 ปีขึ้น ไป เพื่อดูความสม่ำเสมอของผลกำไร ว่าขึ้นๆ ลงๆ หรือไม่ สำหรับหุ้นกลุ่มที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอและน่าจับตามอง ได้แก่ กองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์, หุ้นกลุ่มธุรกิจให้บริการด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น น้ำประปา ไฟฟ้า

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

 

 ราคาหุ้นไม่ผันผวนมาก

 

พิจารณาหุ้นที่มีค่า Beta ต่ำ หมายความว่า ความผันผวนด้านราคา จะมีไม่มากนัก ดังนั้น เมื่อลงทุนและหวังเงินปันผล ก็ไม่ต้องกังวลกับความผันผวน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

 

บริษัทดำเนินธุรกิจที่ไม่ผันผวน

 

เมื่อเลือกหุ้นปันผลต้องมองข้ามหุ้นกลุ่มสินค้า โภคภัณฑ์ เพราะเป็นธุรกิจที่ไม่แน่นอน หากเป็นช่วงที่ธุรกิจเป็นวัฎจักรขาลง การซื้อ หุ้นเพื่อรอรับปันผลไปเรื่อยๆ คงไม่เหมาะสมมากนัก เนื่องจากธุรกิจมีความผันผวน ย่อมทำให้ผลการดำเนินงานมีความผันผวนตามไปด้วย

 

มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่

 

พิจารณาเลือกหุ้นปันผลที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่พอสมควร แต่ถ้าเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปน้อย ต้องเลือกหุ้นที่มีการกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) มากกว่าเกณฑ์ขั้นต่าที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด

 

บริษัทมีฐานะทางการเงินแข็งแกร่งเพียงพอที่จะจ่ายเงินปันผล

 

โดยพิจารณาจากโครงสร้างหนี้ว่า มีหนี้สินต่อทุนสูงเกินไปหรือไม่ และโครงสร้างหนี้เป็นหนี้ระยะสั้น หรือระยะยาว (ถ้ามีหนี้ระยะสั้นมาก ความพร้อมในการจ่ายเงินปันผลอาจจะมีน้อย)

 

Pay-out Ratio 50% ขึ้นไป

 

Pay-out Ratio อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม โดยอาจจะเลือกหุ้นที่มี Pay-out Ratio มากกว่า 50% ขึ้นไป เพราะเป็นระดับที่บ่งชี้ว่าบริษัทมีการดำเนินงานที่นิ่ง เพราะบริษัทใดที่อยู่ในช่วงขยายกิจการก็ต้องเก็บเงินเอาไว้ขยายกิจการทำให้ระดับการจ่ายเงินปันผลลดลงตามไปด้วย

 

กระแสเงินสดเป็นบวก

 

ซึ่งนักลงทุนรายย่อยให้ความสนใจน้อยมาก เพราะจะดูเพียงกำไรขาดทุนเป็นหลัก แต่ความจริงแล้วกระแสเงินสดมีความสำคัญที่สุด เพราะเป็นตัวบ่งชี้ว่าบริษัทมีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลหรือไม่ โดยดูได้จากงบกระแสเงินสดว่า บริษัทนั้นๆ มีกระแสเงินสดเป็น “บวก” หรือ “ลบ”  เนื่องจากเมื่อทำธุรกิจและมีรายได้เข้ามา จะเป็นกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ซึ่งผู้บริหารของบริษัทจะไปจัดสรรเงินดังกล่าวว่าจะนำไปทำอะไรบ้าง เช่น นำไปลงทุน นำไปจ่ายหนี้ หรือเป็นเงินปันผล ดังนั้น หากกระแสเงินสด “ติดลบ” หากคิดจะจ่ายปันผลก็คงต้องไปกู้เงินมาจ่ายปันผล ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ดีนัก

 

จ่ายเงินปันผลสูงกว่าระดับเงินเฟ้อ

 

เพราะถ้าต่ำกว่าระดับเงินเฟ้อก็ไม่มีประโยชน์ที่จะลงทุน และถ้าจะให้ดีที่สุดเงินปันผลจะต้องสูงกว่าระดับเงินเฟ้อบวกกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก

 

 

#WealthMeUp

ดูข่าวต้นฉบับ