เรื่องสั้น

ย้อนเวลากลับเพื่อเปลี่ยนชีวิตของตัวเอง

นิยาย Dek-D
อัพเดต 08 เม.ย. เวลา 02.06 น. • เผยแพร่ 08 เม.ย. เวลา 02.06 น. • หม่าฟู่เจียว
ถ้าย้อนเวลาเพื่อมีชีวิตที่เรียบง่ายจะได้ไหม ถ้าเขาไม่รักเราเลือกที่จะไม่ยื้อยุดฉุดกระชากจะเป็นยังไง ทำไมผู้คนถึงอยากมีคู่ครองกันนัก แล้วถ้าฉันไม่มีจะอยู่ได้ไหม เป็นคำถามที่คนอ่านตั้งคำถามเมื่ออ่านจบ

ข้อมูลเบื้องต้น

บ้านจ้าว

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

จ้าวหยางตี้ หวงจื่อหลัน จ้าวหยวนอี จ้าวจื่ออี๋

บ้านหม่า

จางซือเถียน หม่าฟู่เฉิง หยางอิ่งลี่ หม่าหลี่ซื่อ หม่าเยว่เหอ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

(หม่าซิงซวี่**พ่อ** หม่าเติ้งหลุน**พี่คนโต**) หยานชู

ทันทีที่อ่านนิยายเรื่อง时间让爱汇聚在一起(กาลเวลาพารักมาพบกัน)จบ

หม่าฟู่เจียวที่อ่านนิยายมานานตั้งแต่มัธยาจนเป็นนักศึกษาที่จบใหม่

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

และปีนี้อายุ40ปีตั้งคำถามว่าถ้าคนเราจะย้อนเวลาไปเพื่อมีชีวิตที่เรียบง่ายจะได้ไหม

ถ้ามีคู่หมั้นแล้วเขาไม่รักเราเลือกที่จะไม่ยื้อยุดฉุดกระชากจะเป็นยังไง

คำถามในหัวของคนอ่านเช่นหม่าฟู่เจียวอยากรู้ว่าทำไมผู้คนถึงอยากมีคู่ครองกันนัก

แล้วถ้าหม่าฟู่เจียวไม่มีคู่ครองจะอยู่ได้ไหม

เป็นคำถามที่คนอ่านตั้งคำถามเมื่อ时间让爱汇聚在一起อ่านจบ

ใครจะคิดว่าคำถามนี้จู่ๆก็มีคำตอบ

สงสัย

หม่าฟู่เจียวเป็นชื่อของนักศึกษาสาวมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศซี ชีวิตของเธอขลุกขลัก คุณพ่อที่เธอจำได้เป็นคนดี คุณแม่ก็น่ารักแต่เพราะทั้งคู่ทำงานหนักทำให้คุณพ่อป่วยและเสียชีวิตเมื่อปีก่อน ก่อนที่เธอจะเรียนจบไม่นาน

ส่วนคุณแม่เพิ่งเสียตอนที่เธอเรียนจบปีที่แล้ว หลังจากที่เธอวางใจว่าลูกสาวคนเดียวเรียนจบมีการงานทำ หม่าฟู่เจียวใช้ชีวิตอยู่คนเดียว เธอไม่มีความคิดที่จะแต่งงานด้วยซ้ำ ชีวิตเธอจึงมีแค่การทำงานในสถาบันวิจัยแห่งหนึ่งกับงานอดิเรก

เวลาผ่านจากวันเป็นเดือนเลื่อนไปเป็นปี

การงานของหม่าฟู่เจียวก้าวหน้าแต่เธอยังคงขอทำงานในที่ส่วนตัวไม่ต้องพบปะใคร งานอดิเรกก็ยังคงเหมือนเดิมคือการอ่านนิยายออนไลน์หลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็นแฟนตาซีตีกันบนภูเขา เผาวังสร้างบ้านสร้างเมือง หรือจะเป็นชิงรักหักสวาท แต่แนวที่หม่าฟู่เจียวชอบสุดคงเป็นการทะลุมิติหรือการย้อนเวลา นอกจากงานนี่คือสิ่งที่หม่าฟู่เจียวทำเสมอ

ปัจจุบันเธอกำลังอ่านนิยายเรื่อง时间让爱汇聚在一起(กาลเวลาพารักมาพบกัน)ทันทีที่อ่านจบ หม่าฟู่เจียวก็ล้มตัวลงนอน

หลังจากที่อ่านนิยายแนวนี้มานานเธอก็ตั้งคำถามในใจว่าถ้าคนเราจะย้อนเวลาไปเพื่อมีชีวิตที่เรียบง่ายจะได้ไหม ถ้ามีคู่หมั้นแล้วอีตาคู่หมั้นเขาไม่รักเราเลือกที่จะไม่ยื้อยุดฉุดกระชากจะเป็นยังไง

คำถามในหัวของคนอ่านเช่นหม่าฟู่เจียวอยากรู้ว่าทำไมผู้คนถึงอยากมีคู่ครองกันนัก แล้วถ้าไม่มีคู่ครองจะอยู่ได้ไหม เป็นคำถามที่หม่าฟู่เจียวตั้งคำถามตั้งแต่นิยายย้อนอดีต ย้อนเวลา ทะลุมิติเรื่องแรกจนถึงเรื่อง时间让爱汇聚在一起ที่เพิ่งอ่านจบ

“ทำอาหารกินดีกว่า ทำอะไรดีนะ นี่ถ้าพ่อกับแม่ยังอยู่ฉันคงไม่เหงาขนาดนี้”หม่าฟู่เจียวพึมพำก่อนจะทำซงโหยวปิ่ง(แพนเค้กต้นหอม)เมนูที่แม่ทำให้เธอและพ่อกินประจำ

เมนูซงโหยวปิ่ง มะเขือเทศผัดไข่ จะเป็นเมนูที่หม่าฟู่เจียวทำบ่อยที่สุด แต่ถ้ามีเวลาและขยันหม่าฟู่เจียวจะทำเมนูบะกุ๊ดเต๋ แม่บอกว่ายายเป็นคนสอนแม่

“นี่ขนมกุ้ยฮัวที่ฝากอาจารย์หนิงอันซื้อนี่นา”หม่าฟู่เจียวพึมพำ ขนมกุ้ยฮัวเป็นขนมชนิดเดียวที่หม่าฟู่เจียวกินเพราะก่อนแม่ของเธอจะเสียชีวิตตอนนั้นฐานะของเธอดีแล้วและร่างกายของแม่ก็แข็งแรงขึ้นทำให้นางทำขนมให้ลูกสาวกิน

หม่าฟู่เจียวรู้ตัวดีว่าเธอใช้ชีวิตโดยมีความทรงจำของพ่อแม่อยู่ในทุกช่วงเวลาเพราะในใจเธอติดค้างที่ไม่อาจช่วยให้บิดามีชีวิตที่ดีก่อนที่เขาจะจากลาได้ แต่จะให้เธอทำใจลืมความลำบากของพ่อแม่เธอก็ทำไม่ได้เช่นกัน

เวลายังคงไม่หยุดพักปีนี้หม่าฟู่เจียวฉลองอายุ50ปี และเธอก็ยังคงอยู่คนเดียวเหมือนเดิม กับห้องเดิมที่ถูกตกแต่งซ่อมแซมตามเวลาที่สมควร แต่ที่ไม่เปลี่ยนไปคือภาพเดี่ยวแม่กับภาพถ่ายเธอกับแม่วันรับปริญญาและเพิ่มเติมคือภาพวาดเดี่ยวพ่อของเธอและภาพวาดพ่อแม่และเธอในเฟรมเดียวกัน ภาพพวกนี้ถูกวาดขึ้นใหม่เพื่อรำลึกถึงพ่อหม่า

“ขอบคุณนะคะพ่อแม่ที่ให้ชีวิตลูกให้ความรักและการเลี้ยงดูโดยไม่คิดว่าลูกเป็นเพียงลูกผู้หญิงคนหนึ่ง แต่จะดีกว่านี้ถ้าพ่อกับแม่อยู่กับหนูวันที่หนูประสบความสำเร็จ”หม่าฟู่เจียวพูดกับภาพของพ่อและแม่ผู้ที่รักเธอมากกว่าใคร

บางครั้งหม่าฟู่เจียวก็อยากรู้ว่าพ่อแม่ของเธอเติบโตมาแบบไหนถึงได้มีค่านิยมแตกต่างจากคนสมัยนั้นที่มองว่าผู้ชายเป็นใหญ่ อยากมีลูกผู้สืบสกุลมากกว่าลูกสาว

เพราะแบบนี้หม่าฟู่เจียวจึงคิดว่าหากมีครอบครัวนางคงเลี้ยงแบบพ่อกับแม่ ไม่ว่าลูกเป็นเพศไหนก็รักและผลักดันอย่างนี้เช่นกัน ห้าสิบปีนี้นางได้เรียนรู้ว่าโลกมักเปลี่ยนไปไม่หยุดพัก ไม่รีรอ แต่ก็ช่างโลกเถอะเพราะสำหรับเธอโลกหยุดหมุนตั้งแต่วันที่แม่เสีย

หม่าฟู่เจียวหลับตาลงบนที่นอน เธอจะผ่านอีกวันแล้วสินะ แต่ตอนนี้เธอฝัน

“สวัสดีหม่าฟู่เจียวหลายสิบปีมานี้ฉันได้ยินคำอธิฐานของเธอส่วนลึกในสมองเรื่องครอบครัวเธอมาตลอด ถ้าฉันให้พรเธอ ให้เธอได้พบครอบครัว เธอจะรับมันหรือไม่ แต่ก็มีข้อแลกเปลี่ยนนะ”ชายในความฝันพูด

“คุณเป็นใครกันยังหนุ่มแน่นทำไมพูดกับฉันแบบนี้กันเล่า แล้วพรที่ว่าคืออะไร”หม่าฟู่เจียวบ่นพร้อมกับถาม

“อายุไม่สำคัญตอบฉันแค่ว่าเธอจะรับข้อเสนอฉันหรือไม่”ชายหนุ่มถาม

“แล้วอนาคตฉันจะเปลี่ยนหรือไม่ ฉันจะสามารถทำให้พ่อแม่ฉันได้พบกับความรุ่งโรจน์ของฉันหรือเปล่า”หม่าฟู่เจียวถาม

“ความรุ่งโรจน์นั้นอยู่ที่เธอสร้างใหม่อาจเหมือนเดิมหรือไม่เหมือนเดิมก็ได้ แต่พรที่ฉันจะให้เธอมีความซับซ้อนแต่รับประกันได้ว่าเธอจะได้พบพ่อกับแม่ของเธอแน่นอน”ชายหนุ่มตอบ

“เช่นนั้นฉันย่อมรับข้อเสนอจากพรของคุณ”หม่าฟู่เจียวตอบกลับ

“เช่นนั้นฉันขอมอบพรให้กับเธอ เธอจะได้พบกับพ่อของเธอทันทีที่เธอลืมตา ขอให้เธอดูแลเขาให้ดีๆ”ชายหนุ่มเอ่ยอวยพรให้หม่าฟู่เจียวทันทีเหมือนกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจ

ย้อนเวลามาแล้วแต่ทำไม

“ทำไมเจอแต่คุณพ่อหละแล้วแม่ฉัน”ไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรต่อก็สะดุ้งเฮือกขึ้นมา

หม่าฟู่เจียวสะดุ้งตกใจตื่นก่อนที่จะรู้สึกแปลกๆ เมื่อมองไปรอบๆแล้วเธอก็ตกใจยิ่งกว่าเดิมที่นี่ไม่ใช่ห้องเธอและดูไม่คุ้นตา บ้านดินคล้ายกับบ้านเดิมของเธอตอนเด็กก็จริงแต่สภาพที่นี่ยังดูดีกว่ามาก

“อาเล็กตื่นแล้วหรือแม่จ๋าอาเล็กตื่นแล้ว”มีเด็กชายวิ่งเข้ามาดูเธอแล้วเขาก็วิ่งออกไปไม่ทันที่หม่าฟู่เจียวจะเรียกเขาทัน

อาเล็กหรอจะเป็นอาเล็กได้อย่างไรเธอเป็นลูกคนเดียวพ่อแม่ไม่ได้มีลูกชายแล้วทำไมเธอกลายเป็นอาของเด็กชายคนนี้ไปได้ ความสับสนเกิดขึ้นในหัว

“ไม่ต้องสับสนไปหรอกก็เธอบอกเองไม่ใช่หรอว่าอยากเจอคุณพ่อของเธอก็ได้เจอแล้วไง”เสียงในหัวบอกกับหม่าฟู่เจียว

“นี่คุณกำลังจะบอกฉันหรอว่าเด็กผู้ชายเมื่อกี้คือพ่อของฉัน”หม่าฟู่เจียวเอ่ยถามด้วยความตกใจ

“ไม่ต้องพูดออกเสียงแค่คิดฉันก็ได้ยินแล้ว”เสียงในหัวดุเธอ

“ใครจะไปรู้ล่ะก็คิดว่าต้องพูดออกเสียง”หม่าฟู่เจียวบ่น

“ต่อไปนี้เธอจะไม่ใช่หม่าฟู่เจียว แล้วนะเพราะตอนนี้หม่าฟู่เจียวยังไม่มีตัวตน เอาล่ะตั้งสติให้ดีฉันจะให้ความทรงจำแก่เธอ”เสียงในหัวบอก

หม่าฟู่เจียวรีบตั้งสติตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกโอบรัดด้วยอะไรสักอย่างก่อนที่จะรู้สึกเหมือนกำลังหมุน ความทรงจำต่างๆในหัวผุดขึ้น เธอชื่อหม่าหลี่ซื่อเป็นน้องสาวคนเล็กของบ้านหม่ามีพี่ชาย2คน

บิดาชื่อหม่าซิงซวี่ มารดาชื่อจางซือเถียน ส่วนพี่ชายชื่อหม่าเติ้งหลุนและหม่าฟู่เฉิง บิดากับพี่ชายคนโตตายไปแล้วด้วยอุบัติเหตุเมื่อคราวที่พวกเขาออกไปทำธุระต่างอำเภอตอนนี้เธออยู่กับแม่ พี่ชายคนที่สอง พี่สะใภ้ชื่อหยางอิ่งลี่และหลานชายหม่าเยว่เหอ

“หม่าเยว่เหอเหรอคุณพ่อสินะ ถ้าจำไม่ผิดคุณพ่อบอกว่าม่คุณอาเล็กของท่านจมน้ำตายตั้งแต่อายุ10ปีนี่แปลว่าฉันมาอยู่ในร่างย่าเล็กเหรอ โอ้ก้อดด"หม่าฟู่เจียวหรือหม่าลี่ซื่ออุทานออกมานี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

“ใช่ตอนนี้เธออยู่ในร่างของย่าเล็กหรืออาเล็กของพ่อเธอ ย่าเล็กของเธอตายไปแล้วเธอมาอยู่และใช้ชีวิตต่อจากนาง จากนี้เธอต้องช่วยพ่อเธอและครอบครัวให้มีชีวิตไปเจอตัวเธอเองในอนาคต”เสียงในหัวตอบ

“คุณรู้ไหมฉันช็อคมากแล้วฉันจะช่วยพวกเขาได้อย่างไรในเมื่อฉันไม่มีความรู้ในการใช้ชีวิตสมัยเมื่อ 60-70 ปีก่อนเลย”หม่าลี่ซื่อรู้สึกหนักใจ

“ที่นี่เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ฉันไม่มีอะไรพิเศษติดตัวมาแล้วคุณอย่าลืมว่าฉันเป็นคนที่อยู่แต่บ้านและไปที่ทำงานไม่เคยไปไหนจะรอดไหมเนี่ย”หม่าลี่ซื่อบ่น

“เรื่องแบบนี้ก็คงต้องลองในเมื่อเธอบอกเองว่าอยากให้ครอบครัวอยู่กับเธอในวันที่สำเร็จเธอก็ต้องเรียนรู้ที่จะช่วยพวกเขาไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรูที่สร้างขึ้นมาเท่านั้น”เสียงในหัวตอกกลับหม่าลี่ซื่อ

“ฉันเข้าใจ ก็ได้แต่สิ่งที่ฉันข้องใจคือแล้วฉันในชีวิตจริงล่ะตอนนี้เป็นยังไง”หม่าลี่ซื่อถาม

“เธอไม่มีตัวตนเพราะตัวตนของเธอยังไม่เกิด ตัวตนของเธอที่อายุ50ปีได้สลายไปแล้ว ตอนนี้เธอทำได้คือทำในสิ่งที่ควรทำและทำในสิ่งที่ต้องการตามคำขอของเธอในวันเกิด”เสียงในหัวบอกต่อ

“เฮ้อ”หม่าลี่ซื่อหรืออดีตหม่าฟู่เจียวถอนหายใจก่อนจะยอมรับความจริงก็เธอเป็นคนอธิษฐานเอง

“ฉันอยากรู้ว่านายคือใครชื่ออะไรทำไมถึงช่วยฉัน”หม่าลี่ซื่อ

“ฉันไม่มีชื่อเธอเรียกฉันว่าตี่ตี๋ก็ได้”เสียงในหัวหรือตี่ตี๋ตอบ

“เสี่ยวซื่อเป็นยังไงบ้างลูกเห็นอาเหอวิ่งไปบอกว่าลูกตื่นแล้วเป็นยังไงบ้างปวดหัวครั่นเนื้อครั่นตัวหรือเปล่า”คนที่เข้ามาใหม่ถามหรือนี่คือคุณทวดคุณย่าของพ่อ

“ลูกดีขึ้นแล้วค่ะแม่ไม่เป็นอะไรแล้วกระมัง”หม่าลี่ซื่อตอบ

“ดีแล้วหมดทุกข์หมดโศกนะลูกจะเข้าใกล้น้ำก็ต้องระวังมากกว่านี้รู้ไหม”ผู้เป็นแม่ลูบหัว

“ค่ะแม่หนูจะระวังเวลาที่เข้าใกล้น้ำจะไม่ให้เกิดเรื่องอีกค่ะ”หม่าลี่ซื่อตอบ

จากนั้นเธอก็เงียบไม่พูดอะไรต่อและเหมือนว่านิสัยของเธอกับย่าเล็กจะเหมือนกันเพราะไม่ทำให้ผู้เป็นแม่รู้สึกแปลกแยกและเห็นความแตกต่างของลูกสาวตัวเองก่อนตกน้ำและหลังตกน้ำ

“พี่รอง พี่สะใภ้ไปไหนเสียแล้วหละคะ อาเหอก็เหมือนกันหายไปเลยเมื่อกี้ยังอยู่กับลูก”หม่าลี่ซื่อถาม

“คงไปที่เหมืองละมั้ง เพราะช่วงนี้พี่รองกับพี่สะใภ้ของลูกไปรับจ้างขุดพลอยที่เหมืองเจ้าตัวดีคงวิ่งไปบอกว่าอาเล็กตื่นแล้ว”นางจางซือเถียนตอบ

“แม่เดี๋ยวลูกเดินรอบๆบ้านหน่อยนะคะนอนนานเกินไปแล้วค่ะ”หม่าลี่ซื่อบอก

“อย่าไปไหนไกลนะลูก เดี๋ยวแม่ทำอาหารรอพี่ชายกับพี่สะใภ้ลูกก่อน”นางจางซือเถียนเตือนลูกสาว

“ค่ะแม่”หม่าลี่ซื่อตอบพลางยิ้มให้มารดา

พ่อเคยเล่าว่าหลังจากที่อาเล็กตาย ย่าของท่านก็ป่วยกระเสาะกระแสะคงเพราะเสียใจกับการสูญเสียที่เกิดขึ้นบ่อย สามีกับลูกชายคนโตตายยังไม่พอลูกสาวคนเล็กตายอีก ใจคนเป็นแม่ย่อมเกินจะทานทน

คุณทวดน่าสงสารแต่เธอก็สงสารคุณปู่ด้วย เขาก็เป็นผู้สูญเสียเช่นกันพ่อแม่ พี่ชายคนโต น้องสาวคนเล็กตายหมด คนที่อยู่ก็คงทุกข์มากเช่นกัน

ตอนเด็กๆเธอจำได้ว่าเคยเห็นคุณปู่นั่งเหม่อไปแสนไกล ตอนนั้นคุณย่าของเธอเสียไปแล้ว ชีวิตคนตระกูลหม่านี่ส่งความเศร้ากันรุ่นต่อรุ่นเลยหรือไงกัน เพราะความเศร้านั้นเธอรู้ดี

ตอนแต่งตอนนี้คิดถึงเพลงผู้ถูกเลือกให้ผิดหวังเลยค่ะ ขอฝากนิยายด้วยนะคะ

ฉันจะสู้

“ผิดหวังได้เศร้าแต่อย่านานฉันขอเตือน”ตี่ตี๋เอ่ย

“ฉันรู้แต่ก็ไม่รู้สึกแปลกใจที่บรรยากาศรอบตัวฉันค่อนข้างซึมเซา เพราะต้นทางเศร้าแบบนี้นี่เอง”หม่าลี่ซื่อบอก

“ก็จริง แต่เธออยากเปลี่ยนแปลงชีวิตไหมล่ะอย่างน้อยตอนนี้พ่อของเธอก็ยังเป็นเด็กอายุน่าจะซัก5ปีชีวิตเขายังสดใสได้อยู่นะ ปู่ที่ตอนนี้เป็นพี่ชายเธอก็ยังมีเธอ แม่และครอบครัวเป็นที่ยึดเหนี่ยวอยู่”ตี่ตี๋ถาม

“ก็จริงของคุณ เอาสิ คุณมีความเห็นไหม”หม่าลี่ซื่อฮึดสู้ก่อนจะปรึกษาตี่ตี๋

“ก่อนอื่นฉันว่าเธอหาของกินมาบำรุงครอบครัวเธอก่อนไหม ฉันว่ากินแต่มันหมู เนื้อสัตว์ไม่ดีแน่”ตี่ตี๋เอ่ย

หม่าลี่ซื่อเค้นความทรงจำ คนยุคนี้เน้นกินเนื้อเพราะเชื่อว่าให้พลังงาน กินมันหมูเพราะมองว่าไขมันจะช่วยให้อ้วนตัวใหญ่มีกำลัง

“ไม่ได้สิ แต่จะทำยังไงดีนะที่นี่นำน้อยเหลือเกิน ตี่ตี๋บนเขามีผักเยอะไหม”หม่าลี่ซื่อถาม

“มีมากเพราะไม่ค่อยมีใครเก็บมากิน ส่วนเนื้อบ้านเธอไม่ต้องซื้อพี่ชายเธอเก่งแต่ละปีเขาล่าสัตว์มาไว้เป็นเสบียง”ตี่ตี๋บอก

“แล้วที่นี่ไม่มีคนเลี้ยงหมูเหรอ”หม่าลี่ซื่อถาม

“ไม่มีหรอก หม่าลี่ซื่อเธอไม่ได้เกิดในหมู่บ้านปลูกข้าว ที่นี่เน้นทำเหมืองกับปลูกผักแบบแกร็นๆกินอาชีพหลักคือขุดพลอย”ตี่ตี๋เตือนสติ

“แต่ทำไมตอนฉันเกิดเราไม่ได้อยู่ที่นี่ บ้านฉันทำไร่ทำนา ทำสวนได้ที่นี่คือบ้านเก่าพ่อเหรออยู่ในประเทศซีหรือเปล่า”หม่าลี่ซื่อถาม

“อยู่ในประเทศซีนั่นแหละแต่คนละภาคกันที่นี่คือเมืองซานอยู่ทางทิศตะวันออกอาชีพหลักคือลูกจ้างขุดพลอยขุดทองเพราะรอบๆทำเหมืองแถมบ้านเธอยังอยู่ในดงภูเขาเลย ส่วนเมืองที่เธอเกิดคือเมืองหลิวอยู่ทางเหนือที่นั่นเป็นเมืองอุตสาหกรรมชั้นนำแต่รอบๆยังมีการทำเกษตรอยู่”ตี่ตี๋ตอบ

“งั้นฉันคงต้องหาทางย้ายเมือง ตี่ตี๋ช่วยฉันหาเงินหยวนกับหาที่ดินที่จะย้ายไปอยู่ขอที่ดีๆหน่อย แล้วแม่ฉันหละเธอเป็นยังไงบ้าง ฉันจำได้ว่าเธอเป็นคนเมืองซานเหมือนพ่อ”หม่าลี่ซื่อถาม

“อีกไม่นานก็ได้เจอ เพราะนอกจากเธอจะช่วยเหลือครอบครัวพ่อเธอแล้ว เธอจะต้องช่วยเหลือครอบครัวแม่เธอด้วยเหมือนกัน”ตี่ตี๋ตอบ

“จริงนะแบบนี้คุ้มหน่อยช่วยได้2คนเลย วันนี้ยังมีเวลามีอะไรที่ฉันพอทำได้บ้างหละ”หม่าลี่ซื่อถามต่อ

“เพราะที่นี่เป็นเมืองแร่คนที่นี่เลยไม่รู้ว่าผลไม้ป่ากินได้เธอไปเก็บผลไม้ป่าไหมล่ะฉันจะคอยดูแลและพาเธอไปหา”

“ดีเลย ฉันรู้สึกว่าร่างนี้แม่ฉันและหลานฉันผอมมาก ที่นี่กินอาหารกี่มื้อเหรอ”หม่าลี่ซื่อรู้สึกสังหรณ์ในใจ

“2มื้อหรือบางบ้านก็มื้อเดียว ที่ร่างนี้ตกน้ำเพราะอยากจับปลามาให้ครอบครัวกิน”ตี่ตี๋ตอบ

“เป็นแบบนี้นี่เอง ย่าเล็กน่าสงสารจัง เดี๋ยวฉันไปบอกแม่ก่อนนะว่าจะเข้าป่าเก็บเห็ดบอกว่าเก็บผลไม้แม่คงไม่รู้จัก”หม่าลี่ซื่อบอก

“ฉลาดสมเป็นนักวิจัยหัวกะทิของสถาบัน ไปเถอะ”ตี่ตี๋ชม หม่าลี่ซื่อหัวเราะเบาๆ

“แม่จ๋าอยู่ไหน”หม่าลี่ซื่อเรียกหาแม่

“อยู่ในห้องลูก แม่นึ่งหมั่นโถวไว้แต่ยังไม่ได้ทำอาหารกินก่อนไหม”นางจางซือเถียนบอก

“กินค่ะแบ่งกันคนละครึ่งนะคะแม่ แม่เดี๋ยวหนูจะไปเก็บเห็ดในป่าเมื่อวานก่อนฝนตก เดี๋ยวแม่รอก่อน พี่กลับมาจะได้กินหมั่นโถวกับเห็ดผัด”หม่าลี่ซื่อบอก

“จะดีเหรอ ลูกเพิ่งฟื้นตื่นขึ้นมาเองนะ พักก่อนเถอะ”นางจางซือเถียนบอกด้วยความห่วงใย

“หนูไปแค่ชายป่าหาเห็ดเอง พวกเราไปกันบ่อยๆไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่”หม่าลี่ซื่อตอบ

“งั้นก็ได้ แต่อย่าไปไกลนะลูก”นางจางซือเถียนบอกย้ำ

“ค่ะแม่”หม่าลี่ซื่อรับปาก

“ตรงไปทางภูเขาเลย”ตี่ตี๋บอก

“แถวนี้แม้แต่หญ้ายังแกร็นเนอะ”หม่าลี่ซื่อบ่น

“ดินไม่ดีจริงๆขนาดหญ้ายังสู้ไม่ไหว”ตี่ตี๋ตอบ

“ลี่ซื่อ เธอหายป่วยแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง”เสียงหนึ่งเอ่ยถาม

“ใครอะตี่ตี๋”หม่าลี่ซื่อถามเพื่อนในหัว

“จ้าวหยวนอีเป็นเพื่อนของร่างนี้ เป็นคนดีรักเพื่อนแต่วันที่ร่างนี้ตกน้ำเธอป่วย”ตี่ตี๋ตอบ

“สบายดีแล้วเธอหละเถียนอีเห็นว่าไม่สบายเหมือนกัน”หม่าลี่ซื่อถามกลับ

“พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้พาฉันไปหาหมอ หมอบอกว่าร่างกายฉันขาดสารอาหารอย่างหนัก จะว่าไปไม่เฉพาะฉันหรอกพี่สะใภ้กับพี่ชายฉันก็เป็น ไม่เข้าใจเลยพวกเขาก็พยายามให้ฉันกินแต่ของดีๆทำไมถึงป่วยได้”จ้าวหยวนอีบ่น

“เพราะกินแต่เนื้อแต่มันไงก็เลยเป็นแบบนี้ดีว่าร่างนี้เผาผลาญดีเลยไม่อ้วนแต่ก็ขาดสารอาหารอื่นๆ”ตี่ตี๋บอก

“เหรอสงสัยเราจะต้องเปลี่ยนการกิน ฉันก็เคยไปหาหมอ หมอบอกว่าเพราะเรากินเนื้อกินมันสัตว์มากเกินไป”เมื่อรู้จากตี่ตี๋หม่าลี่ซื่อก็คิดเรื่องขึ้นมาสดๆ

“ถ้ากินเนื้อแล้วไม่ดีเราจะกินอะไรกัน”จ้าวหยวนอีถามอย่างงุนงง

“ไม่ใช่เนื้อไม่ดี แต่ต้องกินอย่างอื่นด้วย”จากนั้นหม่าลี่ซื่อก็ด้นสดว่าคุณหมอบอกมานั่นนี่โน่น

“หมอที่เธอไปรักษาเก่งจัง ถ้างั้นวันนี้เราเก็บผักไปกันเยอะๆดีกว่าบ้านเธอกับบ้านฉันไม่ขาดเนื้อเพราะพี่ๆเราเก่ง ขาดแต่ผัก”จ้าวหยวนอีเอ่ย

“ดี เดี๋ยวเราเก็บผักแบ่งกัน จะว่าไปเธอจำเถาฮวยซัวที่เราเคยกลบไว้ได้ไหมเราไปดูกันเถอะ”หม่าลี่ซื่อนึกขึ้นมาได้ว่าพวกเขาเคยทำสิ่งหนึ่งด้วยกันจึงเอ่ยออกมา

“จริงด้วย ไปสิฮวยซัวต้มกับกระดูกอร่อยดี”จ้าวหยวนอีเอ่ยอย่างร่าเริง

สองสาวน้อยบ้านจ้าวและบ้านหม่าเดินคุยกันอย่างอารมณ์ดีทำให้หม่าลี่ซื่อรู้ว่าบ้านหม่าส่งเธอเรียนหนังสือด้วย เพราะแบบนี้กระมังพ่อกับแม่ถึงพยายามกัดฟันให้เธอเรียน เพราะต้นตระกูลเห็นความสำคัญของการศึกษา

ทดแทนที่เมื่อวานหายไปค่ะ จะพยายามแต่งให้ได้วันละตอนนะคะ

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

ดูข่าวต้นฉบับ