อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลกำลังถูกจับตามองอีกครั้ง เพราะเป็นประเด็นที่ทั้งชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลต่างเป็นห่วง เพราะเป็นเรื่องของรายได้ที่เข้าระบบอ้อยและน้ำตาลที่ลดลง เมื่อจัดสรรปันส่วนรายได้ในระบบอ้อยและนำ้ตาลจะนำไปแบ่งให้ชาวไร่อ้อยสัดส่วน 70% เป็นค่าตัดอ้อย ปลูกอ้อย และสัดส่วน 30% เป็นค่าตอบแทนการผลิตและจำหน่ายนำ้ตาลของโรงงานนำ้ตาล
วันนี้รายได้เข้าระบบลดลงมีสาเหตุหลักมาจาก สถานการณ์ราคาน้ำตาลในตลาดโลกตกต่ำ รวมถึงภาครัฐไม่อยากขัดกับข้อตกลงทางการค้าภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) จึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงระบบการจำหน่ายน้ำตาลภายในประเทศ โดยการยกเลิกโควตา ใช้มาตรา 44 เรื่องยกเลิกการกำหนดราคาน้ำตาลภายในประเทศเป็นกลไกขับเคลื่อน
จากมติครม.เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2560 ที่เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ร่างประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน 1 ฉบับ และร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน 3 ฉบับ รวม 4 ฉบับ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เสนอ ประกอบด้วย 1.แนวทางการบริหารจัดการอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย 2.ยกเลิกการกำหนดโควตา โดยให้โรงงานต้องมีการสำรองน้ำตาลทรายตามปริมาณ Buffer Stock ที่กำหนดปริมาณน้ำตาลทรายส่วนที่จะใช้เพื่อจำหน่ายส่งออก โดยให้คงจำนวน 400,000 ตันเท่าเดิม 3.แนวทางการคำนวณราคาอ้อยและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย 4.ปรับปรุงร่างประกาศและร่างระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดให้คณะกรรมการกำหนดราคาขายเปลี่ยนวิธีการในการคำนวณรายได้ขั้นต้นและรายได้ขั้นสุดท้าย
การดำเนินการดังกล่าว หวังว่าจะทำให้ระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของประเทศเป็นไปอย่างสอดรับกับข้อตกลงทางการค้าภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) และเป็นที่ยอมรับของสากลมากยิ่งขึ้น และมองว่าจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของประเทศ
ล่าสุดเมื่อมองถึงระบบอ้อยและน้ำตาล กลับกลายเป็นปัญหา เนื่องจากขณะนี้เงินสูญไปจากระบบมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดความเสียหายทั้งโรงงานน้ำตาล และชาวไร่อ้อย เพราะเวลานี้ราคาขายน้ำตาลหน้าโรงงานก่อนที่จะมีมาตรา 44 ราคาเคยยืนอยู่ที่ 19-20 บาทต่อกิโลกรัม พอมีมาตรา 44 เรื่องยกเลิกการกำหนดราคาน้ำตาลในประเทศ ทำให้ราคาน้ำตาลหน้าโรงงานลงมาอยู่ที่ 17-18 บาทต่อกิโลกรัม จนปัจจุบันราคาน้ำตาลทรายขาวหน้าโรงงานลงไปอยู่ที่ 14-15 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว และผลดังกล่าวทำให้ระบบอ้อยและน้ำตาล ต้องสูญเงินไปจากระบบแล้วราว 6,000 ล้านบาทหรือมากกว่านี้ ซึ่งรายได้ในระบบอ้อยและนำ้ตาลจะนำไปแบ่งให้ชาวไร่อ้อยสัดส่วน 70% และ 30%ให้โรงงานนำ้ตาล
“วงการอ้อยและน้ำตาลเองก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า หากยกเลิกการกำหนดราคาในประเทศ ยกเลิกโควตา ต่อไปแบบนี้เรื่อยๆ จะกดให้ราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดินอีกแค่ไหน ยังไม่มีใครตอบได้ เพราะราคาน้ำตาลขึ้นอยู่ที่ราคาตลาดโลกด้วย เช่นเดียวกัน เมื่อยกเลิกระบบโควตา ปริมาณน้ำตาลในประเทศก็ไม่ใช่ที่ตัวเลข 25 ล้านกระสอบแบบที่ผ่านมา แต่ปริมาณน้ำตาลในประเทศทั้งหมดที่ผลิตได้มีมากถึง 140 ล้านกระสอบ ทำให้โรงงานน้ำตาลแข่งกันขายในราคาตัดหน้ากันเอง” ผู้ประกอบการในวงการอ้อยและน้ำตาลสะท้อนปัญหาให้เห็นภาพที่เกิดขึ้นในขณะนี้และกำลังจะกลายเป็นปัญหา
-3 สมาคมโรงงานน้ำตาลร้อง 3 ข้อ
จากปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งโรงงานน้ำตาลและชาวไร่อ้อยเกิดความกังวล และเริ่มมีเสียงฮึ่ม ๆ มาเป็นระยะ จนล่าสุด 3 สมาคมโรงงานน้ำตาล ซึ่งประกอบด้วย สมาคมโรงงานน้ำตาลไทย สมาคมผู้ผลิตน้ำตาลและชีวพลังงานไทย และสมาคมการค้าอุตสาหกรรมน้ำตาล ยื่นหนังสือถึงนายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นั่งเป็นประธานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ให้พิจารณาเรื่องการบริหารจัดการน้ำตาลทรายเพื่อบริโภคภายในประเทศ ที่ทั้ง 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย มีความเห็นต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาจากการปรับเปลี่ยนระบบบริหารจัดการน้ำตาลทรายภายในประเทศใหม่ โดยรายละเอียด สามารถสรุปปัญหาได้ 3 ส่วนหลักคือ
1.การบริหารจัดการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายภายในประเทศระบบใหม่ ทำให้เกิดการแข่งขันระหว่างโรงงาน ทั้งด้านปริมาณและราคา ทำให้ราคาลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง จนต่ำกว่าต้นทุนการผลิต และยังส่งผลให้จำนวนเงินส่วนต่างระหว่างราคาสำรวจกับราคาน้ำตาลทรายตลาดลอนดอน บวกพรีเมียมน้ำตาลไทย ที่โรงงานต้องนำส่งเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายลดลงต่ำกว่าระดับเป้าหมายที่คาดไว้ จนทำให้รายได้ของระบบลดลง เป็นเหตุให้ราคาอ้อยที่คำนวณได้อยู่ในระดับต่ำ ส่งผลกระทบต่อชาวไร่อ้อย ที่มีราคาไม่คุ้มต่อต้นทุนการผลิตและไม่เพียงพอต่อการยังชีพ
2.การกำหนดปริมาณน้ำตาลทรายสำรอง(Buffer stock) ให้แต่ละโรงงานจัดเก็บตามสัดส่วนการผลิต เป็นการสร้างภาระให้แก่โรงงานที่ต้องเก็บรักษาไว้ตลอดเวลา โดยไม่ได้มีการเคลื่อนไหวแต่ประการใด
3.การบริหารจัดการน้ำตาลทรายตามระบบใหม่ ยังไม่ได้เป็นไปอย่างเสรี เนื่องจาก 1)โรงงานจะต้องรับซื้ออ้อยตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย 2)โรงงานจะต้องส่งมอบน้ำตาลทรายดิบ ให้บริษัทอ้อยและน้ำตาลไทย จำกัด (อนท.) ตามสัดส่วนการผลิตในแต่ละฤดูการผลิต เพื่อกำหนดราคามาตรฐานในการคำนวณรายได้ของระบบฯ 3)โรงงานและชาวไร่อ้อย จะต้องนำส่งเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อใช้ในการบริหารจัดการระบบตามสัดส่วนการผลิต
จากข้อเท็จจริงและประเด็นปัญหาข้างต้นนี้ 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทรายได้มีการพิจารณาและเห็นว่า ระบบการบริหารจัดการน้ำตาลทรายภายในประเทศปัจจุบัน เป็นเพียงการยกเลิกโควตา และลอยตัวราคาน้ำตาลภายในประเทศ แต่ยังคงมาตรการควบคุมกำกับดูแลตั้งแต่การผลิต การจำหน่าย การขนย้ายและการส่งออกทุกขั้นตอนภายใต้พระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทรายพ.ศ. 2527 จึงสร้างความไม่เป็นธรรม และก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างโรงงานน้ำตาลอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
นอกจากนี้ยังเกิดผลกระทบต่อรายได้ของระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายโดยรวม อาจทำให้อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายล่มสลายได้ในที่สุด
-ชงปรับปรุงระบบบริหาร 2 ส่วนหลัก
3 สมาคมจึงเสนอให้ปรับปรุงระบบการบริหารจัดการน้ำตาลทรายภายในประเทศ 2 ส่วนหลักคือ 1. ยกเลิกการสำรองน้ำตาลทรายภายในประเทศ (Buffer Stock) แล้วนำวิธีการกำหนดปริมาณน้ำตาลทรายเพื่อบริโภคให้สมดุลและสอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบันมาใช้แทน ซึ่ง 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย ได้มีการหารืออย่างไม่เป็นทางการกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ ที่รับผิดชอบโดยตรงต่อเรื่องนี้แล้วและเห็นว่า สามารถกระทำได้และไม่ขัดกับพันธกรณีภายใต้องค์การการค้าโลก(WTO) หากมิได้มีการประกาศควบคุมราคาโดยปล่อยให้ลอยตัวตามกลไกการตลาด
2.ปรับปรุงแก้ไขระเบียบและประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ.2561 ที่เกี่ยวข้อง จากที่ครม.เมื่อ วันที่ 4 ธันวาคม 2560 มีมติตามร่างประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน 1ฉบับ และร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย จำนวน 3 ฉบับ รวม 4 ฉบับ ให้กลับมาใช้เหมือนเดิมก่อนที่มีมติครม.ดังกล่าวออกมา เช่น ให้กลับไปใช้ระบบโควตาน้ำตาลเหมือนเดิม ส่วนราคาก็ปล่อยให้ลอยตัวได้ เป็นต้น
ข้อมูลทั้งหมดที่ 3 สมาคมเสนอขอให้ปรับปรุงระบบการบริหารจัดการน้ำตาลทรายภายในประเทศนั้น ตามรายละเอียดในหนังสือที่ยื่นถึงประธานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ระบุไว้ว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างโรงงานในการจำหน่ายน้ำตาลทรายภายในประเทศ และมีปริมาณน้ำตาลทรายสำหรับการบริโภคอย่างเพียงพอ และสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละช่วงเวลา และทำให้ราคาน้ำตาลทรายภายในประเทศปรับตัวอยู่ในระดับเป้าหมายที่คาดไว้ ซึ่งจะช่วยให้รายได้ของระบบ ที่จะมาคำนวณราคาอ้อยเพิ่มขึ้นได้
ดูจากเงื่อนเวลาเรื่องการยกเลิกการกำหนดราคาน้ำตาลภายในประเทศ จะครบกำหนด 2 ปีเต็มในวันที่ 16 มกราคม 2563 ยังต้องจับตาว่า สุดท้ายจะคงอยู่ต่อไปหรือประกาศยกเลิกในรัฐบาลใหม่และกลับไปใช้ระบบโควตาเหมือนเดิม หลังจากที่รายได้เข้าระบบอ้อยและน้ำตาลหายวับไปกับตา และกำลังไต่ระดับสูงขึ้นไปเรื่อยๆแบบที่เป็นอยู่!
คอลัมน์ : Let Me Think
โดย : TATA007
𐒄λⲄⲄ𐒅𐒢Ꮚ 𐒨𐒅λ𐒐 รัฐทำถูกแล้ว ตอนอ้อยถูก ขายในประเทศแพงบอกคนไทยค้องช่วยกัน พอราคาดีกว่าราคาในประเทศทีากำหนด มคงส่งออไปขายหมด กั๊กบ้าง ตุนบ้าง ให้น้ำตาบในประเทศขาดตลาดเพื่อขายแพงแบบหน้าด้านๆ
25 พ.ค. 2562 เวลา 09.22 น.
KANUENGSAG ม.44 เหมืองทองก็3หมี่นล้านแล้ว จ่อคอหอยอยู่ ค่าโง่โฮปเวลก็ศาลึ่งสั่งชดใช้ไปหมาดๆ ออกไปเหอะปชช.ไม่มีจะกินแล้ว
25 พ.ค. 2562 เวลา 12.59 น.
สด.อ.ผาขาว โรงงานน้ำตาลก็มากดราคารับซื้ออ้อยอีกที โรงงานไม่มีจัญญาไร
25 พ.ค. 2562 เวลา 13.57 น.
lek 20 ไปทำอย่างอื่นจะได้ไม่ต้องเผาด้วย
25 พ.ค. 2562 เวลา 11.58 น.
#71 AKE เดี๋ยวพวกก็บอกไปปลูกที่ดาวอังคารลุงพูดไม่ค่อยคิด
25 พ.ค. 2562 เวลา 14.33 น.
ดูทั้งหมด