ไลฟ์สไตล์

โรควัณโรคหลังโพรงจมูก เป็นวัณโรคชนิดที่ติดต่อกันได้น้อย พบเพียง 1%

MThai.com
เผยแพร่ 26 มิ.ย. 2562 เวลา 04.10 น.
กรณีที่พบกับ น้ำตาล เดอะสตาร์ นั้นเป็นกรณีที่ปกติจริงๆ เป็น วัณโรค ชนิดที่พบได้น้อยมากๆ เนื่องจากไม่มีอาการใดๆเตือนเลย ดังนั้น หมอจึงแนะนำว่าควรตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ

หลังจากที่ น้ำตาล เดอะสตาร์ เสียชีวิตลงด้วยอาการเลือดออกไม่หยุด คณะแพทย์ศิริราช ได้ทำการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุการเสียชีวิตแล้ว โดยทำการตัดชิ้นเนื้อหลังโพรงจมูก

ผลตรวจชิ้นเนื้อ พบว่า มีเชื้อวัณโรคที่ด้านหลังโพรงจมูก ซึ่งเป็นโรคที่พบได้น้อยมาก ซึ่งวัณโรคเป็นโรคที่พบเจอได้บ่อยในประเทศไทย แต่เป็นโรคที่รักษาได้ โดยสถิติพบว่า คนไทยเป็นวัณโรคประมาณ 80,000 คนจากประชากร 69ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่ 83% จะเจอในปอด แต่ 17% เจอนอกปอด ส่วนวัณโรคที่ด้านหลังโพรงจมูกนั้นพบเพียง 1% วัณโรคสามารถเป็นได้ตามอวัยวะอื่นๆในร่างกาย ซึ่งวัณโรคหลังโพรงจมูกนั้นมีรายงานทางการแพทย์ทั่วโลกพบว่า ผู้ป่วย 1 ใน 3 อาจไม่มีอาการใดๆ และ 70% อาจมีต่อมน้ำเหลืองที่คอโต หรือมีก้อนที่หลังบริเวณโพรงจมูก โดยการวินิจฉัยโรคนั้นทำได้โดยการตรวจชิ้นเนื้อที่ก้อนที่โต

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ส่วนกรณีที่พบกับ น้ำตาล เดอะสตาร์ นั้นเป็นกรณีที่ปกติจริงๆ พบได้น้อยมากๆ เนื่องจากไม่มีอาการใดๆเตือนเลย ดังนั้น หมอจึงแนะนำว่าควรตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ หากพบสิ่งผิดปกติควรค้นหาจนพบเจอสาเหตุของความผิดปกตินั้น และแม้ว่าจะตรวจร่างกายอยู่แล้ว แต่หากพบมีอาการผิดปกติในร่ายกาย เช่น น้ำหนังลดลงอย่างไม่รู้สาเหตุ เบื่ออาหาร มีไข้ต่ำๆ หรือคลำได้ก้อนผิดปกติ ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ

วัณโรค

เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจมาตั้งแต่อดีต ปัจจุบันโรคนี้ได้รับความสนใจจากองค์การอนามัยโลก เนื่องจากอัตราการติดเชื้อเริ่มมากขึ้นและมีเชื้อที่ดื้อยามากขึ้น ประมาณว่าปีหนึ่งจะมีคนติดเชื้อใหม่ประมาณ 8 ล้านคนและเสียชีวิตประมาณ 3 ล้านคนต่อปี

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

การแพร่ของเชื้อโรค Transmission

เชื้อวัณโรคจะแพร่โดยเชื้อจนอยู่ในเสมหะที่มีขนาด 1-5 ไมครอนซึ่งจะไปถึงถุงลมในปอดและทำให้เกิดการติดเชื้อ เสมหะนี้จะเกิดจากการไอ จาม พูดหรือร้องเพลง เชื้อโรคอาจจะอยู่ที่กล่องเสียงหรือในปอด หากเสมหะมีขนาดใหญ่กว่านี้จะถูกติดที่เยื่อบุโพรงจมูกวึ่งไม่ทำให้เกิดโรค

สภาวะที่เอื้อต่อการติดเชื้อได้แก่

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

จำนวนเชื้อวัณโรคที่อยู่ในอากาศ ความเข้มข้นของเชื้อโรคซึ่งขึ้นกับปริมาณเชื้อและการถ่ายเทของอากาศ ระยะเวลาที่คนอยู่ในห้องที่มีเชื้อโรค ภูมิคุ้มกันของคนที่สัมผัสโรค

วิธีการที่จะทำให้เชื้อในอากาศมีน้อยลง

หากเชื้อที่อยู่ในอากาศมีปริมาณมากคนที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมก็มีโอกาศที่จะติดเชื้อโรค

สำหรับท่านที่พักอาศัยกับผู้ที่เป็นวัณโรคปอด ก็สามารถนำวิธีนี้ไปใช้เพื่อลดเชื้อในอากาศซึ่งจะทำให้ลดการติดเชื้อได้ วิธีที่จะลดปริมาณเชื้อได้แก่

เพิ่มการถ่ายเทของอากาศโดยให้มีปริมาตรของอากาศที่ไหลเวียนประมาณ 6 เท่าของห้องต่อชั่วโมงซึ่งจะทำให้เชื้อในห้องเจือจางลง ให้แสงแดดส่องเข้ามาในห้องซึ่งมี ultraviolet สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ ให้ผู้ป่วยรับยารักษาวัณโรค ให้ผู้ป่วยผูกหน้ากากซึ่งจะต้องคลุมทั้งปากและจมูก

กลไกการเกิดโรควัณโรค

หลังจากที่เราหายใจเอาเชื้อโรคเข้าในปอด หการ่างกายเรามีภูมิก็จะฆ่าเชื้อโรคได้ หากฆ่าได้ไม่หมดเนื่องจากจำนวนหรือความรุนแรงของเชื้อ เชื้อก็จะอยู่ในเม็ดเลือดขาว และแบ่งตัวอย่างช้าประมาณว่าจะแบ่งตัวทุก 25-32 ชมจนกระทั่งเวลาผ่านไป 2-12 สัปดาห์จะมีปริมณเชื้อ 1000-10000 เซลล์ซึ่งมีปริมาณมากพอที่จำทำให้ร่างกายสร้างภูมิต่อโรคซึ่งสามารถตรวจพบภูมิโดยการทดสอบทางผิวหนัง ก่อนที่ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันเชื้อจะแพร่กระจายไปยังระบบน้ำเหลืองและกระแสเลือดไปยังอวัยวะต่างๆ เช่น ต่อมน้ำเหลือง ไขกระดูก ตับ ม้าม ปอดกลีบบน ไต กระดูก และสมอง เมื่อร่างการสร้างภูมิเต็มที่เชื้อจะไม่แบ่งตัวหรือแบ่งตัวช้ามากและจะไม่ติดต่อหรือเกิดโรค
สำหรับในบางภาวะที่ภูมิอ่อนแอเช่น ผู้ป่วยโรคเอดส์ เบาหวาน silicosis ผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิ จะมีโอกาสเกิดติดโรคได้ง่ายโดยเฉพาะใน 2 ปีแรก

อาการและอาการแสดงของโรควัณโรค
คนที่ติดเชื้อวัณโรคมีอาการได้หลายรูปแบบ บางคนอาจจะไม่มีอาการบางคนอาจจะมีอาการมากทั้งนี้ขึ้นกับปัจจัยดังต่อไปนี้

ปัจจัยที่ตัวผู้ป่วย
ได้แก่อายุ สำหรับเด็กและคนสูงอายุ จะมีความรุนแรงมากกว่าคนหนุ่มสาว
สภาวะของภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย เช่นคนที่เป็นโรคเอดส์ คนที่รับประทานยากดภูมิ ขาดอาหาร
โรคที่พบร่วม เช่นโรคถุงลมโป่งพอง เบาหวาน
ปฎิกิริยาระหว่างผู้ป่วยและตัวเชื้อโรค มีปฎิกิริยามากก็จะเกิดอาการมาก เช่นไข้หรือไอเป็นต้น

ความรุนแรงของโรค
ก่อนหน้าที่จะมีการระบาดของโรคเอดส์เราจะพบว่าวัณโรคจะเป็นที่ปอดประมาณร้อยละ85 ส่วนอีกร้อยละ15จะเป็นวัณโรคที่ปอดและนอกปอด แต่หลังจากที่มีโรคเอดส์พบว่าร้อยละ 38เป็นวัณโรคปอด ร้อละ 30 เป็นวัณโรคนอกปอด ร้อยละ 32 เป็นทั้งวัณโรคปอดและนอกปอด

อาการทั่วๆไป
เป็นอาการที่เกิดจากโรคแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นวัณโรคที่ตำแหน่งไหน อาการที่สำคัญได้แก่
ไข้ พบว่าผู้ป่วยโรควัณโรคจะมีไข้ได้ตั้งแต่ร้อยละ 37-80 แต่ก็มีผู้ป่วยร้อยละ 21 ที่ไม่มีไข้เลย หลังจากได้รับยารักษาวัณโรคพบว่าไข้จะลงในหนึ่งและสองสัปดาห ์ ร้อยละ34,64 ตามลำดับระยะเวลาเฉลี่ยที่ไข้ลงประมาณ 10 วัน
อาการอื่นๆที่พบได้ได้แก่ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย น้ำหนักลด ครั่นเนื้อครั่นตัว เหงื่อออกกลางคืน พบว่าเม็ดเลือดขาวอาจจะต่ำ ปกติหรือสูงก็ได้ ในรายที่เป็นมานานจะพบภาวะโลหิตจางด้วย อาการของเลือแรโซเดียมต่ำซึ่งจากปอดที่ติดเชื้อวัณโรสร้าง antidiuretic hormone-like substance

อาการของวัณโรคปอด
อาการเป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุดในระยะแรกๆอาจจะไอแห้งๆไม่มีเสมหะ หากไม่รักษาเมื่อมีการอักเสบเพิ่มมากขึ้นและมีการทำลายเนื้อเยื่อก็จะทำให้มีเสมหะ ไอเสมหะมีเลือดออก ผู้ป่วยที่เป็นวัณโรคมักจะไม่มีเลือดออกในเสมหะนอกจากจะเกิดจากผู้ป่วยมีโรคอยู่เก่าเช่น ถุงลมโป่งพองจากวัณโรค (Tuberculosis bronchiectasis) เส้นเลือดที่ผนังฝีในปอดแตก การติดเชื้อราในปอด หรือการติดเชื้อแบคทีเรีย

การวินิจัยโรค
การวินิจที่ถูกต้องจะต้องตรวจพบตัวเชื้อโรค โดยการนำสารหลั่งต่างมาตรวจ เช่น เสมหะ น้ำจากกระเพาะอาหาร น้ำจากช่องปอด น้ำไขสันหลัง นอกจากนั้นหากสามารถเพาะเชื้อโรคได้จะทำให้การวินิจฉัยถูกต้อง การนำมาเพาะเชื้อก็มีความจำเป็นเนื่องจากเชื้อวัณโรคมีการดื้อยาบ่อยทำให้ต้องทราบว่าเชื้อดื้อต่อยาอะไรบ้าง เพื่อจะได้ปรับยาที่ใช้รักษา นอกจากนั้นระยะเวลาก็มีความสำคัญ

ที่มาข้อมูลเรื่องวัณโรค จาก กลุ่มงานโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรี

ดูข่าวต้นฉบับ