สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ แถลงข่าวเปิดตัว อากิระ นิชิโนะ ทำหน้าที่กุนซือทีมชาติไทยคนใหม่อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว นี่คือ “โค้ชเอเชีย” คนแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลทีมชาติไทย
กระแสตอบรับต่างให้ความชื่นชมและต้อนรับ “นิชิโนะ” เพราะเกียรติประวัติสวยหรู ตั้งแต่การทำทีมระดับสโมสรในบ้านเกิดที่ประสบความสำเร็จมากมายทั้งในญี่ปุ่นและเอเชีย
รวมถึงเพิ่งพาทัพ “ซามูไรบูลส์” เข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย“ฟุตบอลโลก 2018” ที่รัสเซียมาหมาดๆ ไม่ใช่ประเภทโปรไฟล์ดีเมื่อนานหลายปีมาแล้วอย่างที่ “ช้างศึก” เคยเจอ
*ใครต่อใครจึงบอกว่าทีมชาติไทยได้ของดี *
แต่ “นิชิโนะ” จะทำผลงานกับทีมชาติไทยได้ดีขนาดไหนยังเป็นสิ่งที่ต้องติดตามต่อไป ของแบบนี้ไม่มีอะไรการันตีได้ล่วงหน้า
ส่วนข้อสงสัยที่ไม่มีการเปิดเผยว่า “นิชิโนะ” เซ็นสัญญากี่ปี รับค่าเหนื่อยเท่าไร แหล่งข่าวในสมาคมฯ ชี้แจงว่า“ข้อมูลในสัญญาทุกข้อห้ามเปิดเผย” ไม่งั้นอาจมีการฟ้องร้อง
จริงๆ แล้วประเด็นนี้คาดเดาไม่ยาก ภารกิจของ “นิชิโนะ” ชัดเจนอยู่แล้วคือพา “ช้างศึก” ลุย“ฟุตบอลโลก 2022” รอบคัดเลือก โซนเอเชีย” และ “ยู-*23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020” *
กรอบเวลากำหนดไว้ว่า “ฟุตบอลโลก 2022” รอบคัดเลือก รอบนี้ เตะกันทีมละ 8 นัดไปจบเอาเดือนมิถุนายน ปี 2020 นั่นหมายความว่า 1 ปีนับจากนี้พอดิบพอดี
เบื้องต้นสมาคมฯไม่น่าไม่เซ็นสัญญาน้อยหรือมากกว่า 1 ปี ต้องรอดูผลงานใน “ฟุตบอลโลก 2022” ก่อน ถ้าได้ไปลุ้นต่อในรอบ 12 ทีมสุดท้าย โซนเอเชีย ก็ต่อสัญญาใหม่
แต่ถ้าตกรอบไม่มีอะไรให้ลุ้นต่อต้องมาคุยกันว่าจะเอาอย่างไร ไปต่อด้วยกันมั้ย หรือแยกย้ายบ้านใครบ้านมัน ผลงานใน “ฟุตบอลโลก 2022” ควรเป็นคำตอบของทุกอย่าง
หรืออีกกรณีต้องดูผลงานของทีม “ยู-23” ที่เตะเกมชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้าย ในเดือนมกราคม 2020 ด้วยว่าได้ตั๋วไปกีฬาโอลิมปิก“โตเกียว 2020” ที่ญี่ปุ่นหรือเปล่า
“โตเกียวเกมส์” แข่งขันระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคมถึง 9 สิงหาคม ปี 2020 ถ้า “นิชิโนะ” พาทีมชาติไทยผ่านเข้าไปแข่งขันได้ควรต้องทำทีมต่อแบบจบบริบูรณ์
ดังนั้นคำถามที่ว่า “นิชิโนะ” เซ็นสัญญากี่ปีจึงวิเคราะห์และคาดเดาได้ไม่ยาก คำตอบซ่อนอยู่ในกรอบเวลาของทัวร์นาเมนต์เป้าหมายหลักที่กำหนดอยู่แล้ว
สิ่งสำคัญที่น่าสนใจและยังมีความสงสัยอยู่คือรายละเอียดการทำงานมากกว่า ตรงนี้อาจกระทบชิ่งไปถึง“ค่าเหนื่อย” ที่หลายคนคาใจอยู่ด้วย
เรื่องค่าเหนื่อยไม่มีการเปิดเผยเป็นปกติอยู่แล้ว ที่ลือกันว่าตกเดือนละ 10 ล้านบาท กล้าฟันธงเลยว่าโอเวอร์เกินจริงไปเยอะ สมาคมฯไม่มีกำลังจ้างใครปีละ 120 ล้านบาทแน่นอน
เท่าที่ได้ข้อมูลมาคาดว่าปีละไม่น่าเกิน 1.75 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 50 ล้านบาทบวก-ลบ ตกเดือนละประมาณ 3-4 ล้านบาท อย่างเวอร์คือเดือนละ 5 ล้านบาท
ตัวเลขนี้ไม่ได้มั่ว แต่เป็นข้อมูลที่หลุดตอนเจรจากับ “นิชิโนะ” รวมถึงเมื่อเเทียบค่าจ้าง มิโลวาน ราเยวัช และ อเลกซานเดร กาม่า แล้วมีความเป็นไปได้สูงว่าคงราวๆนี้
แต่นั่นคือตัวเลขที่คิดว่า “นิชิโนะ” มีทีมงานหรือสตาฟฟ์จากญี่ปุ่นมาร่วมทำงานด้วย ทว่าเอาเข้าจริงๆ กลับมาคนเดียวซะงั้น ไม่มีเพื่อนมาด้วยเลย !!!
ตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าสงสัยและคาใจอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้แหล่งข่าวระบุว่าที่ “นิชิโนะ” เซ็นสัญญาคุมทีมชาติไทยช้าเนื่องจากกำลังเจรจาหาทีมงานมาร่วมทำทีม
ไปๆ มาๆ กลายเป็น “นิชิโนะ” ที่นั่งแถลงข่าวว่ามาคนเดียว แม้เหตุผลจะดูดีว่า“ต้องการทำงานกับทีมงานคนไทย เพื่อยกระดับโค้ชไทยไปด้วยกัน” ก็ตามเถอะ
นอกจากนั้นยังทำให้ความมั่นใจต่างๆ ลดน้อยถอยลงไปด้วย เพราะวาดฝันไว้สวยเลยว่า “นิชิโนะ” และทีมงานจากญี่ปุ่นจะเข้ามาช่วยกันยกระดับฟุตบอลไทย
แต่พอเห็น “นิชิโนะ” มาคนเดียวจึงรู้สึกเป็นห่วงและเป็นคำถามว่าอดีตกุนซือ “ซามูไรบูลส์” จะไหวแค่ไหนกับภารกิจคุมทีมชาติไทยทั้ง 2 ชุด
ว่ากันตามตรงการจ้างโค้ชมาคนเดียวเป็นฟุตบอลยุคโบราณแล้ว สมัยนี้โค้ชอาชีพมักมี “มือขวา” หรือทีมงานที่รู้ใจตามไปด้วยกันตลอด ส่วนจะมากหรือน้อยก็ว่ากันไป
น่าแปลกใจที่ “นิชิโนะ” มาคนเดียว ทั้งที่นี่คือการทำงานนอกบ้านเกิดเป็นครั้งแรกด้วย อีกทั้งระยะเวลาเตรียมทีมไม่น่าเพียงพอที่จะยกระดับทั้งสตาฟฟ์โค้ชและนักบอลไปพร้อมกัน
ปัญหาการสื่อสารยิ่งน่าห่วงเพราะ “นิชิโนะ” ไม่พูดอังกฤษ และไม่รู้ว่า “ล่าม” ที่สมาคมฯ เพิ่งเปิดรับสมัครหรือเพิ่งได้มาใหม่ๆ มีความเข้าใจ “ภาษาฟุตบอล” มากน้อยแค่ไหน
เอาแค่ว่าถ้ามีเรื่องอะไรให้ปวดหัวหรือต้องปรึกษาแบบทันด่วนจริงๆ “นิชิโนะ” ต้องคุยผ่านล่ามตลอดก็น่าเป็นห่วงแล้ว เพราะไม่มีคนคุยภาษาเดียวกันช่วยคิดในทันทีเลย
การมาคนเดียวของ “นิชิโนะ” จึงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง จากที่คิดว่าจะมีทีมงานญี่ปุ่น 2-3 คนช่วยทำงานประสานกันทั้งทีมชาติไทยและชุดยู-23 โดยมีทีมงานคนไทยช่วยอีกแรง
แต่ตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้นแล้วและยังไม่รู้ว่าแนวทางการทำทีมหรือทำงานหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร รวมถึงทีมงานสตาฟฟ์คนไทยที่เข้าไปทำทีมกับ “นิชิโนะ” จะเป็นใครบ้าง
ดูเหมือนดราม่าฟุตบอลทีมชาติไทยน่าจะยังจบไม่ง่าย *!!! *
*“บับเบิ้ล” *
TOR 7895 จะมาเดี่ยวมาทีม หากมีการล้วงลูก มีเส้นสาย ไม่ช่วยเอื้อในการพัฒนาทีมอย่างยั้งยืน มีฝีมือ และจริงจัง ก็รับรองได้ เอาชื่อ เอาชีวิตมาทิ้งเปล่าๆ สำหรับโค้ชคนใหม่
22 ก.ค. 2562 เวลา 13.01 น.
Teera สมาคมต้องการให้คนไทยเป็นทีมงานสต๊าฟ โค้ชคนไหนมาก็ต้องเป็นโค้ชโต่ยเป็นผู้ช่วย คือหวังจะให้ไปเรียนรู้วิธีการทำงานของโค้ชต่างชาติให้ได้มากที่สุด คงต้องจ้างโค้ชอีกสักสิบคนจึงจะได้ไปบอลโลก
อย่าลืมติดต่อเป๊บกวาดิโอล่าด้วยนะ
22 ก.ค. 2562 เวลา 12.47 น.
อ้ายขาว เต่ามะเฟือง กลับบ้านเหอะท่านยุ่น รู้ตื้นลึกหนาบางวงการกีฬาไทยแลนด์แล้วจะหนาว ต่อให้เป็นท่านเซอร์เฟอกุสันก็ไม่รอด
22 ก.ค. 2562 เวลา 13.36 น.
East สไตล์ใครสไตล์มัน อาจจะมองเห็นอะไรบางอย่างในชุดราเยวัช เข้ามาเป็นทีมพูดกันไม่รู้เรื่องก็เจ๊ง เป็นไปตามคำสัมภาษณ์ มาช่วยยกระดับโค้ชไทย แต่ต้องร่วมมือกันทั้งระบบ เรื่องเข้ามาเล่น ๆคงไม่ใช่ รู้รู้อยู่คนญี่ปุ่นเค้าเป็นยังไง อันนี้มุมมองส่วนตัว รอดูผลงานละกัน
22 ก.ค. 2562 เวลา 13.31 น.
มาไทยคนเดียว แต่กลับญีปุ่นมี 2คน (คนจ้าง)
22 ก.ค. 2562 เวลา 14.34 น.
ดูทั้งหมด