ไอที ธุรกิจ

7 วิธีใช้ 'บัตรเครดิต' ให้ไม่ติดหนี้ แถมมีแต่ได้กับได้

กรุงเทพธุรกิจ
อัพเดต 02 มิ.ย. 2563 เวลา 11.25 น. • เผยแพร่ 02 มิ.ย. 2563 เวลา 11.45 น.

"บัตรเครดิต" เครื่องมือทางการเงินที่มีสารพัดข้อดี แต่เมื่อใช้อย่างประมาทขาดความรู้ ความเข้าใจ มักจะถูกโปรโมชั่นมากมายหลอกล่อให้ติดกับดักที่หอมหวาน และกลายเป็นผู้ที่มีหนี้ท่วมหัวได้ง่ายๆ

"กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" จึงรวบรวมวิธีใช้บัตรเครดิตที่ควรทำ 7 ข้อทำให้ไม่มีวันติดกับดักหนี้และทำให้คุณสนุกกับการบริหารเงินในฐานะ "ลูกหนี้ชั้นดี"

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
159099373849

  

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

 

 1. ไม่จ่ายแค่ "ขั้นต่ำ" เด็ดขาด! 

การใช้บัตรเครดิตแบบผิดๆ คือ การให้บัตรเครดิตเป็น "เจ้าหนี้เงินกู้"คือใช้รูดสินค้าจำนวนมากในคราวเดียวหรือรูดรวมภายในยอดบิลเดียวกันยอดหนี้จะกองเพนินเป็นกองใหญ่แล้วมาทยอยจ่ายขั้นต่ำทีหลัง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เช่นยอดเต็ม 20,000 บาทจ่ายขั้นต่ำที่10% ของยอดที่ใช้คือ 2,000 บาท บัตรเครดิตจะคิดดอกเบี้ยขั้นต่ำ 18-20% ต่อปีทันทีซึ่งหากจ่ายขั้นต่ำไปจนเรื่อยๆทุกๆเดือนดอกเบี้ยจะพอกพูนเป็นเงินต้นและคิดดอกเบี้ยทับอีกตลบจนกลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่ได้

หากจะขยายความ สาเหตุที่ควรจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำโดยเด็ดขาดคือ เพราะหลังจากที่มีการจ่ายขั้นต่ำ ผู้ให้บริการจะคิดดอกเบี้ยบัตรเครดิตแบบ 2 เด้ง ดังตัวอย่างต่อไปนี้

เด้งที่ 1 
วิธีการคิดดอกเบี้ยเด้งที่ 1 : ยอดที่ใช้จ่ายทั้งหมด x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันจากวันที่ทำรายการถึงวันที่สรุปยอดบัญชี / จำนวนวันใน 1 ปี

ดอกเบี้ยเด้งที่ 1 : 20,000 x 18% x 22 (สมมติ) / 365 = 216.99 บาท

เด้งที่ 2 

วิธีการคิดดอกเบี้ยเด้งที่ 2 : ยอดคงค้าง x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันจากวันที่ชำระคืนบางส่วน ถึงวันสรุปยอดบัญชีครั้งถัดไป / จำนวนวันใน 1 ปี

ดอกเบี้ยเด้งที่ 2 : 18,000 x 18% x 12 (สมมติ) /365 = 168.66 บาท 

เพราะฉะนั้น วันสรุปบัญชีรอบใหม่ จะต้องจ่าย 216.99 (ดอกเบี้ยเด้งที่ 1) + 168.66 (ดอกเบี้ยเด้งที่ 2) และ 18,000 (ยอดคงค้าง) รวมเป็น 18,385.65 บาท 
โดยจะถูกคิดดอกเบี้ยในลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจ่ายครบทั้งต้นทั้งดอก ยิ่งไปกว่านั้นถ้ายังจ่ายยอดเก่าไม่หมดแล้วรูดยอดใหญ่เพิ่มขึ้นไปอีกหนี้บัตรเครดิตเหล่านี้จะกระชากคุณลงสู่วังวนหนี้ในทันทีและแน่นอนว่าถ้าไม่สามารถชำระได้หมดตามระยะเวลาคุณจะถูกตราหน้าเป็นลูกหนี้ชั้นแย่และส่งผลกระทบต่อการขอสินเชื่อที่จำเป็นในอนาคตได้

ฉะนั้น.. ถ้าคิดจะใช้ อย่าจ่ายแค่ขั้นต่ำ!

 2. จำกัดวงเงินต่อรอบบิล 

ปกติวงเงินในบัตรเครดิตมักจะอนุมัติประมาณ 1.5 ของเงินเดือนขึ้นไปซึ่งแน่นอนว่าการมีบัตรเครดิตทำให้เราเหมือนมีเงินสำรองก้อนหนึ่งอยู่ในมือแต่ถ้ารูดเต็มวงเปรี๊ยะตั้งแต่รอบแรกโดยไม่มีเงินสำรองจ่ายแล้วรอเงินเดือนที่จำนวนพอๆกับเงินที่ใช้ไปล่วงหน้าไปจ่ายบัตรเครดิต ชีวิตคุณจะเปลี่ยนเป็นคนทำงานเพื่อถวายตัวให้หนี้บัตรเครดิตไม่รู้จบ

ฉะนั้น ก่อนใช้บัตรเครดิตในแต่ละเดือนจึงควร "จำกัดวงเงินที่จะใช้แต่ละเดือนให้ชัดเจน"โดยประเมินตามกำลังการจ่ายของตัวเองเช่นวงเงินทั้งหมด 30,000 บาทจำกัดการใช้ต่อเดือน10,000 บาท เพื่อเป็นกรอบเตือนสติไม่ให้ใช้เงินเกินกำลังในการชำระคืนในแต่ละเดือน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยป้องกันการรูดเพลินเกินห้ามใจและกลายเป็นภาระหนักอึ้งที่ตามมา 

159099376651

 3. รูดเท่าไรจ่ายเท่านั้น 

นอกจากไม่จ่ายขั้นต่ำแล้ว สิ่งที่ควรทำ คือ“การจ่ายเต็มจำนวนทุกครั้ง” นี่เป็นวิถีของลูกหนี้ชั้นดีที่ทำให้บัตรเครดิตเป็นเครื่องมือทางการเงินที่แสนจะมีประโยชน์เพราะการชำระเต็มจำนวนตามเวลาที่กำหนด หรือจ่ายภายในระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย (แต่ละบัตรมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน) จะไม่ถูกคิดดอกเบี้ยใดๆ เลย ในทางตรงกันข้าม หากจ่ายแค่ยอดขั้นต่ำจะถูกคิดดอกเบี้ยแบบ 2 เด้งตามวิธีการคิดเบื้องต้นในข้อที่ 1 ด้วย 

นอกจากการจ่ายเต็มวงเงินที่ใช้จะช่วยให้เป็นกันชนไม่ให้เราหลุดเข้าไปในกับดักของหนี้บัตรเครดิตที่ดอกเบี้ยโตเร็วมากๆ แล้ว ยังทำให้คุณกลายเป็นลูกหนี้ชั้นดีที่ได้รับสิทธิประโยชน์จากการใช้บัตรเครดิตตามมาไม่หวาดไม่ไหวได้ในอนาคตอีกด้วย

 4. ซ้อมเป็นหนี้ /เก็บเงินก่อนรูด 

หลายคนเข้าใจว่า บัตรเครดิตทำหน้าที่เป็น "เงินอนาคต" ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วในอนาคตเราอาจจะไม่เงินก้อนนั้น และการรูดซื้อของไปล่วงหน้า เท่ากับเรากำลังมีเงินติดลบเสียด้วยซ้ำ 

การเก็บเงินก่อนรูดเป็นการสร้างเงินสำรองขึ้นเพื่อให้มั่นใจว่าเรามีกำลังที่จะชำระเงินคืนได้อย่างแน่นอนอย่างน้อยที่สุดควรมีเงินสดสำรอง 50% ของสินค้าที่จะซื้อผ่านบัตรเครดิตเพื่อเตรียมสะสมสำหรับจ่ายเต็มจำนวนในเดือนถัดไป

หรืออีกหนึ่งวิธีคือการ "ซ้อมเป็นหนี้" ก่อนผ่อนชำระจริง เช่น ต้องการซื้อสินค้าราคา 30,000 บาท โดยใช้สิทธิประโยชน์ผ่อน 0% เป็นเงิน 3,000 เป็นเวลา 10 เดือน จะต้องมีการหักเงินเข้าบัญชีเพื่อซ้อมผ่อน ก่อนจ่ายจริงอย่างน้อย 3-5 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินทางการเงินเกิดขึ้นระหว่างที่อยู่ในโปรแกรมผ่อนชำระ เราจะยังสามารถผ่อนชำระได้ตรงตามเวลา แบบปลอดดอกเบี้ยได้สบายๆ 

แม้จะดูเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก แต่เป็นเรื่องที่ควรทำ เพราะเกินครึ่งของคนที่ติดกับดักหนี้บัตรเครดิต คือคนที่เชื่อมั่นในตัวเองว่าจะสามารถหาเงินมาจ่ายได้ในอนาคต ทั้งๆ ที่ไม่มีเงินในมือ และปราศจากการวางแผนในจุดนี้

159099378192

 5. จ่ายตรงตามเวลาทุกเดือน 

จ่ายตรงตามเวลาทุกเดือน การจ่ายเงินคืนบัตรเครดิตตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดทันทีที่สรุปยอดบิล หรือจ่ายก่อนวันครบกำหนดชำระ นอกจากเราจะไม่ต้องเสียดอกเบี้ยที่ไม่ควรเสียแล้ว การจ่ายเงินตามเวลาที่กำหนดยังช่วยรักษาสถานะลูกหนี้ชั้นดี ที่อาจส่งผลต่อการขอสินเชื่อในอนาคตด้วย

 6. ทำความเข้าใจ "ใบแจ้งหนี้" 

เอกสารแจ้งหนี้ หรือใบแจ้งหนี้แบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม และไม่ยอมศึกษาอย่างละเอียด ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วการตรวจสอบใบแจ้งหนี้อย่างละเอียดทั้งวันที่สรุปยอด วันครบกำหนดชำระโดยเฉพาะช่วงที่มีการผ่อนจ่าย ที่อาจมีการคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น หากไม่ตรวจสอบและทำความเข้าใจการคิดอัตราดอกเบี้ยหรือรอบการจ่ายในแต่ละเดือนอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดจนนำไปสู่การวางแผนชำระหนี้ผิดอาจส่งผลกระทบด้านการเงินอื่นๆ ที่ตามมาได้

สำหรับผู้ให้บริการบัตรเครดิตในปัจจุบันสามารถตรวจสอบยอดเงินที่ใช้ยอดเงินที่ชำระที่อัพเดทแบบเรียลไทม์ ผ่านแอพพลิเคชั่นของแต่ละธนาคาร ซึ่งช่วยให้สามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหวของการใช้จ่ายของตัวเองได้อย่างละเอียด และสามารถระงับการใช้งานได้ทันท่วงทีเมื่อมีแจ้งเตือนการใช้บัตรที่ผิดปกติ 

159099395434

 7. ใช้สิทธิพิเศษของบัตรให้เป็นประโยชน์ 

ข้อดีของการใช้เครดิตที่แตกต่างจากการใช้เงินสด คือสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ "เงินสดให้ไม่ได้"ซึ่งการใช้สิทธิประโยชน์ต่างๆเหล่านี้จะตามมาอัตโนมัติถ้าใช้เราสามารถบริหารจัดการบัตรเครดิตได้6 ข้อด้านบนหรือรักษาสถานะลูกค้าชั้นดีมาอย่างต่อเนื่อง โดยบัตรเครดิตแต่ละธนาคารหรือบัตรแต่ละประเภทย่อมให้สิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป 

ฉะนั้นก่อนเลือกสมัครบัตรเครดิต ลองเลือกบัตรที่มีคุณสมบัติที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ตัวเองมากที่สุดเช่นสายช้อปปิ้ง เลือกบัตรที่ให้สิทธิประโยชน์ร่วมกับร้านรีเทล ศูนย์การค้า หรือร้านที่ใช้บริการเป็นประจำเป็นต้น

สำหรับสิทธิพิเศษของบัตรมีหลายรูปแบบขอยก3 ตัวอย่างที่มีให้ในบัตรเครดิตส่วนใหญ่อย่างการใช้แต้มบัตรเครดิต การผ่อน 0% และการรับเครดิตเงินคืน

ใช้แต้ม : ทุกครั้งที่มีการใช้และจ่ายคืนผ่านบริการผ่านบัตรเครดิตจะได้รับแต้มสะสมตามข้อกำหนดของแต่ละบัตรซึ่งบรรดาแต้มเหล่านี้จะค่อยๆผุดขึ้นมาเรื่อยๆเมื่อใช้จ่ายอย่างมีวินัยแต้มเหล่านี้สามารถสะสมเพื่อแลกรับของกำนัลรูปแบบต่างๆได้ตั้งแต่ของเล็กๆน้อยๆอย่างชานมไข่มุกไต่ขึ้นไปเป็นของใช้เช่นกระเป๋าเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือแม้แต่ส่วนลดค่าบริการร้านอาหาร โรงแรมชั้นนำ ฯลฯ ซึ่งแต้มเหล่านี้คือกำไรที่สามารถลดต้นทุนการใช้เงินของเราในครั้งต่อๆไปได้ 

ผ่อน0% : โปรโมชั่นยอดฮิตที่มีประโยชน์มากๆสำหรับคนที่ต้องการซื้อสินค้าบางอย่างที่มีมูลค่าสูงได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในคราวเดียว สามารถทยอยจ่ายเป็นก้อนเล็กๆโดยไม่มีเสียดอกเบี้ยใดๆ เลย

อย่างไรก็ตามการผ่อน0% มีข้อควรระวังคือการเลือกการผ่อนเป็นระยะเวลานานพร้อมกันหลายๆสินค้า ซึ่งทำให้ต้องแบกภาระต่อไปเป็นเวลานานและอาจมีเงินไม่เพียงพอต่อการผ่อนจ่ายซึ่งเป็นกับดักให้หลายต่อหลายคนเดินทางไปสู่วังวนของการชำระหนี้ไม่ตรงเวลาเพราะชักหน้าไม่ถึงหลังและโดนหนี้ล้มทับได้เช่นกัน

159099422715

เครดิตเงินคืน : หรือที่เรียกกันติดปากว่าCashback เป็นสิทธิประโยชน์ของผู้ใช้ได้เงินคืนเข้าสู่บัญชีบัตรเครดิตทุกครั้งที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเสมือนได้ส่วนลดในการใช้จ่ายแต่ละรอบ ทั้งนี้ เงื่อนไขของการให้เครดิตเงินคืนแต่ละครั้ง มักจะมีเงื่อนไขกำหนดอยู่ เพราะฉะนั้นอย่ารูดเพื่อหวังเงินคืนจนลืมมองดอกจันตัวเล็กๆที่ระบุเงื่อนไขอยู่ด้วย

ที่ผ่านมา เชื่อว่าหลายคนเผลอใช้บัตรเครดิตหละหลวมไปจาก7 ข้อที่กล่าวถึงบ้าง บางข้ออาจไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตมากแต่หากเกิดขึ้นต่อเนื่องหรือบ่อยครั้งขึ้นผลของการใช้บัตรเครดิตแบบไม่ระมัดระวังเหล่านี้จะกลับมาเล่นงานในระยาวได้เช่นกัน 

เพราะเจ้าหนี้ในอนาคตของคุณจะสามารถตรวจสอบพฤติกรรมการชำระหนี้ย้อนหลังที่ปรากฏในเครดิตบูโรหรือบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติจำกัด(National Credit Bureau) เป็นเวลา36 เดือนหรือ3 ปีซึ่งหากประวัติการชำระหนี้ไม่น่ารักอย่างที่ควรจะเป็น ก็มีส่วนทำให้โอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อที่มีความจำเป็นหลุดลอย (ในระยะเวลาหนึ่ง) ได้เช่นกัน

ฉะนั้นก่อนที่จะสมัครบัตรเครดิตหรือก่อนหยิบบัตรเครดิตมาใช้ทุกครั้งอย่าลืมทบทวนถึงวิธีการใช้บัตรเครดิตทั้ง7 ข้อนี้เพื่อสุขภาพการเงินที่ดีของตัวเอง

เพราะถึงแม้บัตรเครดิตจะเป็นตัวช่วยชั้นดีทางด้านการเงิน แต่ถ้าใช่ไม่เป็น ก็อาจจะเจอดีได้เช่นกัน!!

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 1
  • Thaworn
    วิธีไม่เป็นหนี้พอกหางหมู ซื้อเท่าที่มีปัญญาจ่าย จ่ายเต็มจำนวนทุกเดือน รับรองไม่มีหนี้ค้างชำระ ไม่เสีบ ด.บ. ไม่มีเบี้ยปรับ ไม่มีค่าตามหนี้
    03 มิ.ย. 2563 เวลา 07.18 น.
ดูทั้งหมด