ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

โค้ก กับ เป๊ปซี่ ใครขายดีกว่ากัน?

ลงทุนแมน
อัพเดต 15 ส.ค. 2561 เวลา 05.46 น. • เผยแพร่ 15 ส.ค. 2561 เวลา 11.40 น. • ลงทุนแมน

โค้ก กับ เป๊ปซี่ ใครขายดีกว่ากัน? / โดย ลงทุนแมน

หากพูดถึงน้ำอัดลม ที่เป็นผู้นำในวงการ
คงจะหนีไม่พ้นยักษ์ใหญ่ โค้ก กับ เป๊ปซี่
สองแบรนด์นี้ เคยต่อสู้แย่งชิงส่วนแบ่งตลาดกันมาอย่างยาวนาน
จนถึงจุดหนึ่ง จึงได้ใช้กลยุทธ์ทางธุรกิจที่แตกต่างกันออกไป
เรื่องราวนี้เป็นอย่างไร
แล้วใครขายดีกว่ากัน ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เรื่องที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อนคือ น้ำอัดลมทั้งสองเจ้านั้น เกิดมาจากร้านขายยา ซึ่งเจ้าของคิดค้นขึ้นเพื่อเป็นยาให้ความสดชื่น หรือรักษาอาการปวดท้อง

โค้ก ถือกำเนิดขึ้นในปี 1886 ถูกคิดสูตรขึ้นโดยเภสัชกรชื่อ John Pembleton

ส่วน เป๊ปซี่ เกิดขึ้นในปี 1898 ถูกคิดสูตรขึ้นโดยเภสัชกรชื่อ Caleb Bradham

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ปัจจุบันโค้กนั้น เป็นแบรนด์ที่อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท The Coca-Cola Company ซึ่งนอกจาก โค้ก แล้ว ยังเป็นเจ้าของเครื่องดื่มชื่อดังอื่นๆ เช่น Sprite, Fanta และ Minute Maid เป็นต้น

ส่วนเป๊ปซี่ เป็นแบรนด์ที่อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท PepsiCo ซึ่งนอกจาก เป๊ปซี่ แล้ว ยังเป็นเจ้าของเครื่องดื่มชื่อดังอื่นๆ เช่น 7 Up, Mirinda, Tropicana และ Gatorade เป็นต้น รวมทั้งเป็นเจ้าของแบรนด์ขนม เช่น Lay’s, Cheetos, Doritos อีกด้วย

ในอดีต ทั้งคู่ ใช้วิธีการต่างๆ เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดกันมาตลอด

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

โดยเฉพาะในช่วงปี 1980 ที่การแข่งขันดุเดือดขึ้น จนถูกเรียกว่าเป็นสงครามโคล่า

โดยมีการออกโฆษณาและแคมเปญต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าสินค้าตนเองมีรสชาติหรือคุณสมบัติที่ดีกว่า ราคาคุ้มค่ากว่าอีกฝ่าย

แล้วมาถึงตอนนี้ ใครขายดีกว่ากัน?

ปัจจุบัน ส่วนแบ่งของทั้งสองบริษัท ในตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ที่สหรัฐอเมริกา เป็นดังนี้

หากนับรวมเครื่องดื่มทั้งหมด Coca-Cola มีส่วนแบ่ง 42% ส่วน PepsiCo 27%

ซึ่งในสัดส่วนดังกล่าว คิดเป็น โค้ก 18% ขณะที่ เป๊ปซี่ 8%

ส่วนในประเทศไทยนั้น ตลาดน้ำอัดลมที่เป็นน้ำดำ มีมูลค่า 35,000 ล้านบาท มีส่วนแบ่ง คือ โค้ก 52% และ เป๊ปซี่ 30% ซึ่งในไทยในสมัยก่อนเป๊ปซี่เป็นผู้นำ แต่ตอนนี้ได้เสียแชมป์ให้แก่ โค้ก ตั้งแต่ บริษัทเสริมสุขที่เป็นผู้จัดจำหน่ายเดิมไปทำเครื่องดื่มใหม่ชื่อ เอส

อย่างไรก็ตาม ในหลายปีที่ผ่านมา พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป หันมาสนใจสินค้าที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น ทั้งสองบริษัท จึงต้องหากลยุทธ์ในการลงทุนใหม่ๆ

Coca-Cola นั้นยังคงสภาพตัวเองเป็นบริษัทขายเครื่องดื่ม และเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์หลักให้ตอบโจทย์ตลาดมากขึ้น โดยมีการวางขายโค้กในแบบใหม่ๆ เช่น Diet Coke, Coca-Cola Zero, Coca-Cola Light ที่พยายามคงรสชาติให้เหมือนเดิมมากที่สุด แต่ลดน้ำตาลหรือปริมาณแคลอรี่ลง ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี สะท้อนจากส่วนแบ่งตลาดนั่นเอง

ในขณะที่ PepsiCo แม้จะมีการพัฒนาเป๊ปซี่ในลักษณะเดียวกัน เช่น diet pepsi, pepsi MAX, pepsi ZERO SUGAR แต่หลังจากที่มีการควบรวมกับ Frito-Lay เมื่อปี 1965 ทำให้บริษัทได้ธุรกิจด้านอาหารและขนมมาไว้ในมือด้วย

เมื่อภาพรวมตลาดน้ำอัดลม มีแนวโน้มขาลง บริษัทจึงหันไปลงทุนอย่างอื่นมากขึ้นแทน สะท้อนจากโครงสร้างรายได้ของ PepsiCo ที่ปัจจุบันมาจากธุรกิจเครื่องดื่ม 53% และ ธุรกิจอาหาร 47%

ด้วยเหตุผลนี้อาจทำให้ Coca-Cola มีตำแหน่งที่ดีกว่าในตลาดน้ำอัดลม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า PepsiCo จะพ่ายแพ้สงครามใหญ่เสียทีเดียว เพราะการกระจายการลงทุน ทำให้บริษัทมีรายได้รวมสูงกว่าคู่แข่งเป็นเท่าตัว

ผลประกอบการของทั้งสองบริษัท ในปี 2017
Coca-Cola มีรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท กำไร 4.2 หมื่นล้านบาท (ปี 2017 Coca-Cola มีรายการพิเศษ ถ้ามองในปี 2016 จะมีกำไร 2.2 แสนล้านบาท)
ปัจจุบันมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 6.5 ล้านล้านบาท

PepsiCo มีรายได้ 2.1 ล้านล้านบาท กำไร 1.6 แสนล้านบาท
ปัจจุบันมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 5.4 ล้านล้านบาท

เรื่องราวนี้ แสดงให้เห็นว่า

การมุ่งเน้นบางสิ่งอย่างจริงจัง อาจสร้างความได้เปรียบเชิงธุรกิจให้กับเราได้

แต่ในบางครั้ง ชีวิตอาจจะไม่ได้มีคำตอบที่ถูกต้องเพียงข้อเดียวเสมอไป

เหมือนอย่างที่ Coca-Cola ยังมุ่งเน้นพัฒนาสินค้าหลักของตนเอง จนได้เป็นผู้นำตลาดน้ำอัดลม

ขณะที่ PepsiCo มองว่าสินค้าหลัก กำลังเป็นขาลง จึงหันไปหาทางเลือกอื่นมาเสริมรายได้ ซึ่งก็ทำให้บริษัทมีการเติบโตเช่นกัน

สุดท้ายแล้ว ทั้งคู่ก็ยังยืนหยัดอยู่บนโลกใบนี้ ได้อย่างแข็งแกร่งมากว่า 100 ปี

และถ้าถามว่าอีก 100 ปีข้างหน้า เราจะดื่มน้ำอัดลมยี่ห้ออะไร

คำตอบก็คงจะหนีไม่พ้น โค้ก และ เป๊ปซี่..
———————-
น้ำอัดลมให้ความสดชื่น ดื่มแล้วอ่านบทความต่อได้ ติดตามและแชร์เรื่องราวของตนเองได้แล้ว ที่แอปพลิเคชันลงทุนแมน โหลดฟรีทั้ง iOS และ android blockdit.com/app
.
หนังสือลงทุนแมนให้อ่านยามว่าง เล่ม 1.0-5.0 ซื้อได้ที่ลิงก์นี้ lazada.co.th/shop/longtunman
.
อินสตาแกรม ไว้ดูภาพสวยๆ instagram.com/longtunman
.
ทวิตเตอร์กระชับฉับไว twitter.com/longtunman
.
ไลน์ส่งข้อความตรงวันละครั้ง line.me/R/ti/p/%40longtunman
———————-

Reference
-https://www.businessinsider.com/soda-wars-coca-cola-pepsi-history-infographic-2011-11#coke-decided-to-go-public-in-1962-on-the-heels-of-its-launch-of-sprite-which-would-become-one-of-its-most-successful-brands-8
-https://en.wikipedia.org/wiki/Cola_wars
-https://money.cnn.com/2018/02/20/news/companies/cola-wars-coke-pepsi/index.html
-https://marketeeronline.co/archives/13299
-https://finance.yahoo.com/
-Annual Report PepsiCo
-https://www.statista.com/statistics/225464/market-share-of-leading-soft-drink-companies-in-the-us-since-2004/
[9022].

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 10
  • แดกหมดไครชื้อมากุกินหมด ถ้าไห้กุชื้อกุ กินแต่เบีย
    16 ส.ค. 2561 เวลา 09.33 น.
  • Umphang crazy garden
    น้ำเปล่าดีที่สุด
    16 ส.ค. 2561 เวลา 09.11 น.
  • นำ้นมแม่มีประโยชน์ทึ่สุด
    16 ส.ค. 2561 เวลา 08.26 น.
  • AUNOOOO
    ผมว่าอิชิตันนะ
    16 ส.ค. 2561 เวลา 05.49 น.
  • danutath
    ภาคใต้ต้องโค๊กเท่านั้น เอาใว้ผสมน้ำท่อ 555
    16 ส.ค. 2561 เวลา 05.40 น.
ดูทั้งหมด