คนสนิท ส.ส. เปิดหน้าแจง โต้รับส่วยตลาด ชี้ “ค่าบุญคุณ” คาดชายครึ่งร้อยบุก หุ้นส่วนสั่ง (คลิป)

จากกรณีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวนมาก เข้ารุมทำร้ายคนดูแลตลาดเปิดท้ายทางรถไฟ จังหวัดสระบุรี เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 61 จนทำให้ชุดรักษาความปลอดภัยของตลาดได้รับบาดเจ็บ และกลุ่มคนร้ายทั้งหมดหลบหนีนั้น (อ่าน : เปิดโฉมหน้าแก๊งมาเฟียถล่มตลาด ภาพชัดชี้เป้าส่งสมุนบุก สุดเนียน ใช้วัดเป็นจุดรวมพล )

วันที่ 23 ต.ค. 61 ที่ตลาดเปิดท้ายรถไฟ จ.สระบุรี ทีมข่าวพยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ อดีตหุ้นส่วนที่หุ้นส่วนปัจจุบัน ที่ถูกอ้างว่าเคยมีปัญหาทุจริตเงินในอดีต แต่ได้รับการปฏิเสธ โดยเจ้าตัวอ้างว่าอยู่ระหว่างเดินทางไปต่างจังหวัด จึงได้มีการเปิดเผยข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์

โดยนายเอ (นามสมมติ) อดีตหุ้นส่วนตลาดเปิดท้ายรถไฟ ยอมรับว่า หลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในตลาด นางวิรณัฏฐ์ ณัฏฐมั่งคั่ง หรือ เจ๊ยุ้ย ซึ่งเป็นพี่สาวของนายชาย เข้ามาดูแลตลาด และอ้างว่าเป็นเจ้าของเงินที่ใช้นำมาลงทุน และเปลี่ยนแปลงการจ่ายเงิน ทั้งนี้ ส่วนตัวเคยคิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องเกิดเหตุขึ้น แต่ไม่คิดว่าจะรุนแรงแบบนี้ ซึ่งตนเองในฐานะที่ยังคงรับข้าราชการอยู่ จึงได้แจ้งข้อมูลไว้กับตำรวจในพื้นที่ให้ช่วยกันดูแลความสงบ

และจากเหตุการณ์ครั้งนี้ถูกโยงว่าเป็นปมการทะเลาะเรื่องของผู้หุ้น ตนยอมรับว่า รู้สึกเครียด แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต ได้ดำเนินการทางคดีไปแล้ว และเป็นการปฏิบัติไปอย่างตรงไปตรงมา หลังจากนั้น ตนเองก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งกับตลาดรถไฟ รวมถึงไม่ได้ติดต่อกับผู้ถือหุ้นเดิมอีก เพราะตัวเองยังไม่มีเงินที่จะไปชำระหนี้ดังกล่าวได้ แต่ถึงแม้ว่าตนเองจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับตลาด และถอยห่างออกมา เพราะเรื่องปมทุจริตเงินตลาด แต่ยังมีเงินที่ก่อนหน้านี้ที่ใช้ในการวางหลักค้ำประกันตลาดเอาไว้

และยืนยันว่า จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ที่มีคนเข้าไปทำร้ายเจ้าของตลาด ตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งหากตนเองจะทำ ก็คงทำไปนานแล้ว คงไม่รอให้ถึงทุกวันนี้ และตนก็ไม่มีผลประโยชน์ใดกับตลาด จึงไม่จำเป็นต้องทำ

ด้าน นายเทวิณทร์ ศรีพัชรมงคล หรือ เจี๊ยบ อายุ 56 ปี คนสนิทนักการเมือง เปิดเผยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาด จนกระทั่งมีกลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามาทำร้าย เป็นเรื่องความขัดแย้งของหุ้นส่วนภายใน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการงดจ่ายค่าตอบแทนแต่อย่างใด เพราะที่ผ่านมา การจ่ายค่าตอบแทนให้กับผู้ใหญ่นั้น มีมากขึ้นตั้งแต่สัญญาฉบับเดิม ปี 2552 เรียกว่าเป็นค่าตอบแทนบุญคุณ สำหรับผู้ที่ให้การช่วยเหลือตลาดตั้งแต่ต้น เพราะในอดีตการต่อสัญญาฉบับที่ 2 เกิดปัญหา เนื่องจากมีผู้ถือหุ้นคนเก่า ไม่จ่ายค่าเช่าให้กับการรถไฟ จึงทำให้ตลาดจะถูกเรียกคืนพื้นที่ และได้มีผู้ใหญ่ในพื้นที่เป็นตัวกลางช่วยเหลือทางด้านการเงิน และช่วยเจรจากับการรถไฟ

ทั้งนี้ การประชุมของผู้ถือหุ้น 12 คน เคยมีมติร่วมกันว่าจะจัดตั้งหุ้นลอย สำหรับจ่ายเป็นค่าตอบแทนให้กับผู้มีพระคุณเหล่านั้น และมีการจ่ายตามจำนวนเงิน 40,000 บาท ที่ปรากฏเป็นข่าว และยืนยันอีกครั้งว่า เป็นค่าตอบแทนบุญคุณ ซึ่งไม่ใช่การเรียกว่าค่าดูแล ค่าคุ้มครอง หรือการจ่ายส่วยแต่อย่างใด และทุกคนก็พร้อมใจกันจ่าย สำหรับเงินที่ได้รับจากตลาด แม้จะมอบให้กับ ส.ส. หรือ เสธฯ ก็จะมีตัวแทนเป็นผู้รับเงินดังกล่าวไปใช้เพื่อสาธารณะประโยชน์ โดยเงินที่มอบให้กับนักการเมือง ตนจะเป็นผู้รับ และนำไปบริหารจัดการโดยไม่มีการโอน หรือส่งต่อแต่อย่างใด

และสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาด เชื่อว่าเป็นเพราะหุ้นส่วนไม่พอใจ ที่เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยมีเจ๊คนหนึ่ง ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของเงิน และเป็นพี่สาวของผู้ดูตลาดคนเก่าเข้ามาดูแล และได้จ้างชายฉกรรจ์จากกรุงเทพฯ เข้ามาคุมตลาด โดยอ้างว่าทำหน้าที่ในตำแหน่งพนักงานรักษาความปลอดภัย เนื่องจากตลาดเกิดการเปลี่ยนแปลง และมีกลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามา จึงทำให้ผู้ถือหุ้นไม่พอใจ อาจส่งคนเข้ามาก่อเหตุในช่วงที่ผ่านมาก็ได้

ส่วนกรณีที่เจ๊กับคนดังกล่าว ได้พยายามเปลี่ยนประเด็นปัญหาไปเป็นเรื่องของการจ่ายค่าดูแลนั้น ส่วนตัวมองว่า เป็นเพราะเจ๊ต้องการโยงให้เป็นประเด็นทางการเมือง เพราะตลาดมีนักการเมืองท้องถิ่นเคยมีบุญคุณตั้งแต่ในอดีต จึงอยากตัดปัญหาไม่จ่ายเงินดังกล่าว และโยงเข้าสู่ประเด็นทางการเมือง แต่ทั้งนี้ แม้ว่าจะไม่มีการจ่ายเงินดังกล่าว ตัวของนักการเมือง หรือผู้มีพระคุณคนอื่น ก็ไม่เดือดร้อน แต่อาจมีได้รับผลกระทบบ้างเล็กน้อย แต่เชื่อว่าผู้มีพระคุณก็เข้าใจ ถึงสภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงเหตุผลทั้งหมด

นอกจากนี้ เมื่อวานที่ผ่านมา (22 ต.ค. 61) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของจังหวัดสระบุรี ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งการรถไฟ ตำรวจ ทหาร ผู้ค้า และหุ้นส่วน ไปหารือถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีฝ่ายของผู้ถือหุ้นของตลาด รวมถึงเจ๊คนดังกล่าว เข้าร่วมการประชุมแต่อย่างใด