หลายคนมีปัญหาในชีวิต บางคนมีหนี้สินล้นพันตัว ชักหน้าไม่ถึงหลัง อกหักรักคุด มีปัญหาในที่ทำงาน และอีกร้อยแปดปัญหาที่ประดังประเดกันเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน เรียกว่าทุกข์แล้วทุกข์อีกจนต้องพ่ายแพ้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ทำได้เพียงยอมจำนนต่อโชคชะตา แบกรับปัญหาไว้ และทุกข์ต่อไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนตายกันไปข้างหนึ่ง
การคิดแบบนี้ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องเลย คนเราไม่จำเป็นต้องแบกปัญหา ทนรับความทุกข์ไว้กับตัว ในเมื่อมีหนทางอีกมากมายที่ช่วยขจัดความทุกข์ออกไปได้ ถึงแม้ปัญหาจะยังไม่คลี่คลาย แต่การที่เราไม่ทุกข์ระทมก็เป็นการเริ่มต้นที่จะจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้แล้ว ส่วนที่เหลือก็แค่จัดการกับเรื่องราวร้อยแปดด้วยวิธีการนี้…
ดับทุกข์ด้วยสติ
จริง ๆ แล้วเราไม่อาจหนีความทุกข์ที่เข้ามารุมเร้าได้ แต่มีวิธีที่จะดับทุกข์ด้วยตัวเองได้ด้วยการมี ‘สติ’ อยู่เสมอ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีสติ ก็จะสามารถพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างมีเหตุมีผล เข้าใจปัญหา ที่สำคัญคือทำใจได้ไว แม้ปัญหานั้นจะไม่ได้รับการแก้ไขก็ตาม ตรงนี้เองที่สติจะทำให้เราควบคุมอารมณ์และสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดีขึ้น
สิ่งสำคัญคือ สติไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ และไม่ได้เกิดขึ้นเอง ต้องอาศัยการฝึกฝน เพราะจิตของเราไม่เคยนิ่ง มีแต่วอกแวกไปมาตามเหตุการณ์และสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เป็นสิ่งเร้า ดังนั้นการจะมีสติได้นั้น ต้องเริ่มจากการรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่ล่องลอยไปกับอดีตหรืออนาคต ใช้ชีวิตอยู่กับความจริง ความเป็นปัจจุบัน เข้าใจและระลึกได้ว่ากำลังทำอะไร กำลังคิดอะไรบนพื้นฐานของความจริงที่เป็นสัจธรรม
การมีสติ และใช้ปัญญาในการจัดการชีวิตเป็นหนทางในการดับทุกข์ที่ดีที่สุด สังเกตดี ๆ คนไม่มีสติ ไม่ยอมรับความจริงมักจะเป็นทุกข์ ซึ่งเป็นทุกข์ที่เกิดจากตัวเองทั้งนั้น คือพอไม่มีสติก็ไม่มีปัญญาจะมาคิด ตริตรองถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ได้แต่หลอกตัวเองไปเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้เป็นทุกข์ ถามว่ายังทุกข์อยู่ไหม ตอบได้เลยว่า “ทุกข์” เพราะทุกข์ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่เราปกปิด หมกเม็ดโดยไม่ได้ใช้สติเข้ามาจัดการเพื่อดับทุกข์ที่แท้จริง
ตามหลักพระพุทธศาสนาแล้ว เราควรปล่อยวางทุกข์ ไม่ให้ความทุกข์มาอยู่เหนือสติปัญญาและจิตใจได้ ดังนั้นถ้าอยากจะหนีทุกข์ ดับทุกข์ ไม่ว่าจะชั่วคราวหรือถาวรก็ตาม การปล่อยวางเป็นหนทางที่ดีสุด แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือเราจะปล่อยวางไม่ได้เลย หากไม่มี ‘สติ’
หยุดคิดเป็น ก็ดับทุกข์ได้
ปัญหาของคนเราส่วนใหญ่เกิดจากการควบคุมความคิดไม่ได้ เผลอคิดไปโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นเมื่อมีปัญหาหนัก ๆ และควบคุมความคิดไม่เป็น หยุดความคิดไม่ได้ ย่อมเป็นอันตรายต่อตัวเองและคนรอบข้าง พาลจะทำให้สังคมเดือดร้อนเพราะคนประเภทนี้บ่อยขึ้น ซึ่งการจะทำให้หยุดคิดเป็นก็ต้องควบคุมความคิดให้ได้เสียก่อน
การหยุดคิดให้เป็น เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนอย่างจริงจัง ไม่ใช่อยู่ดี ๆ คนเราก็หยุดคิดกันได้ง่าย ๆ ถ้าพูดกันในแง่ของศาสนา การหยุดคิดให้เป็นคือการรู้จักการถอนสมมุติบัญญัติ ซึ่งสมมุติบัญญัติก็คือการสมมุติสิ่งต่าง ๆ บนโลกเพื่อให้เข้าใจตรงกัน แต่เราดันไปยึดติดกับสิ่งที่สมมุติขึ้นมานี้มากกว่าความจริงที่เที่ยงแท้เสียอีก
อย่างที่บอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ล้วนเป็นสมมุติบัญญัติทั้งนั้น เช่น หนังสือก็คือสิ่งสมมุติ กระดาษที่เอามาเย็บรวมกันเป็นหนังสือก็คือสิ่งสมมุติ เยื่อไม้ที่เอามาทำกระดาษก็เป็นสิ่งสมมุติด้วยเหมือนกัน สรุปก็คือสิ่งที่แท้จริงบนโลกนี้มีเพียงแค่ ‘ธาตุ’ ดังนั้นเราต้องมองทุกอย่างให้เป็นธาตุ มองบ่อย ๆ พิจารณาเรื่อย ๆ และเมื่อมีปัญหาไม่ว่าหนักหรือเบา ถ้าอยากหยุดคิดให้เป็นก็ต้องกำหนดไว้ในใจให้ได้ว่ามันแค่ธาตุตามธรรมชาติ เป็นเรื่องของธาตุ จะไปสนใจ ใส่ใจมากมายเพื่ออะไร
ดังนั้นอย่าไปยึดถือ อย่าไปจริงจังกับสิ่งนั้น สิ่งนี้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้ว แต่พอเจอปัญหาเข้าจริง ๆ กลับไม่รู้วิธีที่จะไม่ยึดถือ ไม่จริงจังกับมัน คิดแต่ปัญหาที่ตัวเองเจอ ยิ่งคิดยิ่งตัน ยิ่งคิดยิ่งมืด หยุดคิดไม่ได้ คิดต่อก็ทุกข์จนทนไม่ไหว เลยขอตายดีกว่า นี่คือความจริงอันโหดร้ายที่หลายคนเป็นกัน แต่เราป้องกันได้ด้วยคาถาของพระพุทธเจ้าที่ว่า
“จงมองทุกอย่างด้วยความเป็นธาตุ มองเห็นทุกสิ่งเป็นธาตุคราใด ก็หยุดคิดเป็นครานั้น หยุดคิดเป็นคราใด ก็หยุดทุกข์เป็นครานั้น นี่คือความจริงของธรรมชาติที่ค้นพบได้ด้วยตัวเอง ใครค้นพบได้ก่อน ก็ดับทุกข์ได้ก่อน”
โบตั๋น ปัญหาต่างๆ เป็นช่วงจังหวะชีวิตของคนเรา ปัญหาทุกอย่างมีทางออกที่ดีเสมอ ถ้าต้องพบเจอกับมรสุมชีวิตที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ สิ่งที่เราทำได้คือยอมรับ และประคับประคองชีวิตที่มีค่าเหนือสิ่งอื่นใด เพื่อไปให้ถึงฝั่ง
28 พ.ค. 2561 เวลา 12.16 น.
นฺตถิ ปญฺญา สมาอาภา
แสงสว่างใดเสมอด้วยปัญญาไม่มี
28 พ.ค. 2561 เวลา 11.11 น.
@... ไม่ว่าจะเกิดปัญหาใดๆขึ้น เราควรจะต้องมีสติ เพราะเมื่อเรามีสติแล้ว ปัญญาก็จะเกิดขึ้นและปัญญานั่นแหล่ะ ที่จะช่วยให้เรามีความคิดว่าเราจะทำอย่างไรกับปัญหาที่เกิดขึ้น.
28 พ.ค. 2561 เวลา 12.07 น.
NONAME สาธุ สาธุ สาธุ
28 พ.ค. 2561 เวลา 11.10 น.
ลองฟังหมอเขียวคะ ลดกิเลส ความสุขใจก็มา
28 พ.ค. 2561 เวลา 13.17 น.
ดูทั้งหมด