จากกรณีกรมสรรพากร ออกประกาศกำหนดให้ธนาคารส่งข้อมูลดอกเบี้ยรับ มายังกรมสรรพากร เพื่อกรมรวบรมข้อมูลเองว่าใครที่มีรายได้ดอกเบี้ยรับเกิน 20,000 บาทต่อปี ต้องเสียภาษีบ้าง เพื่อแก้ไขปัญหาเรื้อรังมานานกว่า 2 ปีเนื่องจากบางธนาคารช่วยลูกค้าในการหลบเลี่ยงภาษี เช่น พอดอกเบี้ย 1.9 หมื่นบาท ให้ปิดบัญชีเปิดใหม่นั้น
เมื่อวันที่ 20 เมษายน นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประขาธิปัตย์ ประธานกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Korn Chatikavanij” ระบุว่า
วันนี้มีกระแสข่าวประเด็นเรื่องภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก ผมเลยสอบถามที่มาที่ไปจากเจ้าหน้าที่ในกรมสรรพากร จึงขอนำเสนอข้อมูลเผื่อเป็นประโยชน์ครับ
1. ประเด็นสำคัญที่สุดคือยังคงมีการยกเว้นการหักภาษี ณ ที่จ่ายรายรับดอกเบี้ยเงินฝาก 20,000 บาทแรกตามเดิมนะครับ
2. แต่ที่ผ่านมามีกรณีการหลีกเลี่ยงภาษีด้วยการเปิดบัญชีหลายธนาคาร เพื่อให้รายรับดอกเบี้ยในแต่ละธนาคารต่ำกว่า 20,000 บาท และเนื่องจากแต่ละธนาคารไม่มีข้อมูลธนาคารอื่น เจ้าของบัญชีจึงหลีกเลี่ยงภาษีได้
3. สรรพากรจึงออกคำสั่งให้ทุกธนาคารส่งข้อมูลทุกบัญชีมาที่กรมฯ และกรมฯ จะเป็นคนตรวจสอบว่ามีใครควรต้องเสียภาษีบ้าง
4. คราวนี้กรมสรรพากรก็กังวลว่าจะมีปัญหาเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล จึงได้ออกคำสั่งให้เจ้าของบัญชีอนุมัติให้ธนาคารของตนส่งข้อมูลให้สรรพากร (และใครที่ไม่อนุมัติจะเสียสิทธิการยกเว้นภาษีโดยปริยาย)
และนี่คือปัญหา เพราะกลายเป็นภาระของประชาชนส่วนใหญ่ที่มีเงินฝากตํ่ากว่าเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษี (คือประมาณ 4 ล้านบาท) ที่มีภาระที่จะต้องแสดงตน
จริงๆ เรื่องนี้แก้ไขได้หากกรมสรรพากรและแบงก์ชาติสามารถประสานการทำงานร่วมกันได้ เพราะแบงค์ชาติเข้าถึงข้อมูลข้ามธนาคารได้อยู่แล้วแน่นอน แต่เนื่องจากสองหน่วยงานมีกฎหมายกำกับต่างกัน จึงไม่สามารถแชร์ข้อมูลกันได้
ผมเลยได้แสดงความเห็นกับทางสรรพากรว่า แทนที่จะให้เป็นภาระของเจ้าของบัญชีต้องแจ้ง ควรให้เป็นหน้าที่ของธนาคารที่จะแจ้งกับเจ้าของบัญชี
และสรรพากรควรมีมาตรการเด็ดขาดในการเอาผิดธนาคารใดที่มีพฤติกรรมชัดเจนในการช่วยลูกค้ารายใหญ่หลีกเลี่ยงการเสียภาษี เช่นการแนะนำให้ ‘ปิดบัญชี’ เมื่อรายรับดอกเบี้ยใกล้จะถึง 20,000 บาท เพื่อเปิดใหม่เมื่อพ้นรอบการเสียภาษี
หากกรมสรรพากรปรับวิธีการเล็กน้อยตามที่ผมเสนอ (ซึ่งเข้าใจว่าหลังจากรับทราบกระแสความสับสนของประชาชน กรมสรรพากรก็ได้ไปปรึกษากับสมาคมธนาคารแล้ว) โดยสรุป ประชาชนส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ แต่การหลีกเลี่ยงภาษีโดยเศรษฐีเงินฝากจะทำได้ยากขึ้นครับ
และธนาคารพาณิชย์จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้อีกต่อไป
donlaphon ไม่เห็นเดือดร้อนเลย..เพราะไม่ได้ฝาก..ไม่มีเงินให้ฝากจ้า😂
20 เม.ย. 2562 เวลา 09.04 น.
ChaiPoj ตราบใดที่ผู้มีอำนาจยังเป็นพวกไร้สมอง เก่งแต่ปาก กร่างไปวันๆ ปชช ก็ต้องโดนขูดรีดไปอย่างนี้ เพราะนี่เป็นทางหาเงินทางเดียวที่พวกนี้ทำเป็น เหมือนในละครหรือในอดีตที่พวกอันทพาลให้เป็นวิธีหาเงิน อย่างไรอย่างนั้นเลย Hell
20 เม.ย. 2562 เวลา 08.39 น.
OHM คนโง่มันเยอะ มันไม่เข้ามจหรอกคิดแต่เขาจะเก็บภาษี
ทั้งๆที่ไม่เคยเสียภาษีเงินได้
20 เม.ย. 2562 เวลา 08.09 น.
TEE มี2อย่าง
1.ทุกบช.จะโดนหักภาษีดอกเบี้ยณ.ที่จ่าย15%อัตโนมัติแต่ ถ้ามียอดดอกเบี้ยรวมไม่เกิน2หมื่น ไปเขียนคำร้องให้สรรพากรตรวจสอบเข้าถึงข้อมูลได้สรรพากรจะไม่หัก15%ซึ่งเป็นภาระคนส่วนมาก
2ที่จริงเป็นข้ออ้างในการเข้าถึงข้อมูลบช. ทั้งประเทศครับ ถ้าเขามีข้อมูลการหักภาษีณ.ที่จ่ายของแต่ละบุคคล สามารถคำนวณย้อนกลับยอดเงินฝากและการเดินบช. ของทุกๆบช.ได้ เพื่อ ...
อธิบดีกรมสรรพากรตอนนี้เขาเอา AI มาใช้วิเคราะห์เงินได้ของทุกคนเขาถึงต้องการ bigdata มาประมวลผล
20 เม.ย. 2562 เวลา 07.39 น.
Love78💰🎏🔑 ถ้าไม่กระทบจะออกข่าวมาตั้งแต่แรกทำไม ก่อนจะออกข่าวทำไมไม่คิดเขียนให้กระจ่างก่อน ให้คนไปเซ็นยินยอมกับธนาคารจะไม่เสียภาษี แล้วคนแก่ตาสีตาสาจะรู้มั้ยเขาฝากเงินไว้กินยามแก่ ไว้รักษาตัวตอนเจ็บป่วย ทำอะไรกันแปลกขึ้นทุกวันนะเราอ่ะ😏
20 เม.ย. 2562 เวลา 07.04 น.
ดูทั้งหมด