ประจวบคีรีขันธ์ ชาวบ้านริมทะเลทุ่งประดู่ เดือดร้อนหนัก หลังเกิดคลื่นสูง 4 เมตร พัดซัดเข้าหาดส่งผลบ้านเสียหายหนักหลายหลังคาเรือน ชาวบ้านชี้เกิดจากการก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นที่ยืดเยื้อไม่แล้วเสร็จ ทำให้คลื่นลมเปลี่ยนทิศและทวีความรุนแรงสร้างปัญหาซ้ำซาก ล่าสุดนายอำเภอทับสะแกลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย พร้อมสั่งแก้ปัญหาเร่งด่วนด้วยการทิ้งหินใหญ่ และวางถุงบิ๊กแบ็กในพื้นที่เสี่ยง
(วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563) บริเวณชายหาดหมู่2บ้านทุ่งประดู่ ต.ทับสะแก อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายปรีดา สุขใจ นายอำเภอทับสะแก พร้อมด้วย กำนันตำบลทับสะแก ผู้ใหญ่บ้านทุ่งประดู่ อบต.ทับสะแก ได้เดินทาง มาติดตามความเสียหาย หลังจากช่วงกลางดึก มีคลื่นลมแรงพัดเข้าหาชายฝั่งบ้านทุ่งประดู่ ทำให้บ้านเรือนชาวบ้านได้รับความเสียหายหนัก โดนคลื่นซัดฝ่าแนวบิ๊กแบ็กกันคลื่นเดิมที่ตั้งไว้ เข้ามาจนกระทั่งเช้า ทำให้บ้านเรือนชาวบ้านได้รับความเสียหายหนัก โดยมีชาวบ้านทุ่งประดู่ได้เดินทางมายังชายหาดบ้านทุ่งประดู่ พบปะพูดคุยกับนายอำเภอทับสะแก ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
นายสรรชัย พรามณีย์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 บ้านทุ่งประดู่ เป็นตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับความเดือนร้อน ยื่นหนังสือให้นายอำเภอทับสะแก โดยเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามาแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะกรมเจ้าท่าเนื่องจากเกิดเหตุ ในทุกๆ ปี จนแผ่นดินถูกกัดเซาะหายไปประมาณ 500-800 เมตร และตลอดแนวชายหาดประมาณ 1 กิโลเมตร
หลังรับหนังสือจากชาวบ้านแล้ว นายปรีดา สุขใจ นายอำเภอทับสะแก กล่าวว่าได้สั่งการให้ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้อง ทั้ง อส. อบต.ทับสะแก นำรถบรรทุกหินมาทิ้ง รวมทั้งถุงบิ๊กแบ็กมาใส่ทราย พร้อมรถแบ็กโฮ เข้ามาเติมในจุดอันตราย บริเวณบ้านเรือนประชาชน ที่ถูกคลื่นซัดจนพังเพื่อป้องกันความเสียหายไม่ให้หนักไปกว่านี้ ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาว ต้องเป็นหน่วยงานเกี่ยวข้องของกรมเจ้าท่า ต้องเข้ามาทำแนวเขื่อนกันคลื่น ที่ค้างอยู่ให้เสร็จ เนื่องจากปัญหาที่ผ่านมาคือผู้รับเหมา ได้ทิ้งงานส่วนที่เหลือ จึงทำให้เกิดปัญหาการกัดเซาะอย่างหนัก ทุกครั้งในช่วงเกิดลมมรสุม
ด้านนางสาวปัณภิกา ภุมรินทร์ อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 72 หมู่ 2 ตั้งอยู่ริมหาดบ้าน ทุ่งประดู่ ซึ่งได้รับความเสียหายหนัก กล่าวว่าครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดความเสียหาย จากคลื่นลมพายุทั้งในช่วงมรสุม และบางครั้งไม่ใช่ช่วงมรสุม ก็มีคลื่นใหญ่ซัดเข้ามากลางดึก ตนเองและครอบครัวหมดเงินซ่อมแซมไปหลายครั้งรวมมูลค่านับล้านบาทแล้ว เมื่อปีที่แล้วก็เคยติดป้ายประกาศขายที่ดินและบ้าน แต่ก็ยังขายไม่ได้ สิ่งสำคัญในบ้านตนเอง ทั้งแม่ ซึ่งอายุมากแล้วอาศัยอยู่ ครั้งนี้ที่เกิดขึ้นโชคดีว่าแม่ และยายวัย 99 ปีนอนอยู่ในห้องพักด้านใน พร้อมหลาน ไม่เป็นอันตราย จึงอยากให้ภาครัฐแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน และเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนต่อไป ก่อนที่บ้านเรือนจะถูกกลืนลงทะเลไปทั้งหมด ความจริงแล้วช่วงที่จะมีการสร้างแนวหินกันคลื่นที่ชายหาด ได้มีการมาสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ก็เห็นดีด้วย แต่สุดท้ายสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ปัญหาและความเสียหายจึงตกอยู่กับชาวบ้าน
ด้านนายสุชาติ สายเส็ง อายุ 51ปี เลขที่40หมู่2 ริมหาดบ้านทุ่งประดู่ กล่าวว่าคลื่นมาช่วงตีสาม สูงประมาณ 3-4เ มตร เมตร ตนเองได้ยินเสียงคลื่นลมมาเสียงดัง ตั้งแต่ตี 1 จึงตื่นมาดู พบว่าคลื่นซัดเข้ามาเรื่อยๆ จึงแจ้งผู้ใหญ่บ้านให้ทราบ กระทั่งเช้าเกือบถึงหน้าบ้านแล้ว โชคดีคลื่นลมเบาในช่วงเช้า หลังจากนั้นทั้งผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายปกครอง ได้นำรถแบ็กโฮมาโกยทรายเข้าไปด้านในที่ถูกกัดเซาะ รวมทั้งใช้ไม้ปักลงไปพร้อมเอายางรถยนต์สวมเอาไว้เป็นแนวป้องกัน เพราะไม่มั่นใจว่าคืนนี้จะมีคลื่นใหญ่พัดเข้ามาอีกหรือไม่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเพราะการทำเขื่อนของกรมเจ้าท่า ที่ไม่ได้ทำตลอดแนว การทิ้งงาน สิ่งสำคัญกรมเจ้าท่า ต้องเร่งหาผู้รับเหมามาดำเนินการก่อสร้างแนวเขื่อนกันคลื่นที่เหลืออีกประมาณ 800 เมตร เชื่อว่าจะป้องกันได้อย่างเป็นรูปธรรม การกัดเซาะก็จะไม่เกิดขึ้นอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าเมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2562 ปีที่ผ่านมาทางฝ่ายปกครองอำเภอทับสะแก ได้นำถุงบิ๊กแบ็กสีขาวมาทำเป็นแนวป้องกันคลื่นเอาไว้ที่บริเวณชายหาดบ้านทุ่งประดู่ส่วนหนึ่ง เพื่อป้องกันคลื่นลมให้กับชาวบ้าน จนกระทั่งในเดือนมกราคม ที่ผ่านมาได้เกิดคลื่นลมซัดเข้าหาฝั่ง จนแนวถุงบิ๊กแบ็ค ได้เสียหายจมไปกับทรายทั้งหมด กระทั่งมาเกิดคลื่นซัดสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนประชาชนในครั้งนี้อีก #77 ข่าวเด็ดประจวบคีรีขันธ์
พื้นที่น้ำทะเลกัดเซาะ
ทุกประเทศเขาก็มีวิธีป้องกัน
ทำแนวขอบกั้น
เขาก็ใช้เงินภาษีนี่แหล่ะไปทำ
ไม่งั้นพื้นที่ของประเทศก็จะจมหายไป
อย่าทำให้ไทยเสียดินแดนไปเหมือนกับตอนไปรบแย่งชิงเขามาล่ะ
อันไหนภัยสงคราม
อันนี้ภัยธรรมชาติ มันก็ต้องป้องกันเหมือนกันนะคะ..ผู้รักชาติทั้งหลาย
นะคะพี่คนดีย์
😌.. สลิ่มไม่กลัวเสียดินแดนเหรอ
ทำยังงัยล่ะไม่อยากให้เสียพื้นที่ไปน่ะ
ตรวย
21 ก.พ. 2563 เวลา 00.25 น.
pongpipat บ้านริมหาดเหล่านี้น่าจะเป็นการก่อสร้าง ไม่ได้ขออนุญาตอย่างถูกกฏหมาย เพราะมีกฏหมายเกี่ยวกับการก่อสร้างในที่ริมหาด
เมื่อทำการก่อสร้างบนที่ทรายริมน้ำ ย่อมเสี่ยงกับการทรุดตัวของสิ่งปลูกสร้างอยู่แล้ว. แต่เพราะอยากสร้างบ้านริมหาด จึงสร้างกันเอง
แต่พอเสียหาย มาขอให้รัฐช่วย
เส้นใหญ่จริงๆ
20 ก.พ. 2563 เวลา 23.50 น.
Only.You มันเป็นผลกระทบจากโลกร้อนนะ ในอนาคตน้ำทะเลจะค่อยๆกลืนแผ่นดินชายฝั่ง ควรรีบย้ายออกจะดีกว่านะครับ พายุจะทวีความรุนแรง อยู่ไปก็ไม่ปลอดภัยครับ แล้วในเคสที่น่ากลัว อย่างเช่น สึนามิ ก็อาจเกิดขึ้นได้ ไม่มีใครรู้อนาคตนะครับ เป็นผมๆไม่อยู่แล้วล่ะ ซ่อมแล้วปล่อยเช่าอะไรก็ว่าไป
20 ก.พ. 2563 เวลา 20.10 น.
ระวังรบ.จะออกหมายจับเจ้าของบ้านที่แผ่นผนังบ้านไปลอยเกลื่อนทะเลด้วยละยาย..ตอนนี้อย่าพึ่งคิดหาคนมารับผิดชอบบ้านพังเลย..
20 ก.พ. 2563 เวลา 19.56 น.
กำแพง เดิมเขากำหนดเสร็จวันไหน..???
20 ก.พ. 2563 เวลา 19.14 น.
ดูทั้งหมด