ระยะเวลากว่า 1 ปีที่ “คณะกรรมการค่าจ้าง” หรือ “บอร์ดไตรภาคี” ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนภาครัฐ ตัวแทนนายจ้างและลูกจ้าง ใช้เวลาพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรอบใหม่ เพราะถูก “ชักเข้าชักออก” จากวาระการประชุมยืดเยื้อยาวนาน ทั้งที่ค่าจ้างขั้นต่ำรอบบัญชีในปัจจุบันประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 ไม่ได้ช่วยให้ผลลัพธ์ในท้ายที่สุดเป็นอย่างที่ฝั่งลูกจ้างพากันฝันเอาไว้
ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 20 ที่มี “นายสุทธิ สุโกศล” ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธาน เมื่อ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา มีมติให้ปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2563 แบ่งเป็น 10 ระดับ ในอัตรา 5-6 บาท/วัน
โดยจังหวัดชลบุรีและภูเก็ตได้ปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสูงสุดจาก 330 บาท/วัน เป็น 336 บาท/วัน ส่วนระยอง ปรับขึ้นจาก 330 บาท/วัน เป็น 335 บาท/วัน ขณะที่กรุงเทพมหานคร, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ปรับขึ้น 331 บาท ฉะเชิงเทรา ปรับขึ้น 330 บาท ฯลฯ
ส่งผลให้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำเฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ที่ 321.09 บาท และอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้ใช้แรงงาน
กระนั้น การปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในรอบนี้ดูเหมือนจะมีเสียงเรียกร้อง เสียงคัดค้าน จากทั้งฝั่งลูกจ้างและนายจ้าง ในส่วนของนายจ้างกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว กระทบความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการภาคธุรกิจ
ขณะที่ฝั่งลูกจ้างได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น รายได้แต่ละวันไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต
ทั้งๆ ที่ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคการเมืองซึ่งเป็นพรรคแกนนำในรัฐบาลชุดปัจจุบันเคยประกาศนโยบายจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 425 บาท/วัน นี่จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยทำให้ภาคแรงงานเรียกร้องให้รัฐบาลทำตามสัญญาที่ได้หาเสียงไว้
“น.ส.ธนพร วิจันทร์” รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) มองว่าปัจจุบันกลุ่มลูกจ้างได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเพียงแค่ 5-6 บาท ถือว่าไม่สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลมีมาตรการเข้ามาช่วยเหลือกลุ่มลูกจ้าง อาทิ เงินอุดหนุนค่าเล่าเรียนของบุตร สวัสดิการช่วยเหลือครอบครัว ตลอดจนสวัสดิการรูปแบบต่างๆ
ที่ผ่านมาแม้รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือสวัสดิการช่วยเหลือต่างๆ แต่เนื่องด้วยข้อกำหนด หรือเงื่อนไข ทำให้กลุ่มลูกจ้างที่หาเช้ากินค่ำไม่สามารถเข้าถึงการช่วยเหลือดังกล่าวได้ และการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำจึงต้องให้เท่ากันทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มลูกจ้างทั่วประเทศอย่างเท่าเทียมกัน
“นอกจากนี้ อยากทวงถามรัฐบาลว่าวันนี้นโยบายที่ได้หาเสียงไว้เมื่อก่อนการเลือกตั้งที่จะปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 425 บาท ตอนนี้มีความคืบหน้าอย่างไร การคิดตัวเลขค่าจ้างอัตราดังกล่าวมาจากฐานอะไร และมีความเป็นได้มากน้อยแค่ไหน เพราะตอนนี้ไม่มีการพูดถึงเรื่องเหล่านี้เลย จึงขอให้รัฐบาลชี้แจงประเด็นนี้ และอยากให้ทำตามที่ได้หาเสียงไว้กับผู้ใช้แรงงานโดยเร็วที่สุด”
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ “นายกลินท์ สารสิน” ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะตัวแทนนายจ้างเคยระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ใช่จังหวะเวลาเหมาะสมที่จะพิจารณาขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอ การส่งออกหดตัวจากเงินบาทที่แข็งค่า กระทบขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชน หากรัฐขึ้นค่าแรงงานไม่ว่าจะอัตราเท่าใดจะกระทบผู้ประกอบการซึ่งปัจจุบันขาดทุนอยู่แล้ว ถ้าเป็นไปได้ ควรชะลอขึ้นค่าแรงงานออกไปอย่างน้อย 6 เดือน แล้วค่อยนำกลับมาทบทวนใหม่
ด้าน “นายสุทธิ สุโกศล” ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานในที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 20 กล่าวว่า บอร์ดค่าจ้างพิจารณาปัจจัยทั้งบวกและลบก่อนมีมติให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 6 บาท/วัน ใน 9 จังหวัด คือ ชลบุรี ภูเก็ต ปราจีนบุรี กทม. นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ส่วนที่เหลืออีก 68 จังหวัด ปรับขึ้น 5 บาท/วัน ทำให้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศไทยแบ่งเป็น 10 ระดับ สูงสุดอยู่ที่ 336 บาท/วัน ได้แก่ ชลบุรีและภูเก็ต ต่ำสุดอยู่ที่ 313 บาท/วัน ได้แก่ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานได้นำผลสรุปเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบ ในวันพุธที่ 11 ธันวาคม 2562 และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้ทันบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2563
“การพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำในครั้งนี้ ได้พิจารณาอย่างกว้างขวางและรอบคอบ เชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อการเจริญเติบโตต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน ภาวะเงินเฟ้อ และขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ” นายสุทธิกล่าว
ส่วนมาตรการลดผลกระทบนั้น กระทรวงพาณิชย์ได้เข้ามาดูแลในเรื่องการควบคุมราคาสินค้า เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชน รวมทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงาน ได้ดูแลในเรื่องผลกระทบด้วยการประกันการว่างงาน และการเพิ่มทักษะฝีมือให้แรงงานมีทักษะที่สูงขึ้นอีกด้วย
แหล่งข่าวในที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้างขั้นต่ำ เปิดเผยว่า ตัวเลขการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในครั้งนี้ ลูกจ้างน่าจะพอใจ นายจ้างคงจะเห็นสมควร ทั้งนี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้ใช้แรงงาน ซึ่งการคำนวณตัวเลขการปรับขึ้นในครั้งนี้ถือว่าไม่ได้มีความแตกต่างจากครั้งก่อนๆ อาจจะมีบางจังหวัดที่ขอปรับขึ้นสูงกว่าอัตราดังกล่าว และบางจังหวัดขอให้มีปรับขึ้นน้อยกว่า หรือไม่ปรับขึ้นเลย ทำให้ภาพรวมของการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศในครั้งนี้อยู่ที่ 1.6% หรืออยู่ที่ 321.09 บาท
ผลของการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในครั้งนี้ จะทำให้เกิดการกระตุ้นการใช้จ่ายของประเทศไทยในช่วงต้นปี 2563 และจะทำให้แรงงานที่มีค่าจ้างน้อยกว่าถูกปรับเพิ่มให้สูงขึ้น ขณะที่แรงงานที่มีอัตราค่าจ้างสูงจะได้รับอานิสงส์ในการปรับขึ้นค่าจ้างในครั้งนี้จนทำให้มีรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งยังเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม อาจมีบางพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างในอัตราที่สูงขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเงินเฟ้อ ซึ่งต่อไปกระทรวงพาณิชย์จะเข้ามาดูแลและควบคุมราคาสินค้า ส่วนการช่วยเหลือด้านอื่นๆ นั้น ที่ผ่านมารัฐบาลมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดูแลค่าครองชีพ ทั้งชิม ช้อป ใช้ และบัตรสวัสดิการต่างๆ ให้กับลูกจ้างและประชาชนทั่วไป ส่วนผู้ประกอบการ อาจจะมีการปล่อยเงินกู้ช่วยเหลือดอกเบี้ยถูก เพื่อดูแลนายจ้างขนาดกลาง ขนาดเล็ก ที่จะได้รับผลกระทบ
เป็นอีกครั้งหนึ่งที่มุมมองของฝั่งนายจ้างกับลูกจ้างค่อนข้างสวนทาง ขณะที่โจทย์ใหญ่นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 425 บาท เป็นทั้ง “ตัวแปร” และ “เผือกร้อน” ในมือ ที่รัฐบาลต้องตอบให้ชัดว่าจะทำฝันให้เป็นจริง หรือแค่ขายฝัน
รังสรรค์ แล้วไปโฆษณาทำไมว่าจะขึ้นเป็น 425 บาท ขึ้นไม่ได้ก็บอกมาสิ โกหกตอนแรกทำไม
14 ธ.ค. 2562 เวลา 17.10 น.
วรพจน์ โดนหลอกอีกแล้ว
14 ธ.ค. 2562 เวลา 16.58 น.
S. NARAWADEE คุมราคาสินค้ายังไม่มีปัญญาเลย...ประสาอะไรกับขึ้นค่าแรงเป็น425บาท...แค่5ถึง6บาทก็ดีตายแล้ว...555
14 ธ.ค. 2562 เวลา 17.15 น.
Thiti มันไม่มีทางขึ้นได้หรอกดีแต่ปากไปวันๆสมองปัญญาก็มีเท่าที่เห็นหลงตัวเองอีกต่างหากคุณสมบัตินายกมีแค่นี้แหละครับ
14 ธ.ค. 2562 เวลา 17.02 น.
T อีกไม่นาน ข้าวแกงจานละ 80 บาท อยากได้เงินเยอะไม่รู้จักกลไก
14 ธ.ค. 2562 เวลา 17.08 น.
ดูทั้งหมด