เดือนไพรด์เปรียบเสมือนเดือนแห่งการเฉลิมฉลองและการแสดงออกในการยอมรับความหลากหลายทางเพศ เดือนนี้ธงสีรุ้งจะถูกโบกสะบัด และมีการเคลื่อนไหวของขบวนการของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือที่เรารู้จักกันในนามของ LGBTQIA+ ในทุก ๆ พื้นที่
ปัจจุบันในสังคมไทยอาจดูเหมือนว่ามีการยอมรับ และมีพื้นที่ให้แก่ผู้ที่ความหลากหลายทางเพศอย่างมากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้วแม้จะเปิดกว้างในเรื่องความหลากหลายทางเพศ แต่ในแง่มุมของสิทธิและกฎหมายต่าง ๆ ยังไม่เป็นรูปธรรมนัก
วันนี้ INTERVIEW TODAY ได้มีโอกาสพูดคุยกับ 'ก้อย' หรือ ‘แองเจเล่ อานัง’ ที่ทุกคนรู้จักกันในนามของผู้ชนะการแข่งขันในรายการ Drag Race Thailand Season 2 หนึ่งในคนดังที่ไม่ได้เพิกเฉยต่อปัญหาสังคม อีกทั้งยังใช้พริวิเลจที่ตัวเองมีในการสร้างพื้นที่ และส่งเสียงเพื่อเรียกร้องความเท่าเทียม
จาก ‘นางโชว์’ สู่ ‘แดร็กควีน’
“ตอนแรกทำงานในโรงละครของสาวประเภทสอง ทำมานานหลายปี จนตัดสินใจลาออกมาเป็นฟรีแลนซ์ เพราะว่ารู้สึกว่างานที่โรงละครจำเจ และเราก็คิดว่าเราน่าจะไปได้ไกลกว่านี้ เรามีความสามารถ มีความคิดสร้างสรรค์ เลยผันตัวเป็นแดร็กควีน เพราะสามารถแต่งตัวได้อิสระกว่า
"นางโชว์จะมีบล็อกของเขา มีทีมโปรดิวเซอร์คิดโชว์ให้แล้ว มีคนที่คิดทุกอย่างให้ เหมือนเป็นงานบริษัทแล้วเราเป็นนักแสดงคนหนึ่งของเขา และแสดงตามบทบาทที่เขาให้มา แต่การออกมาทำโชว์เอง เราคิดโชว์เอง หาเสื้อผ้าเอง หาคาแรกเตอร์ของตัวเอง เหมือนเราเป็นโปรดิวเซอร์ของตัวเอง"
เดินตามฝัน พิสูจน์ตัวเอง และการยอมรับ
“เมื่อได้เติมเต็มความฝันในเรื่องของการมีชื่อเสียง และก็มีคนที่รักเราแล้ว สิ่งที่ต้องการจริง ๆ ไม่ใช่เพียงการยอมรับจากสังคม แต่อยากได้รับการยอมรับจากครอบครัวด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้เราไม่ได้รับการยอมรับ เราเลยทำให้เห็นเขาว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว สามารถเป็นที่พึ่งของครอบครัวได้ เพราะก่อนหน้านี้ครอบครัวกลัวว่าพอเราข้ามเพศแล้วไม่สามารถอยู่ในสังคมได้ การที่ประสบความสำเร็จก็ได้พิสูจน์ตัวเองให้ครอบครัวรับรู้ด้วย”
สังคมไทยกับการยอมรับผู้มีความหลากหลายทางเพศ
“จริง ๆ เรารู้สึกดีใจ รู้สึกขอบคุณที่ได้อยู่ในประเทศไทยที่คนส่วนใหญ่เปิดกว้างเรื่องเพศ ซึ่งสังคมอาจจะเห็นแค่ภาพนี้ แต่ถ้ามาลองใส่รองเท้าของเรา (LGBT) มาเป็นเรา บางทีเราก็เจอสิ่งที่กระทบกระทั่งในสังคมปิตาธิปไตยหรือชายเป็นใหญ่ โดน harrasment ถูกทำอะไรโดยไม่เกรงใจ และพวกเขาไม่คิดว่ามันคือความรุนแรง สิ่งที่จะเยียวยาได้ก็คือเรื่องกฎหมาย และความรู้ต่าง ๆ ที่จะสื่อสารกับคน
“แม้มีในส่วนที่คนรุ่นใหม่สร้างขึ้นมา แต่คนหัวเก่าในไทยก็ยังมีอยู่ซึ่งเป็นสังคมที่ผู้ใหญ่อยู่กันมาก และคนกลุ่มนี้ก็มีทั้งอำนาจซึ่งจะสามารถควบคุมเด็กๆ ได้ สำหรับคนรุ่นใหม่นั้นมีการเรียนรู้เกิดขึ้นแล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญตอนนี้คือเราต้องให้ความรู้แก่คนกลุ่มที่เป็นอนุรักษ์นิยมหรือผู้ใหญ่ในสังคม เพื่อให้เขาสามารถก้าวมาพร้อมกันเราในยุคใหม่ได้ ให้เห็นความหลากหลายทางเพศมากขึ้น
“ซึ่งเรื่องราวพวกนี้ที่จะสื่อไปยังคนกลุ่มนี้คงหนีไม่พ้น ‘สื่อหลัก’ อย่างโทรทัศน์ ตัวละครหลักควรมีความหลากหลายทางเพศบ้าง เพื่อที่จะได้รับพื้นที่และได้รับการยอมรับจากทุกวัย ต้องทำให้เห็นว่าชายหญิงเป็นเพียงแค่คนประเภทหนึ่งในสังคมที่มีความหลากหลาย
“สื่อควรให้ความสำคัญกับความหลากหลายทางเพศ ทั้งในแง่ของความบันเทิง การศึกษา เพราะสื่อเป็นสิ่งที่ส่งต่อข้อมูลในสังคม ซึ่งรัฐก็ควรส่งเสริมให้คนในประเทศเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศ เพื่อลดการบูลลี่
“ในเรื่องกฎหมายก็จำเป็น อย่างสมรสเท่าเทียม คำนำหน้าในเจตจำนงของบุคคล หลักสูตรการศึกษา ทุกอย่างจำเป็นและทำพร้อมกันได้หมดเลย”
พริวิเลจที่ได้มาต่อยอดเป็นพื้นที่การส่งเสียงเพื่อความเท่าเทียม
“หลังจากได้แชมป์ชีวิตเปลี่ยนไปมาก และพอมีชื่อเสียง ก็พยายามใช้ชื่อเสียงที่มีให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและสังคมให้มากที่สุด ในขณะเดียวกัน ก็ต้องเป็นตัวของตัวเองเอาไว้ ต้องไม่หลงไปกับชื่อเสียงเพราะมันอาจจะทำลายเราได้ พอได้มีชื่อเสียง ก็มีหลายช่องทางที่จะสามารถช่วยเหลือสังคม โดยการมาสร้างความตระหนักในเรื่องของความหลากหลายทางเพศ
“พอหลังจากได้แชมป์ก็มีเวลาในการจัดการตัวเองมากขึ้น ได้กลับมาอยู่กับครอบครัวที่ต่างจังหวัด เลยเลือกใช้แพลตฟอร์มและช่องทางที่มีของตัวเองในการทำประโยชน์ ทั้งในด้านการทำมาหากิน และเคลื่อนไหวสังคมไปควบคู่กันด้วย”
ความหลากหลายทางเพศ กับ ประชาธิปไตย
“ความหลากหลายทางเพศหมายถึงว่า ‘ทุกเพศ’ เท่ากับว่าทุกคนเป็นประชาชนเหมือนกัน จะหลากหลายทางเพศ หลากหลายทางความคิดอย่างไร ทุกคนก็คือประชาชน และประชาธิปไตยมีความหมายว่าประชาชนมีอำนาจสูงสุดในการปกครอง ซึ่งเราก็ต้องมีสิทธิที่จะพูดและแสดงออกในสิ่งที่เราต้องการ ประชาชนควรจะมีสิทธิที่จะร่างกฎหมายด้วยซ้ำ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนในฐานะประชาชนคนหนึ่ง
“LGBT ทุกคนรู้ปัญหา เลยจำเป็นที่จะต้องออกมาพูด คือสังคมอาจจะคิดว่าตอนนี้ดี แต่ไม่มีใครสามารถเข้าใจอย่างแท้จริง เพราะว่าไม่ได้มาเจอแบบเราจริง ๆ พอเรามีพื้นที่ มีพริวิเลจตรงนี้ก็อยากจะใช้มันพูดให้ทุกคนเห็นได้มากที่สุด เพื่อที่จะได้เห็นถึงความไม่เท่าเทียม อย่างเช่นกฎหมาย แบบเราเป็นผู้หญิงขนาดนี้ทำไมยังเป็นนายอยู่ เวลาเดินทางไปต่างประเทศก็ลำบาก คนที่ไม่ได้เจอเองก็จะไม่รับรู้เรื่องนี้ว่ามันเป็นความเจ็บปวดของคนข้ามเพศ”
จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ สู่การแสดงพลังอันยิ่งใหญ่
“พอเรามีพริวิเลจในฐานะคนบันเทิง ก็เลยอยากมาแสดงออกเพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ ตอนนี้พยายามศึกษาเรื่องกฎหมาย บ้านเมือง และสังคมให้มากขึ้น พยายามรวมพลังของตัวเองให้ใหญ่ขึ้น และตอนนี้ก็พยายามทำแพลตฟอร์มที่สนับสนุนความสวยงามของผิวสีเข้มของคนไทย อยากให้ภูมิใจในสิ่งที่เรามี
“แคมเปญอยู่ในช่วงเริ่มต้นอยู่ เราพยายามคิด พยายามทำ แต่ยังมีความรู้น้อยอยู่ เราเริ่มต้นทำจากความรู้สึกว่าควรจะเป็นแบบนี้ รักในสิ่งที่เรามี มาจากความรู้สึกล้วน ๆ และตอนนั้นมีการเรียกร้องสิทธิคนผิวดำใน USA ด้วย และคิดว่าหลาย ๆ คนก็มีประสบการณ์เดียวกันกับเรา ยังมีโครงการอื่น ๆ ในใจอยู่ แต่ยังบอกไม่ได้ ให้รอติดตา ตอนนี้กำลังศึกษาเรื่องกฎหมายเยอะ ๆ เพื่อที่จะเริ่มทำโปรเจ็กใหม่”
แม้จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่เสียงของทุกคนมีความหมาย ในฐานะประชาชนคนหนึ่งควรจะมีสิทธิที่จะส่งเสียง และแสดงออกในสิ่งที่ต้องการ ตราบใดที่ไม่ได้ไปลิดรอนสิทธิของผู้อื่น.
ขอบคุณภาพประกอบจาก INSTAGRAM : angeleanang
สิทธิพันธ์ IL.ปทุม คุณก็ต้องเข้าใจสังคมด้วยนะ ว่ามันก็ต้องมีคนบางส่วนที่ยอมรับ และคนส่วนน้อยที่ไม่ยอมรับ
แม้แต่ประเทศที่ประชาธิปไตยจ๋าอย่างอเมริกา ยังมีการเหยียดเพศ เหยียดชนชาติ เหยียดสีผิว
คุณไม่สามารถทำให้ทุกคนบนโลกนี้ยอมรับสิ่งที่คุณเป็นได้ คุณไม่สามารถสร้างความเท่าเทียมบนโลกนี้ได้
มันเป็นแค่คนส่วนมากกับคนส่วนน้อย คุณทำให้คนบนโลกนี้คิดเหมือนกันทุกคนไม่ได้
มันเป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้
16 มิ.ย. 2564 เวลา 19.11 น.
🙉🙈🙊 ไม่มีใครเหยียดเก่งเท่าเพศทางเลือกที่เหยียดกันเองนะ ส่วนมากคนทั่วไปเขาก็เฉยๆ หรือสนุกเฮฮากับเพศทางเลือกทั้งนั้นถ้าไม่ทำความเดือดร้อนให้คนอื่นๆ
16 มิ.ย. 2564 เวลา 23.16 น.
Khun Pakorn P.K.💯 สุดท้ายก็วกมาการเมือง เรียกร้องแบบไม่ต้องตำหนิรัฐบาลก็ได้ไหมอ่ะ รัฐบาลชุดไหนๆก็ไม่ได้มีใครมาบอกว่าคุณห้ามเป็นแบบที่คุณอยากเป็นนะ
16 มิ.ย. 2564 เวลา 22.57 น.
Up Vajra ความเห็นส่วนตัว ... คำว่า "เพศ" มีแค่ 2 ทางเลือก คือ ชายหรือหญิง คือเป็นเพศที่คุณเป็นเมื่อกำเนิดตามหลักของวิทยาศาสตร์ แต่พร้อมที่จะให้มีเพศ 3 คือใช้คำว่า "เพศทางเลือก" โดยประชาชนสามารถเปลี่ยนบนบัตรประชาชนได้เมื่ออายุครบ 24 ขึ้นไป แต่ไม่เห็นด้วยว่าให้ชายเปลี่ยนเป็นหญิง หญิงเปลี่ยนเป็นชาย เพราะตอนนี้ถือว่าเป็นสิ่งป้องกันสุดท้ายสำหรับชายและหญิงแท้ ไม่ให้เกิดการเข้าใจผิดที่จะนำไปสู่ปัญหา
เห็นด้วยว่าประชาชนทุกคนมีสิทธิ์เท่ากัน แต่ก็ต้องเข้าใจสิทธิ์และรับฟังความเห็นของชายแท้และหญิงแท้ด้วย
16 มิ.ย. 2564 เวลา 22.42 น.
ถ้าคุณคิดว่ากระเทยหรือสาวประเภทสองหรือทอม มีสิทธิเท่าเทียมกันคุณลองไปแบกข้าวสารที่ท่าเรือกระสอบละร้อยกิโลกรัมดูสิว่าจะเท่าเทียมกันไหม
16 มิ.ย. 2564 เวลา 22.47 น.
ดูทั้งหมด