เมื่อวันที่ 5 เม.ย. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงแผนงานต่างๆ ในเวลานี้ ว่าตนได้แบ่งงานภายในกระทรวงออกเป็น 3 ส่วนคือ อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต โดยยึดโมเดลของ “ยุติธรรมปันสุข” คือการเข้าถึงสิทธิมนุษยธรรม การเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน ในอดีตปัญหาที่ยาวนานคือเรามีผู้ต้องขังมากถึง 380,000 คน แต่เรือนจำทั่วประเทศรองรับผู้ต้องขังได้เพียง 220,000 คน ดังนั้น มีปริมาณที่เกินอยู่ถึง 160,000 คน การเป็นอยู่ในเรือนจำนั้นจึงแออัด ซึ่งเราหาแนวทางแก้ไขมาตลอด
นายสมศักดิ์ยังกล่าวอีกว่า เมื่อถึงปัจจุบันแนวทางการทำงานคืบหน้าในหลายด้าน มีการบูรณาการ ผลักดันจนเกิดความคืบหน้าในเรื่องของกำไลอิเล็กทรอนิกส์ หรือกำไลอีเอ็ม ที่จะสามารถปล่อยผู้ต้องขังด้วยการพักโทษได้ถึง 30,000 คน รวมถึงการสร้างเรือนอนเดิมให้เป็น 2 ชั้น ลดการแออัดตามเรือนจำต่างๆ ได้อีก 50,000 คน หากนับเป็นรายหัวของความแออัดจะลดได้ถึง 80,000 คน ดังนั้น ส่วนที่ยังเกินในเรือนจำจะเหลือเพียง 80,000 คน และเราจะหาหนทางต่อไป ซึ่งอาจจะต้องการปรับแก้กฎหมายเข้ามาลดผู้ต้องขังตรงส่วนนี้
รมว.ยุติธรรมกล่าวต่อว่า ต้องขอบคุณทีมงานกระทรวงยุติธรรม นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวง ที่ต้องบูรณาการใช้เงิน เกลี่ยงบประมาณ เตียงสองชั้น นิติวิทยาศาสตร์ กำไลอีเอ็ม อีกทั้งพัฒนากฎหมายต่างๆ เพื่อควบคุมดูแลผู้ต้องขัง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้นำงบประมาณ 193 ล้านบาท มาทำห้องกักโรค รวมถึงเตียงนอน 2 ชั้น ทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญในการแก้ปัญหางานที่กระทรวงยุติธรรมรับผิดชอบ
นายสมศักดิ์ยังกล่าวอีกว่า จากที่ตนให้นโยบายในการทำงานเรื่องของการสร้างภูมิคุ้มกันในเรือนจำ ลดความเครียด ให้ความรู้ผู้ต้องขังในเรื่องของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 อธิบดีกรมราชทัณฑ์ก็ได้ตั้งศูนย์ขึ้นมา โดยเอานายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ผู้ต้องราชทัณฑ์ มาเป็นพิธีกรจัดรายการเรื่องเล่าชาวเรือนจำ ให้ความรู้ผู้ต้องขัง 143 แห่งทั่วประเทศ
นายสมศักดิ์ยังกล่าวอีกว่า เวลานี้สรยุทธได้ทำรายการแล้ว ทั้งยังมีการทำคลิปวิดีโอเพลงไม่ต้องห่วงฉัน ออกมาเผยแพร่ให้ญาติพี่น้องของผู้ต้องขัง รวมถึงสังคมสบายใจ ทุกเทปที่ทำในเวลานี้เป็นการให้ความรู้ที่เป็นข้อเท็จจริงในเรื่องโควิด-19 ในเรือนจำ รวมถึงบอกเล่าในมาตรการต่างๆ ที่กรมราชทัณฑ์ทำให้ผู้ต้องขังทั่วประเทศ จะได้ไม่เข้าใจผิด
จนเกิดการปลุกปั่นจนเผาเรือนจำแบบจังหวัดบุรีรัมย์ นักโทษคดีร้ายแรงมักมีความคิดแหกคุก พยายามปลุกปั่นหากเรารับมือได้ การปลุกปั่นจะไม่สามารถหลอกผู้อื่น ผมว่าอาจจะหยุดการปลุกปั่นทั้งหมดไม่ได้ เราเพียงทำให้ดีขึ้น แต่การมีศูนย์นี้จึงถือเป็นหนึ่งในการดูแลความมั่นคงในเรือนจำที่เราต้องป้องกันไม่ให้เกิดจราจลเหมือนที่ผ่านมา
นายสมศักดิ์ยังกล่าวต่อว่า ส่วนงานในอนาคต เวลานี้ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จะพัฒนาแล็บของสำนักงานให้เป็นแล็บที่ 29 ของประเทศไทย ที่สามารถตรวจเชื้อโควิด-19 ได้ โดยจะสามารถตรวจผู้ต้องสงสัยหรือในกลุ่มเสี่ยงได้ง่ายโดยเพราะผู้ต้องขังที่มีจำนวนมาก หากพบสามารถส่งตรวจรู้ผลใน 24 ชั่วโมง เราต้องสกัดให้ไวเพราะเวลานี้เรือนจำยังมีความแออัด งบประมาณในเรื่องของน้ำยาและอุปกรณ์ต่างๆ จะอยู่ที่ 2,200 บาทต่อเคส ซึ่งจะเริ่มดำเนินการได้ในวันที่ 13 เมษายนนี้
Nathisakorn(Rob) ถูกคนถูกงานถูกเวลา ขอให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ณ เวลานี้
05 เม.ย. 2563 เวลา 15.01 น.
นักข่าว..ขี้คุก..........เสียดายงบประมาณ .....เสียดายเงินภาษีที่เลี้ยงพวกขี้คุกไอ้พวกหนักแผ่นดิน...
05 เม.ย. 2563 เวลา 14.09 น.
Jodhowdy สุดยอดพี่ ผมไม่มีอะไรจะพูด คนเรามันพลาดกันได้ เป็นกำลังใจให้คับ
05 เม.ย. 2563 เวลา 14.08 น.
song tae hee น้ำเสียงและลีลาการนำเสนอเป็นเอกลักษณ์ ยากที่จะหาใครเทียบ
05 เม.ย. 2563 เวลา 14.05 น.
คิดถึงเสียงอ่านข่าวคุณ สรยุทธ นะค่ะ
05 เม.ย. 2563 เวลา 14.03 น.
ดูทั้งหมด