หลังจากที่ตอนนี้สถานการณ์การระบาดของไวรัสเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี ธุรกิจหลายๆอย่างก็เริ่มกลับมาเปิดให้บริการกันอีกครั้งนะครับ
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมานี้ มีธุรกิจอย่างหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นที่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังจากถูกปิดไปเพราะการระบาดของไวรัสเป็นเวลากว่า 2 เดือน ซึ่งก็คงไม่น่าแปลกถ้าธุรกิจที่ว่ามันนั้นมันเป็นธุรกิจทั่ว ๆ ไปอย่างร้านอาหาร ร้านตัดผม หรือห้าง แต่ธุรกิจเหล่านั้นมันก็ธรรมดาเกินไปครับ เพราะธุรกิจที่เราจะมาพูดกันวันนี้มันคือธุรกิจเทาๆอย่างนึงของญี่ปุ่น ที่แฝงตัวปะปนอยู่กับย่านที่อยู่อาศัยทั่วไปอย่างกลมกลืน ธุรกิจนี้ก็กลับมาเปิดอีกครั้งหลังจากสถานการณ์ไวรัสคลี่คลายเช่นกัน นั่นก็คือ ธุรกิจ “ซ่องโสเภณี” ในย่านโทบิตะชินจิ ย่านโคมแดงที่ใหญ่ที่สุดในโอซาก้านั่นเอง
ก่อนอื่นเราต้องมาพูดกันก่อนว่าการขายบริการทางเพศ หรือ “ซ่องโสเภณี” นั้นเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายในญี่ปุ่นหรือไม่ ? แน่นอนว่าในปัจจุบันคำตอบคือไม่ครับ เพราะญี่ปุ่นมีกฎหมายห้ามค้าประเวณีมาตั้งแต่ปี 1958 หรือประมาณ 60 กว่าปีก่อน แต่แม้ญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่เคร่งครัดในกฎหมายและกฎระเบียบมากขนาดไหน แต่ก็เหมือนหลายๆที่บนโลกใบนี้ สิ่งเหล่านั้นไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่มันได้ปรับตัวให้กลมกลืนกับสังคมบนช่องโหว่ทางกฎหมายของประเทศนั้น ๆ
ในญี่ปุ่นเอง การขายบริการทางเพศก็ได้ถูกจดทะเบียนอย่างถูกกฎหมายในแง่ของ “ธุรกิจอย่างอื่น” เช่นธุรกิจ Soaplands หรือที่ในบ้านเราอาจจะเรียกได้ว่าเป็น “อาบอบนวด” ที่ญี่ปุ่นก็จะจดทะเบียนในหมวดหมู่ของ “โรงอาบน้ำ” ที่แค่มีพนักงานบริการเฉย ๆ ไม่ได้มีอะไรเกินเลยกว่านั้นเลยจริงจริ๊ง เรื่องหลังจากนั้นก็เป็นเรื่องส่วนตัวของลูกค้ากับพนักงาน ที่คนอื่นไม่สามารถเข้าไปเห็นได้ เช่นเดียวกับธุรกิจ “ซ่องโสเภณี” ที่ย่านโทบิตะชินจินี้ เขาก็จดทะเบียนในรูปแบบของ “ร้านอาหาร” ครับ ทุกร้านในย่านนี้จะถือเป็นร้านอาหารร้านหนึ่ง โดยที่มี “สมาคมธุรกิจร้านอาหารแห่งโทบิตะชินจิ” เป็นผู้ควบคุมความเรียบร้อยของ “ร้านอาหาร” ทั้งหมดในย่านนี้ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อเป็นร้านอาหาร เขาก็จะต้องมีการเสิร์ฟอาหารจริง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่ร้านพวกนี้ก็จะเสิร์ฟเป็นของว่างและเครื่องดื่มที่ราคาแพงมาก โดย “พนักงานเสิร์ฟ” จะนำอาหารขึ้นไปเสิร์ฟให้ถึงห้องส่วนตัว และหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างลูกค้ากับพนักงานเสิร์ฟก็ถือเป็นเรื่องของคนสองคนที่ไม่มีใครเข้าไปยุ่งได้ โดยที่ทางร้านจะมีป้ายเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่า “ไม่มีการขายบริการทางเพศ” แต่เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างลูกค้ากับ “พนักงานเสิร์ฟ” นั้นถือเป็นเรื่องส่วนตัวที่เกิดจากความรัก ดังนั้นไม่มีกฎหมายข้อไหนที่จะห้ามให้คนมีความรักใช่ไหม ?
ซึ่ง “ร้านอาหาร” ในรูปแบบนี้เขาจะคิดบริการตามเวลา ยิ่งใช้เวลารับประทานอาหารนานก็จะยิ่งราคาแพง ส่วนรายละเอียดในการรับประทานอาหารนั้นจะขอข้ามไปเพราะไม่ได้จะมาเขียนเชิญชวนให้ใครไปนะครับ แต่เราจะมาพูดกันถึงข้อเท็จจริงว่ามันมีสิ่งแบบนี้อยู่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น
เมื่อลูกค้าอิ่มออกจาก “ร้านอาหาร” แล้ว เขาก็จะมีการแจกลูกกวาดให้กับลูกค้าทุกคน ไม่ได้ให้เอาไว้กินเป็นของหวาน แต่เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าลูกค้านั้นได้ “ทานอาหารอิ่มแล้ว” เมื่อเดินผ่านร้านอื่น ๆ คุณเจ้าของร้านเขาก็จะไม่เสียเวลาเชิญชวนหรือตื้อลูกค้าให้เข้า “ร้านอาหาร“ อื่นอีก เพราะลูกค้าอิ่มแล้ว …
สิ่งที่เกิดขึ้นย่านนี้นั้น คนขายรู้ ลูกค้ารู้ ทุกคนรู้ ยกเว้นตำรวจที่ไม่รู้ … อาจจะเหมือนบ้านเราที่เดินตรวจแถวพัทยาแล้วบอกว่าไม่พบการขายบริการทางเพศนั่นแหละ จะบ้าเหรอ จริง ๆ ตำรวจเขาก็รู้ดียิ่งกว่าใครนั่นแหละ แต่สาเหตุที่เขาไม่สามารถจับได้ก็เพราะว่าธุรกิจเทา ๆ แบบนี้ในญี่ปุ่นก็มักจะมียากูซ่าอยู่เบื้องหลัง ซึ่งปกติตำรวจก็จะไม่ค่อยอยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับยากูซ่า ถ้าไม่มีการล้ำเส้นเกินไป เรื่องนี้ก็เช่นกัน … มันก็ง่ายกว่าถ้าตำรวจจะขอเชื่อว่าย่านโทบิตะชินจินี้ เป็นร้านอาหารจริง ๆ
ทั้งนี้ทั้งนั้นเขาบอกว่าตั้งแต่เปิดย่าน โทบิตะชินจิมา มีการปิดย่านนี้ไปแค่ 3 ครั้งเท่านั้น และครั้งนี้เป็นครั้งที่ต้องหยุดให้บริการนานที่สุดเพราะเป็นการที่ต้องหยุดเนื่องจากการระบาดของไวรัส โดย 2 ครั้งก่อนหน้านี้ที่ย่านนี้ต้องปิดคือตอนงานพระราชพิธีพระบรมศพพระจักรพรรดิฮิโระฮิโตะ กับงานประชุม G20 ที่ทางการต้องขอให้ปิดย่านนี้ เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศญี่ปุ่น และกลัวว่าต่างชาติจะเข้าใจผิด (ไม่แน่ใจว่าเข้าใจผิดนี่หมายถึงอะไร เข้าใจผิดว่าที่นี่ไม่ใช่ “ร้านอาหาร” น่ะเหรอ ?) ที่จริงมีการขอความร่วมมือให้ปิดอีกครั้งหนึ่งตอนงานประชุม APEC summit เมื่อปี 1995 ด้วยนะครับ แต่ในครั้งนั้นย่านนี้ก็ไม่ได้ปิดแต่อย่างใด แค่เพียงจะไม่มี “เด็กเสิร์ฟ” มานั่งเรียกลูกค้าอยู่ตรงประตูร้านเท่านั้น
ซึ่งหลังจากการกลับมาเปิดใหม่อีกครั้ง ทางกลุ่ม “สมาคมธุรกิจร้านอาหารแห่งโทบิตะชินจิ” เขาก็ร่อนจดหมายกันตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ว่าร้านทั้งหมดจะกลับมาเปิดได้ในวันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน โดยในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว เขาก็ออกจดหมายอ้างว่าได้ทำการจัดชุดตรวจ covid มาทำการตรวจน้อง ๆ "เด็กเสิร์ฟ" ทั้งหมดแล้ว และไม่มีใครมีผลเป็นบวกเลยแม้แต่คนเดียว ซึ่งอันนี้จะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ …
แต่เขาก็ไม่ได้พูดถึงมาตรการการ Social distancing อะไรแต่อย่างใด เข้าใจว่าเพราะ ”ร้านอาหาร” แบบนี้มันคงเว้นระยะกันยาก … โดยเขาบอกแค่ว่าทาง “สมาคมธุรกิจร้านอาหารแห่งโทบิตะชินจิ” ได้ทุ่มเงินมากกว่าเดือนละ 5 แสนเยน เพื่อซื้อชุดตรวจโควิดมาเตรียมไว้ที่ร้านทุกร้านเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเหล่าลูกค้าไม่ต้องกังวลไปนะจ๊ะ … อืมมมมมม
อ้างอิงข่าวจาก tokyoreporter , osakabros
ติดตามบทความใหม่เกี่ยวกับเรื่องน่ารู้และเรื่องแปลก ๆ ของประเทศญี่ปุ่นทาง LINE TODAY: TOP PICK TODAY จากผมได้ทุกวันเสาร์นะครับ
ช่องทางการติดตามเพิ่มเติม
Facebook :Eak SummerSnow
Youtube : Eak SummerSnow
ทุกๆชีวิตต่างก็ย่อมต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดกันทั้งนั้น.
06 มิ.ย. 2563 เวลา 11.37 น.
Ashera บ้านเราขนาดร้านตัดผมบางแห่งยังมีแอบแฝงเลยครับ
06 มิ.ย. 2563 เวลา 11.44 น.
JET Life ` S ไม่ต้องถ่อไปไกลถึงญี่ปุ่น ในไทยก็มีถมเถ
ไม่อยากทำรีวิวให้หรอกนะ เพราะมุงไม่ได้จ้างกู 555
06 มิ.ย. 2563 เวลา 11.26 น.
ดาม เขียนเนื้อหาดีครับ
06 มิ.ย. 2563 เวลา 12.38 น.
Kittichat P. ตำรวจรับส่วยจากซ่องเหมือนกันทุกประเทศใช่ปะ
06 มิ.ย. 2563 เวลา 14.10 น.
ดูทั้งหมด