จลาจล ประท้วงตำรวจฆ่าชายผิวสีลุกลาม

เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ประท้วง ปะทะกันในคืนวันพุธ เป็นคืนที่ 2 ติดต่อกันในเมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินนิโซตา สหรัฐอเมริกา ในการประท้วงกรณีการเสียชีวิตของนายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีไร้อาวุธ วัย 46 ปี เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ภายหลังมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอตำรวจผิวขาวนายหนึ่งใช้เข่ากดลำคอของฟลอยด์ที่ถูกใส่กุญแจมือลงกับพื้นขณะเข้าจับกุม จนฟลอยด์ต้องหายใจทางปาก และไปเสียชีวิตในคุก สถานการณ์ลุกลามบานปลายกลายเป็นจลาจลและการปล้นสะดม เผาอาคารธุรกิจร้านค้าหลายแห่งในเมืองมินนีแอโพลิส

ภาพข่าวแสดงให้เห็นความเสียหายอย่างหนัก ถนนหนทางหลายสายของเมือง ไม่ต่างจากสมรภูมิรบในสงครามในคืนวันพุธ โดยอาคารหลายแห่งทั่วเมืองถูกเผาเหลือแต่ซาก กลุ่มควันและเปลวไฟยังลอยขึ้นจากซากอาคารจนถึงช่วงเช้าวันพฤหัสบดี ผู้ประท้วงบุกปล้นเอาสินค้าในชั้นวางสินค้า บางคนถูกจับภาพได้ขณะพังตู้เอทีเอ็ม และแม้แต่กำลังพยายามเปิดตู้นิรภัย

หลังเกิดเหตุจลาจลปล้นสะดมในเวลากลางคืน นายจาคอบ เฟรย์ นายกเทศมนตรีของเมืองมินนีแอโพลิส ก็เรียกร้องให้กองกำลังรักษาดินแดนของชาติ หรือเอ็นจี เข้าประจำการเพื่อหยุดยั้งความโกลาหล ขณะเดียวกัน ก็เรียกร้องให้ตั้งข้อหาดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ต้องสงสัยสังหารนายฟลอยด์ แต่ขณะนี้ ตำรวจ 4 นาย ที่เกี่ยวข้องกับการจับกุมครั้งนี้ ถูกปลดออกจากตำแหน่งแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีการประท้วงลุกลามในหลายรัฐด้วย ทั้งในชิคาโก รัฐอิลลินอยส์, ลอสแอนเจลีส รัฐแคลิฟอร์เนียและเมมฟิส รัฐเทนเนสซี คาดว่าความรุนแรงจะยืดเยื้อต่ออีกในวันพฤหัสบดี โดยผู้ประท้วงประกาศจัดการประท้วงอีกครั้งในช่วงเย็นวันพฤหัสบดีใจกลางเมืองมินนีแอโพลสิส ร้านค้าต่าง ๆ ในเมืองและชานเมือง ถูกปิดไปก่อนหน้าแล้ว เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความรุนแรงมากขึ้น ขณะที่เมืองมินนีแอโพลิส ก็ปิดให้บริการระบบรถไฟรางเบา และรถบัสทั้งหมด เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย
คณะอัยการ ซึ่งกำลังสอบสวนคดีการเสียชีวิตของฟลอยด์ เรียกร้องเมื่อวันพฤหัสบดี ให้ประชาชนในเมืองมินนีแอโพลิส อดทน ขณะที่พวกเขาทำการสอบสวนคดีนี้อยู่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สร้างความไม่พอใจทั่วเมืองและทั่วประเทศด้วย
เหตุจลาจลครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตหลายคดี เช่นกรณีของนายเอริก การ์เนอร์ ซึ่งถูกตำรวจล็อกคอจนเสียชีวิตขณะเข้าจับกุมในนิวยอร์กเมื่อปี 2557 การเสียชีวิตของเขาจุดชนวนให้เกิดการชุมนุมประท้วงรุนแรงต่อต้านความป่าเถื่อนและการทำเกินกว่าเหตุของตำรวจ และทำให้เกิดกลุ่มที่เรียกว่า “Black Lives Matter” หรือ “ชีวิตคนผิวดำก็มีความสำคัญ” ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรม และอีกคดีสะทือนขวัญ นายไมเคิล บราวน์ ชายผิวสี วัย 18 ปี อีกหนึ่งคนที่ถูกตำรวจผิวขาวเมืองเฟอร์กูสัน รัฐมิสซูรี ยิงเสียชีวิตเมื่อเดือน ส.ค ปีเดียวกัน ระหว่างการต่อสู้บนถนน