ในฐานะที่ต้องมายืนอยู่บนถนนสายศิลปะ เมื่อมีใครที่จะมาบิดเบือน ให้ร้าย โจมตี ให้ความหมายขอคำว่าศิลปะแปรเปลี่ยนไปจากความเชื่อความเข้าใจที่ได้เคยอบรมรับการสั่งสอนมา ทำให้อดรนทนไม่ได้ต้องชี้แจงกันให้เข้าใจเสียที ความจริงเรื่องที่จะพูดถึงในคราวนี้ เคยแสดงความคิดเห็นไปหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เป็นที่ยุติความเข้าใจผิดความหลงผิด ก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่ทุกที
เรื่องของเรื่องก็คือว่าเดี๋ยวนี้ทุกคนเข้าใจกันไปแล้วว่า ถ้าหากเห็นรูปของหญิงสาวในชุดวอบ ๆ แวบ ๆ หรือสาวเปลือยก็เป็นต้องเรียกว่า “ภาพศิลป์” ซึ่งที่จริงมันคือภาพโป๊ หรือภาพอุจาดอนาจาร ปฏิทินที่พิมพ์แจกกันประจำทุกปี ข้อแก้ตัวของผู้จัดทำหรือเจ้าของสินค้าเพื่อดึงดูดในเชิงธุรกิจเพียงอย่างเดียวก็คือ สิ่งพิมพ์เหล่านี้ก็คืองานศิลปะ เรื่องอย่างนี้ต้องเชื่อมโยงไปถึง ช่างภาพหรือจิตรกร ซึ่งต้องได้รับการยกย่องว่าเขาคือศิลปิน และนางแบบคือผู้เสียสละ ชีวิตต้องตกระกำลำบาก การที่มาถ่ายภาพโป๊ก็เพื่อช่วยเหลือพ่อแม่ และน้อง ๆ ที่กำลังหิวโหยอยู่อีกหลายคน
น่าสลดหดหู่ที่งานอันไม่เกี่ยวข้องกับคำว่าศิลปะอย่างนี้ได้รับการยกย่องกล่าวขวัญถึง ซ้ำยังบิดเบือนให้สังคมมองเห็นว่าเป็นค่านิยมที่ดีอีกด้วย และองค์กรของรัฐที่รับผิดชอบในด้านจริยธรรมของสังคมก็ไม่มีความรู้ที่จะชี้ขาดลงไปให้ชัดเจนเสียด้วยที่จริงแล้วศิลปะกับภาพโป๊อนาจารนั้นแตกต่างกันอย่างกับขาวกับดำ อย่างกับสูงกับต่ำ และอย่างสวรรค์กับนรก
นรก ผมเชื่อว่าสิ่งใดต่ำหรือโน้มไปทางต่ำทรามนั้นทุกคนรู้ดี และอำนาจใฝ่ต่ำของมนุษย์ธรรมดาพร้อมที่จะไหลไปตามกระแสอยู่แล้ว เช่น ถ้าหากใครมาถามว่า อยากดูรูปโป๊ไหม มนุษย์ธรรมดาอย่างเราคงไม่ปฏิเสธ แต่ว่าจะมีคุณค่าเป็นศิลปะหรือไม่คืออีกประเด็นหนึ่งที่ต้องแยกแยะให้ถูกต้อง
ศิลปะนั้นคืองานสร้างสรรค์ที่เกิดขึ้นจากมันสมองและจินตนาการของมนุษย์ งานผู้หญิงเปลือยเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของงานศิลปะ และภาพเปลือยที่เห็นกันอยู่ ไม่ใช่ทุกภาพที่จะได้รับการยกย่องว่าเป็นศิลปะ น้อยชิ้นที่จะเรียกได้ว่าเป็นศิลปะอมตะ ดังนั้นภาพเปลือยที่เป็นศิลปะ จะต้องมีความหมาย มีเนื้อหาสาระสำหรับคนดู ไม่ใช่สักแต่ว่าถ่ายให้เป็นภาพ หรือว่าสักแต่จะเปลื้อเสื้อผ้าอาภรณ์แล้วจะเรียกว่าศิลปะ
ผมคงเอาภาพตัวอย่างที่โลกได้ยกย่องกันแล้วว่าเป็นภาพเปลือยที่มีศิลปะ และบางภาพเป็นอมตะมีอายุยืนยาวมาแล้วถึง ๕๐๐ ปีก็ยังมี ภาพเหล่านี้เป็นภาพหญิงสาวไม่นุ่งผ้าจริง แต่ศิลปินไม่ได้สื่อความหมายไปในทางยั่วยุทางกามารมณ์เลย ผมจะลองรีวิวภาพเหล่านี้ไปทีละภาพ
ภาพแรกคือ “กำเนิดวีนัส” ของ ซานโดร บอตติเชลลิ จิตรกรชาวอิตาเลี่ยนเขียนภาพนี้ไว้ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๐๓๓ ภาพนี้ปัจจุบันเป็นศิลปะชิ้นเยี่ยมของพิพธภัณฑ์อูพีจิ นครฟลอเรนซ์ ใครที่ได้ไปประเทศอิตาลี จะต้องเข้าชมภาพนี้เป็นบุญตา วีนัสเธอเป็นเทพที่มีความงดงามขั้นเทพี เธอเกิดจากทะเล ดังนั้นจิตรกรจึงวาดภาพแรกเกิดของเธอผุดขึ้นมาจากเปลือกหอย เป็นภาพที่แสดงถึงความบริสุทธิ์อ่อนหวาน นับเป็นการเกิดที่ยิ่งใหญ่และงดงามเท่าที่มนุษย์ได้จินตนาการขึ้นบนโลกนี้ ภาพวีนัสนี้ไม่ใช่ภาพโป๊ลามกแน่นอน
ภาพงดงามของสาวเปลือยที่เป็นหนึ่งของโลกคือภาพ “อาบน้ำ” ของ ฌอง อังเกรอส์ เป็นภาพสมัยนีโอคลาสสิคซึ่งเป็นยุคฟื้นฟูวัฒนธรรมแบบกรีกโรมัน ภาพหญิงเปลือยชิ้นนี้จิตรกรจึงเขียนได้อย่างนุ่มนวล เขาฉลาดที่เขียนภาพของหญิงสาวทางด้านหลัง เธอเตรียมตัวจะอาบน้ำโพกผ้าลายไว้บนศรีษะ แต่ช่วงหลังเปลือยเปล่าอวบอิ่ม ภาพนี้งดงามด้วยการให้แสงเงาที่นุ่มนวล และการที่จิตรกรให้นางแบบหันหลังให้ทำให้ภาพนี้มีความหมายมากขึ้น การจัดท่าของนางแบบที่เรียบง่ายทำให้นึกไปถึงศิลปะที่คลาสสิคในยุคของกรีกโบราณ
ภาพ “หลังอาบน้ำ” ของเรอนัวร์ พ.ศ. ๒๔๓๑ เป็นภาพแห่งความประทับใจที่เรอนัวร์ได้จับภาพอิริยาบถของหญิงสาวโดยฉับไวในขณะที่เธอกำลังเช็ดตัวอยู่ตามสไตล์ของภาพเขียนอิมเพรสชั่นนิสม์ เรอนัวร์เป็นผู้เชี่ยวชาญในการเขียนภาพสาวเปลือย มีผลงานที่เป็นชิ้นครูชิ้นเยี่ยมของโลกอยู่หลายชิ้น แต่ละชิ้นได้แสดงถึงบรรยากาศอันงดงามและสีอันแจ่มใสบนผิวของหญิงสาว
ภาพประติมากรรมชื่อ “จูบ” ของ ออกุสต์ โรแดง ศิลปินยุคเดียวกับเรอนัวร์ แม้วารูปนี้จะเป็นภาพที่หญิงและชายเปลือยกายกันแสดงความรักต่อกันอย่างตรงไปตรงมา แต่ศิลปินได้สร้างรูปของทั้งสองให้มีความหมายถึงความรัก การทะนุถนอมต่อกัน เส้นรอบนอกอันนุ่มนวลของรูปทรงที่สร้างจากหินอ่อนสีขาว กลับให้ความรู้สึกที่เบาลอยตัว เป็นความฝันราวกับก้อนเมฆที่ล่องลอยบนท้องฟ้า
คงเห็นชัดเจนแล้วใช่ไหมว่าว่าภาพเปลือยที่มีคุณค่าทางศิลปะจะต้องแฝงแนวคิดและการแสดงออกของศิลปินออกมา อย่าได้นำภาพเปลือยโป๊เพื่อเจตนาที่จะให้ผู้ดูเกิดอารมณ์ความรู้สึกทางเพศมาเรียกว่า ภาพศิลป์ กันต่อไปอีกเลย ยิ่งกระพือข่าวภาพศิลป์ลามกนี้ออกไป ก็ยิ่งเป็นผลกระทบต่อความเสื่อมของสังคมยิ่งขึ้น
ผมคงไม่ต้องเอาภาพโป๊ลามกมาลงพิมพ์เป็นตัวอย่างหรอกนะครับ เพราะหาซื้อหาดูได้ง่ายตามแผงหนังสือได้ทั่วไปอยู่แล้ว
(คัดลอกส่วนหนึ่งจากบทความ* “ศิลปะ – ไม่ใช่ภาพเปลือย และภาพเปลือยไม่ใช่ศิลปะไปทั้งหมด” เขียนโดย พิษณุ ศุภ. ในนิตยสารศิลปวัฒนธรรม* พฤษภาคม ๒๕๓๖)
เผยแพร่เนื้อหาในระบบออนไลน์ครั้งแรก เมื่อ 22 กรกฎาคม พ.ศ.2561
พี่ฟู มันอยู่ที่เจตนามากกว่าว่าคุณจะสร้างงานภาพโป๊อนาจาร หรือ ภาพศิลป์ หากเป็นภาพเหมือนที่ปรากฏดูอย่างไรก็เป็นภาพศิลป์
02 มิ.ย. 2563 เวลา 00.34 น.
สัมฤทธิ์ ขวัญพรม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผัสสะหรืออารมณ์ของคนมองถ้ามองแล้วเกิดอารมณ์ราคะอย่าทำเลยมันเป็นโทษมากกว่าเป็นคุณ ถ้าพวกเสพกามอยู่เอาไปเป็นประโยชน์ก็ไม่ว่ากันถ้ามองแล้วทำให้เกิดอาชญากรรมก็ไม่ควรมีครับ
02 มิ.ย. 2563 เวลา 00.45 น.
แสนคม น่าคิดว่า...ไม่ว่าจะเป็นศิลป์หรืออนาจาร ถ้าเป็นภาพลักษณะโป๊เปลือย มันทำคนที่เห็นเกิดกิเลสกามราคะ บาปก็เกิดกับคนที่เห็นและคนที่วาด
อีกอย่าง ถ้าศิลปินสมัยโน้นมัก(จะ)เขียนภาพโป๊เปลือยแบบนี้กัน ก็แสดงว่าเรื่องราวของเพศถูกแสดง/กระทำอย่างโจ่งแจ้ง
ผู้ปัญญาควรหรือ?? ยกเรื่องเหล่า (ภาพ, จิตรกร ฯ) ควรยกย่อง โดยจัดให้เป็นศิลปะ
02 มิ.ย. 2563 เวลา 01.13 น.
Aemonr๙๐/๓๕๒ 1929/25 ภาพที่เห็นได้ในวัดโบสถ์งาม
วิจิตรสื่อถึงโบราณคดีเชื่อมโยง
กับประวัติศาสตร์ของศาสนา
เป็นศิลปะที่งดงามดีเยี่ยม
ใครได้ดูชมเป็นบุญมากมาย
02 มิ.ย. 2563 เวลา 00.32 น.
สังคมปัจจุบัน มีคนจำนวนน้อยมากที่อ่านภาพศิลป์ออก
รู้เรื่อง
02 มิ.ย. 2563 เวลา 00.49 น.
ดูทั้งหมด