นายกฯ แจ้ง กลางวง ศบค. ขอยกระดับใช้ยาแรง ”เคอร์ฟิว” 22.00-04.00 น. เริ่ม 3 เม.ย.ย้ำ ทำงานช่วยเหลือกันห้ามขัดแย้ง กำชับทำความเข้าใจประชาชนทุกมาตรการ เข้มข้น เข้า-ออกด่าน
วันที่ 2 เม.ย. ณ ตึกสันติไมตรีหลังนอก ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ย้ำ การสั่งการให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานร่วมกัน ทำงานด้วยความช่วยเหลือกัน ไม่ขัดแย้ง และเสนอคณะรัฐมนตรีในทุกมาตรการ
โดยนายกรัฐมนตรีได้หารือ และสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณามาตรการรองรับทางเศรษฐกิจโดยต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ครบถ้วน เช่น ตราสารหุ้น การบรรเทาหนี้ การดำเนินการระบบภาษี ลดภาษี เมื่อสถานการณ์ยุติ ต้องมีมาตรการเพื่อการฟื้นฟู ด้านการลงทุนต่างๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน
ทั้งนี้ การดำเนินการในส่วนของงบประมาณ ต้องเป็นการพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งค่อนข้างมีขั้นตอน ละเอียด และต้องใช้เวลา ในส่วนของสินค้าทางการแพทย์ เตียง, หน้ากาก N95, ชุด PPE นายกรัฐมนตรี สั่งการให้จัดหาให้เพียงพอต่อความต้องการ และส่วนการนำเข้าสินค้าทางการแพทย์ มีขั้นตอนในการดำเนินการ แต่เรื่องภาษีนำเข้าได้รับการแก้ไขแล้ว การจะซื้อสินค้าผ่านระบบ G to G เช่น กับประเทศจีน มีขั้นตอนที่ประเทศจีน จะต้องรับรองบริษัทจึงจะผ่านระบบได้ จึงเป็นส่วนที่ต้องทำความเข้าใจกับสังคม ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย แจ้งว่าได้ดำเนินการร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม บริหารจัดการด้านการขนส่ง และกระจายหน้ากากอนามัยผ่านระบบการสื่อสาร เพื่อหน้ากากอนามัยถึงปลายทางโดยเรียบร้อย
นายกรัฐมนตรี ขอให้ทุกหน่วยงานทำความเข้าใจกับประชาชน ในการดำเนินการส่วนหนึ่งส่วนใด มีกฎระเบียบ ขั้นตอน รายละเอียดปลีกย่อย ที่ต้องร่วมพิจารณา เพราะอาจเกิดผลกระทบต่อส่วนรวมได้ จึงขอให้ทุกหน่วยงานสร้างความเข้าใจกับประชาชน ผ่านทุกช่องทางการสื่อสารของรัฐ เช่น เพจไทยคู่ฟ้า ไม่ให้เกิดการบิดเบือน เป็นประเด็นทาง Social Media
ในส่วนของผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาล ยังรวมกลุ่ม นั่งดื่ม ขอให้หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย พิจารณาลงโทษอย่างจริงจัง เพื่อให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐบาลกำหนด
การเดินทางเข้าประเทศไทยนั้น นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ชะลอการเดินทางจากต่างประเทศจนถึง 15 เมษายน เพื่อเตรียมพื้นที่ State Quarantine และเพื่อให้ทุกคนผ่านการประเมินทางสุขภาพอย่างครบถ้วน ในการเดินทางผู้เดินทางต้องมีเอกสารกรอกข้อมูลการเข้าประเทศ ผ่านการประเมินสุขภาพ มีเอกสาร fit to fly และสั่งการให้ ศบค. นำข้อมูลมาวิเคราะห์ วางแผนให้ถี่ถ้วน เพราะเมื่อเดินทางเข้าประเทศมาแล้ว จะต้องหามาตรการมาควบคุมให้รัดกุม แก้ปัญหาบุคคลเสี่ยงที่หายไประหว่างเดินทางไปยังสถานที่ Quarantine หรือที่พัก ส่วนการกลับประเทศไทยของกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ขอให้ชะลอตามที่แจ้งข้างต้น และพิจารณาพื้นที่รองรับการทำ State Quarantine สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบไปยังต้นทางการเดินทางว่ามีนักเรียนจำนวนเท่าไร จัดให้ทยอยกลับ เพื่อให้พื้นที่รองรับสู่ State Quarantine เพียงพอ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเข้าใจดีถึงความกังวลของนักเรียน นักศึกษา และผู้ปกครองที่อยากเดินทางกลับประเทศ จึงขอให้กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณสุข และมหาดไทยร่วมดูแล ให้มีแนวทางรองรับที่ชัดเจน
มาตรการป้องกัน และช่วยเหลือประชาชนภายในประเทศ นายกรัฐมนตรีสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยควบคุมด่านไม่ให้เกิดความแออัด ซึ่งขณะนี้ด่านทางบกปิดหมดแล้ว แต่ยังมีคนมารอเข้า-ออก และควบคุมพื้นที่ที่รับผิดชอบอย่างเข้มงวด กระทรวงมหาดไทยแจ้งด้วยว่าพร้อมดำเนินการสร้างความเข้าใจกับประชาชนผ่านหอกระจายข่าว
ในการประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรี แจ้งเรื่องการยกระดับมาตรการในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพิ่มเติม โดยกำหนดเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ระหว่างเวลา 22.00-04.00 น. ตั้งแต่วันศุกร์นี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ ยกเว้นผู้มีความจำเป็นที่จะต้องเดินทาง ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์ การขนส่งเวชภัณฑ์ การขนส่งผู้ป่วย การขนส่งด้านพลังงาน และการขนย้ายประชาชนสู่พื้นที่ควบคุม เป็นต้น
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
- "วาสนา" โพสต์ 6 โมงเย็นวันนี้ เตรียมรอฟัง นายกฯ ประกาศ "เคอร์ฟิว"
- "เคอร์ฟิว" คืออะไร ทำความเข้าใจ หากถูกใช้ช่วยสกัด "โควิด-19"
- โฆษกตำรวจยัน กทม.ยังไม่ประกาศเคอร์ฟิว ส่วนภาพรวมตั้งด่านเรียบร้อยดี
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath
prapa ใส่หน้ากากนี้ ดูดีหน่อย #หน้ากากผ้าไหมเอามาใส่เพื่อ (สร้างความแตกต่าง ???)
02 เม.ย. 2563 เวลา 10.53 น.
ผนงรจตกม
02 เม.ย. 2563 เวลา 10.31 น.
TON WK คือ คนติดกันช่วงเวลานี้มากเหรอครับ เอาตรรกะ เหตุผลอะไรมารองรับมิทราบ หรือประกาศส่งเดชไป
02 เม.ย. 2563 เวลา 09.59 น.
Chai ต้องย้อนถามกลับว่าคุณเคยเก็บสถิติไหม ว่าคนที่ไปติดกันส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมในช่วงกลางวันหรือกลางคืน เพราะถ้าคนติดกันช่วงกลางวัน แต่ไปประกาศเคอร์ฟิวห้ามออกจากบ้านกลางคืน มันก็ไม่มีประโยชน์
02 เม.ย. 2563 เวลา 09.56 น.
yongyutkpp เคอร์ฟิว ไม่ได้ทำให้โรคระบาดลดลงแน่นอน จะเห็นทั่วโลกว่าไม่ว่ายังไงการระบาดยังคงดำเนินต่อไปแม้เราจะดำเนินมาตรการรุนแรงขนาดไหนก็ตาม สิงคโปร์เมืองเล็กกว่า เจริญกว่า ปิดเมืองก่อน รับมือก่อนก็ยังเอาไม่อยู่เลย ทางที่ดีเราต้องเปิดใจเรียนรู้มันใหม่ ผมยังไม่เห็นประโยชน์และความจำเป็นว่าต้องมาตรการระดับนี้ เพราะเท่าที่มีก็เรียกได้ว่า รัดกุมอยู่แล้ว ผู้ป่วยในวันนี้คือผู้ที่อยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านมาตรการที่ผิดพลาดมากกว่า
02 เม.ย. 2563 เวลา 09.56 น.
ดูทั้งหมด