ไลฟ์สไตล์

หนักทั้งกาย หนักทั้งใจ แต่เราต้องผ่านไปให้ได้: ฟังเสียงหมอไทยในแดนหน้าสมรภูมิ COVID-19

The MATTER
อัพเดต 30 มี.ค. 2563 เวลา 09.58 น. • เผยแพร่ 30 มี.ค. 2563 เวลา 09.44 น. • Public Health

“หมอที่ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันตัว ก็เหมือนทหารที่ลงสนามรบไม่มีเกราะ” แพทย์รายหนึ่งกล่าว

ในวิกฤติที่เชื้อไวรัสแพร่ระบาด กลุ่มคนสำคัญที่เสี่ยงติดเชื้อและได้รับผลกระทบเป็นลำดับแรกๆ คือคนในแดนหน้า เช่น แพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางด้านสาธารณสุข

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ไม่ใช่แค่การใกล้ชิดกับผู้ป่วย ที่ทำให้บุคลากรทางการแพทย์เสี่ยงต่อการติดเชื้อ COVID-19 แต่ยังมีเรื่องถึงข้อจำกัดด้านการจัดสรรทรัพยากรป้องกันเชื้อโรค รวมถึงปัญหาในขั้นตอนสืบสวนโรคที่ทำให้แพทย์เสี่ยงติดเชื้อมากยิ่งขึ้น

The MATTER พูดคุยกับแพทย์หลายคนที่ทำงานอยู่ในสถานการณ์ 'แดนหน้า' ของการต่อสู้กับ COVID-19 เพื่อร่วมกันสะท้อนถึงภารกิจสำคัญมากๆ ที่พวกเขากำลังต่อสู้กันอย่างสุดความสามารถ รวมถึงส่งเสียงถึงปัญหาด้านอุปกรณ์ป้องกันตัวเอง ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมาก ณ เวลานี้

Close up of asian male doctor hands. He takes blood of patient coronavirus in test tube at Hospital.
โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ฟังเสียงแพทย์ไทยที่กำลังต่อสู้อย่างหนักในแดนหน้า

ในภาวะที่สถานการณ์ของ COVID-19 ยังมีเคสผู้ป่วย และกระบวนการคัดกรองผู้ป่วยที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องตามโรงพยาบาลต่างๆ สังคมไทยแทบจะเข้าใจตรงกันว่า แพทย์คือหนึ่งในกลุ่มคนที่ต้องรับหน้าที่หนัก และกำลังแบกรับภาะที่สำคัญเอาไว้มากที่สุด

หนึ่งในความท้าทาย ณ เวลานี้ คือจำนวนเคสของผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (PUI) ที่เพิ่มขึ้นและเข้ามาใหม่อย่างต่อเนื่อง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

“หนักมากๆ หนักทั้งกาย หนักทั้งใจ” อายุรแพทย์คนหนึ่งอธิบาย “ไม่มีโควิด งานของอายุรแพทย์ก็หนักมากอยู่แล้ว มีโควิดเข้ามายิ่งแล้วใหญ่”

แพทย์คนนี้ประเมินด้วยว่า ถ้าหากสถานการณ์ในโรงพยาบาลเปลี่ยนไป ก็คงจะมีการเพิ่มวอร์ดใหม่เป็นวอร์ด COVID และน่าจะทำให้งานหนักขึ้นอีกหลายเท่าตัว อย่างไรก็ดี แม้ภาระงานจะหนักขึ้น แต่แพทย์ทุกคนก็พยายามจะต่อสู้กับวิกฤตินี้อย่างเต็มที่

ส่วนอายุรแพทย์อีกคนหนึ่ง เล่าให้เราฟังถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลรัฐได้อย่างน่าสนใจ

“เราเข้าเวรมากขึ้นกว่าเดิมมากๆ ปัจจัยที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ เคสผู้ป่วยกรณีเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคเพิ่มขึ้น ถ้ามองในอีกมุมหนึ่งมันก็คือหน้าที่เราอยู่แล้ว เรารู้มาว่า ผู้ป่วยบางคน พอรู้ตัวว่าเข้าเกณฑ์เป็นเคส PUI ก็เครียดแล้วนะ จิตตกไปแล้ว ซึ่งเรื่องแบบนี้ทำให้เรายอมแพ้ไม่ได้ มันคือหน้าที่เรา แล้วเราก็อดหลับอดนอน เรียนหนักกันมาเพื่อสิ่งนี้” 

เมื่อถามถึงสิ่งที่กังวลมากที่สุดในเวลานี้ แพทย์ประจำบ้านสาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คนหนึ่งบอกว่า เขากังวลกับปัญหาที่เชื้อโรคอาจจะแพร่กระจายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

“เรากังวลเคสที่อาจจะหลุดมาแพร่กระจายในคนกลุ่มใหญ่ ถ้าคัดกรองพลาด และเคสที่ยังไม่เข้าข่ายแต่กังวลเยอะเลยรีบมาโรงพยาบาล เพราะปัญหาที่ตามมาคือเรื่อง crowed (ความแออัด) และการสี่ยงมา exposed (สัมผัสโรค) ในขณะที่เขาเดินทางและในโรงพยาบาลนี่แหละ”

Shot of a doctor showing a patient some information on a digital tablet

เข้าใจความเสี่ยงที่แพทย์ต้องเจอ

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 มีกรณีที่ถูกพูดถึงกันเป็นอย่างมาก คือเรื่องราวที่โฆษกกระทรวงสาธารณสุข นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ให้ข้อมูลว่า มีบุคลากรทางการแพทย์จำนวน 2 ราย (ณ วันนั้น) ได้ติดเชื้อ COVID-19 เพราะผู้ป่วยที่ปกปิดข้อมูลความเสี่ยงของตัวเอง

สอดคล้องกับความเห็นของแพทย์ประจำบ้านสาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน ที่อธิบายว่า ความเสี่ยงที่เขาต้องเผชิญ อาจจะมาได้จากช่องโหว่ของ ‘กระบวนการระหว่างทาง’

“ความเสี่ยงมาจากเรื่องการ screening ที่ผิดพลาด จากซักประวัติไม่ครบหรือคนไข้ไม่ให้ประวัติ เรารับมือด้วย universal precaution (หลักการระมัดระวังป้องกันตนเองของบุคลากรทุกคนให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อ) ไว้ก่อนในเคสที่ต้องสงสัย”

ด้านแพทย์รายหนึ่งที่กำลังอยู่ในช่วงของการกักตัวเอง เล่าว่า นอกจากความเสี่ยงจากคนไข้ที่ปกปิดข้อมูลตัวเองแล้ว ความเสี่ยงยังมาจากปัจจัยอื่นได้อีกด้วย

“เราไม่รู้ว่าคนไข้คนไหนจะเป็นบ้าง ต่อให้มีระบบการคัดกรองแยกผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงออกแล้ว ก็ยังหลุดได้ เพราะมีทั้งคนไข้ที่ปกปิดประวัติ ทั้งคนไข้ที่ไม่รู้ว่าตัวเองมีความเสี่ยง

“เนื่องด้วยเป็นโรคอุบัติใหม่ จึงมีข้อมูลอย่างจำกัด ทั้งเรื่องของอาการ อาการแสดง การตรวจทางห้องปฏิบัติการต่างๆ รวมถึงประวัติเสี่ยงที่บางครั้งต้องพยายามเค้นจากคนไข้ และเราเองต้องติดตามข่าวด้วยว่ามีคนไข้ รายใหม่ไปที่ไหนมาบ้าง จะได้มาซักประวัติคนไข้ได้ถูก”

เมื่ออุปกรณ์การป้องกันตัวเองคือสิ่งสำคัญ

แพทย์คนเดิม ยังได้เล่าต่อว่า สิ่งที่ดูจะเป็นความท้าทายด้วย ก็คือปัญหาเรื่องการจัดการอุปกรณ์ป้องกันตัวเองให้กับแพทย์

“ความท้าทายอีกอย่างคืออุปกรณ์ป้องกันตัวไม่พอ โดยเฉพาะหน้ากากอนามัย ที่โรงพยาบาลเองก็ต้องไปเบิกเอาที่แผนกตัวเอง หยิบข้ามแผนกไม่ได้ หยิบแทนกันไม่ได้ มีช่วงนึงต้องจำใจใส่ซ้ำ ถ้ามันยังไม่เลอะ”

ความเห็นเรื่องอุปกรณ์ที่ขาดแคลน คล้ายกับสิ่งที่อายุรแพทย์ได้บอกไว้ถึงสถานการณ์ในโรงพยาบาลที่เขาสังกัด

“เราโดนจำกัดการใช้แมส วันละ 1 แผ่น จะเอาแมสที แทบจะไปกราบขอแมสมาใส่ป้องกันตัวเอง จะทำอะไรก็ระแวงไปหมด ชุด ป้องกัน PPE ก็มีน้อยมาก”

เขายังได้เปรียบเทียบการขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันตัวเอง ว่าเปรียบกับชุดเกราะที่ต้องใส่เข้าสู่สนามรบ “หมอที่ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันตัว ก็เหมือนทหารที่ลงสนามรบไม่มีเกราะ ไม่มีปืน ลงไปก็ตายอยู่ดี”

close up of doctor's hand with a medical face mask for protection against infection

ภาวะจิตใจของแพทย์ในวิกฤติ COVID-19

นอกจากความเหนื่อยล้าทางร่างกายแล้ว แพทย์หลายคนได้ส่งเสียงตรงกันว่า ภาวะความกดดันทางจิตใจก็เป็นสิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญด้วยเช่นกัน

“วันแรกที่รู้ว่าคนไข้ที่ตรวจไปสัปดาห์ก่อนเป็นโควิด ผมนี่ทั้งเครียดทั้ง depress กลัวตัวเองจะเป็นคนแพร่เชื้อ เพราะทั้งสัปดาห์เจอคนหลายร้อย ตั้งแต่เด็กแรกเกิดถึงผู้สูงอายุ ตอนนี้รู้สึกโอเคขึ้นแล้ว

“แต่เจอการแถลงข่าว และการให้สัมภาษณ์ของบางท่านนี่ถึงกับท้อเลย นอกจากจะดำเนินการช้า ไม่มีนโยบายที่ดี และไม่หาชุดเกราะให้ทหารไปรบแล้วยังหาว่าทหารประมาทไปเที่ยวเล่นแล้วบาดเจ็บเองอีก รู้สึกว่าบางคนไม่ต้องออกมาพูดจะดีกว่าครับ”

สอดคล้องกับความเห็นของแพทย์คนนี้ว่า เขารู้สึกเป็นกังวล เพราะกลัวว่า ถ้าตัวเองติดโรคขึ้นมา จะทำให้งานของแพทย์ และบุคลากรคนอื่นหนักขึ้น

“ก็แย่นะ ทั้งกังวล ไม่อยากติดเพราะ ถ้าติดขึ้นมา หมอคนอื่น ลำบาก ครอบครัวลำบาก เรื่องงานที่เยอะขึ้น ก็เหนื่อยแหละ แต่ไม่ได้เครียดขนาดนั้น เพราะปกติ งานเยอะอยู่แล้ว อุปกรณ์ก็ขาดแคลนมาก ไม่ได้เพียงพอ อย่างที่ ผู้ใหญ่ เค้าพูดๆ กัน”

เสียงจากแพทย์สองคนนี้ สะท้อนได้ถึงภาวะจิตใจที่บุคลากรในแดนหน้าการรักษาต้องเผชิญในทุกวัน

ก่อนหน้านี้เคยมีงานศึกษาซึ่งเผยแพร่ใน Journal of the American Medical Association ที่สำรวจภาวะจิตใจของบุคลากรทางการแพทย์กว่า 1,257 คนในโรงพยาบาลของจีน โดยพบว่า กว่า 50 เปอร์เซ็นต์เผชิญกับอาการของความซึมเศร้า ซึ่งเกิดขึ้นจากการทำงานหนักอย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับวิกฤติ COVID-19

นี่อาจจะเป็นข้อมูลที่สะท้อนให้พวกเราเห็นว่า บุคลากรทางการแพทย์ในแดนหน้าทุกคน กำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่หนักที่สุดครั้งหนึ่งของพวกเขา ขณะเดียวกัน กำลังใจจากผู้คนภายนอกก็ถือเป็นสิ่งสำคัญเอามากๆ

“ในใจลึกๆ ก็หวังเล็กๆ ว่าหมอทุกคนจะผ่านมันไปได้” เสียงจากแพทย์คนหนึ่งบอกเราไว้อย่างนั้น

หมายเหตุ การสัมภาษณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นในวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2563

Illustration by Sutanya Phattanasitubon

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 4
  • ผู้บริหารประเทศเอาพ่อค้ามาคุมหมอ งานบริหารจัดการเลยไม่ดีเท่าที่ควร ขออยู่เคียงข้างคุณหมอ เป็นกำลังใจให้ครับ
    30 มี.ค. 2563 เวลา 22.10 น.
  • ;
    ฟังคุณหมอพูด มันจุกพูดไม่ออกจริงๆ ทำอย่างไรที่จะช่วยคุณหมอ ได้มีเพียงให้กำลังใจเพราะตัวเราคือไม้จิ่มฟันไม่มีอำนาจอะไรคุณหมอสู้ๆนะ
    30 มี.ค. 2563 เวลา 21.47 น.
  • ☘️🐈‍⬛☘️🙏ในงานศพพ่อ👀🤔😔
    จุฬา สภากาชาด มีหมอเก่งๆเยอะ อยากให้มีทีมนักวิจัยยาต้านไวรัส คณะวิทยาศาสตร์ ม.ราม ก็ใช่ย่อย ทั้งมหิดล จุฬา รามคำแหง ช่วยระดมระดับหัวกะทิมาด้วยครับ โลกต้องการพวกคุณ 🙏
    30 มี.ค. 2563 เวลา 21.13 น.
  • momop
    ใช่โลกต้องการหมอ โรคนี้ก็ต้องมีหมอ แล้วผู้ที่เกี่ยวข้อง ดูแลรักษาจิตใจหมอและเจ้าหน้าที่ ดีแล้วหรือยัง
    31 มี.ค. 2563 เวลา 04.09 น.
ดูทั้งหมด