ในยามนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ไม่พ้นพบเห็นแต่เรื่องราวข่าวสารการรับมือของนานาประเทศกับสถานการณ์ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ก่อโรคปอดอักเสบรุนแรง
ซึ่งองค์การอนามัยโลก (ฮู) บัญญัติชื่อให้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้อย่างเป็นทางการว่า “โควิด-19” หรือ Covid-19 (ย่อมาจาก coronavirus disease starting in 2019) ที่กำลังลุกลามระบาดหนักไปทั่วโลกอยู่ในขณะนี้
จากที่มีต้นตอการเริ่มแพร่ระบาดมาจากเมืองอู่ฮั่น เมืองเอกที่มีประชากรอยู่ราว 11 ล้านคนในมณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของประเทศจีน
สถานการณ์ระบาดที่กระอักหนักที่สุดในขณะนี้ตกอยู่ในภูมิภาคยุโรปและสหรัฐอเมริกา ที่พากันทะยานขึ้นไปรั้งอันดับของการมียอดผู้เสียชีวิตและยอดติดเชื้อสะสมมากที่สุดของโลกแซงหน้าจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางแพร่ระบาดของไวรัสวายร้ายนี้แห่งแรกไปแล้ว หลังจากที่จีนสามารถรับมือจัดการจนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคในประเทศไว้ได้
โดยอิตาลีขึ้นแท่นมียอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 มากที่สุด ณ วันที่ 1 เมษายน อยู่ที่ 42,354 ราย
ส่วนสหรัฐอเมริกามียอดผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุดที่จำนวน 189,633 ราย พากันแซงจีนที่มียอดผู้เสียชีวิตในวันดังกล่าวอยู่ที่ 3,305 ราย อยู่อันดับ 4 ของโลก และมียอดผู้ติดเชื้อสะสมที่ 82,301 ราย รั้งอันดับ 4 อยู่เช่นกัน
ส่วนเกาหลีใต้ที่จะกล่าวถึง ซึ่งเป็นชาติแรกๆ ที่เผชิญสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 หนักหนาเอาการ หลังจากที่เริ่มพบการระบาดในจีนได้เพียงไม่นาน
ซึ่ง ณ วันที่ 1 เมษายน เกาหลีใต้ยังมียอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่เพียง 165 ราย
ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 9,887 ราย ซึ่งถือว่ามีระดับการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตยังต่ำกว่าอยู่มากเมื่อเทียบเคียงกับชาติอื่นๆ นับจากที่มีการพบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ
สิ่งนี้อาจสะท้อนภาพในมิติของการรับมือได้อย่างดีต่อปัญหาวิกฤตโรคระบาดนี้ของเกาหลีใต้ ที่ยังได้รับเสียงชื่นชมจากทีโดรส อัดฮานอม กีเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก
ถึงขั้นแนะให้ชาติอื่นที่ประสบปัญหานี้อยู่ยึดเอาเป็นโมเดลมาปรับใช้ในการต่อสู้รับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศตนเอง
เมื่อไม่กี่วันนี้ก็มีเสียงขานรับมาจากชาติหนึ่งแล้วคือเยอรมนี ที่แม้เยอรมนียังมีอัตราการเสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 ในระดับต่ำ ที่ราว 775 ราย แต่มียอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นอยู่ที่ราว 71,808 ราย รั้งอันดับ 5 ของโลก โดยมีรายงานอ้างอิงจากเอกสารทางราชการภายในกระทรวงมหาดไทยของเยอรมนีที่หลุดออกมาถึงมือสื่อมวลชนหลายสำนักบอกว่ารัฐบาลเยอรมนีภายใต้การนำของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรี กำลังจะหยิบยืมโมเดลการต่อสู้ไวรัสโควิด-19 ของเกาหลีใต้มาปรับใช้
หนึ่งในมาตรการนั้นคือการพุ่งเป้าระดมตรวจหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยงที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น และการแยกกักโรคเพื่อทำลายห่วงโซ่การติดต่อแพร่เชื้อตั้งแต่เนิ่นๆ
โดยจากที่ขณะนี้เยอรมนีมีอัตราการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ที่ 300,000-500,000 รายต่อสัปดาห์ ซึ่งก็ถือเป็นอัตราการตรวจหาเชื้อที่มากกว่าชาติอื่นในยุโรปด้วยกันแล้ว
แต่หลังจากศึกษานโยบาย “ติดตาม ตรวจเชื้อ และรักษา” ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์การรับมือโรคโควิด-19 ของเกาหลีใต้ รัฐบาลแมร์เคิลก็ได้ตั้งเป้าที่จะตรวจหาเชื้อต่อกลุ่มเป้าหมายให้ได้อย่างน้อย 200,000 รายต่อวัน
และยังตั้งเป้าจะตรวจหาเชื้อกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่อาจติดเชื้อทั้งหมด ตลอดจนผู้ใกล้ชิดที่ได้ติดต่อสัมผัสกับผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยัน
จากปัจจุบันที่เยอรมนีใช้เกณฑ์ตรวจหาเชื้อที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้ที่แสดงอาการของโรคโควิด-19 และผู้ที่ได้ติดต่อสัมผัสกับผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยัน
หากเจาะดูยุทธศาสตร์ของเกาหลีใต้ที่ถือว่าประสบผลสำเร็จในการต่อสู้ควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยไม่ต้องใช้ยาขนานแรงอย่างมาตรการล็อกดาวน์ปิดเมืองปิดประเทศอย่างที่จีนและอีกหลายประเทศทำ ดังที่กล่าวมามี 3 หลักใหญ่คือ ติดตาม ตรวจเชื้อ และรักษา (trace, test and treat)
ซึ่งในการติดตามสืบหาผู้ติดเชื้อ เกาหลีใต้ก็ได้ใช้ข้อมูลการใช้งานโทรศัพท์มือถือ กล้องวงจรปิดและการทำธุรกรรมผ่านบัตรเครดิตมาเป็นเครื่องมือในการติดตามตัวผู้ต้องสงสัยอาจติดเชื้อและสามารถควบคุมการแพร่เชื้อได้
ขณะที่การตรวจเชื้อ เกาหลีใต้มุ่งมั่นตรวจหาเชื้อกลุ่มที่อยู่ในวงจรความเสี่ยงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ที่แสดงอาการของโรคแล้ว กลุ่มผู้ที่ใกล้ชิดหรือติดต่อสัมผัสกับกลุ่มผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันแล้ว รวมถึงวงจรกลุ่มผู้ต้องสงสัยอื่นๆ ที่ไม่แสดงอาการของโรค
ข้อมูลจากเว็บไซต์ Worldometer ระบุว่า เบื้องหลังความสำเร็จของเกาหลีใต้ในขณะนี้คือการมีโครงการตรวจเชื้อที่แผ่ขยายครอบคลุมและมีการจัดการที่ดี ที่ดำเนินไปพร้อมกับการแยกกักโรคผู้ติดเชื้อ และการติดตามพร้อมกับการสั่งกักตนเองในกลุ่มผู้ที่ติดต่อสัมผัสกับผู้ติดเชื้อแล้ว
โดยขณะนี้เกาหลีใต้ได้มีการตรวจหาเชื้อไวรัสในชาวเกาหลีใต้ไปแล้วมากกว่า 270,000 ราย หรือเทียบเคียงเป็นสัดส่วนการตรวจหาเชื้อมากกว่า 5,200 ครั้งต่อประชากร 1 ล้านคน ซึ่งมากกว่าประเทศใดๆ ยกเว้นบาห์เรนที่เป็นประเทศเล็กๆ
ส่วนการรักษาก็เป็นหน้าที่ของบุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในการหาทางรักษากลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อไป
อีกเคล็ดลับความสำเร็จในแผนยุทธศาสตร์รับมือกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้ของเกาหลีใต้คือ การดำเนินการเชิงรุกและลงมือทำอย่างเร่งด่วนตั้งแต่เนิ่นๆ ในความพยายามที่จะตัดไฟให้ได้ตั้งแต่ต้นลม ซึ่งจะสามารถควบคุมการลุกลามระบาดไปมากกว่าที่จะเป็นได้
ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีเมื่อเร็วๆ นี้ของคัง คยอง ฮวา รัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีใต้ บอกว่าบทเรียนสำคัญจากเกาหลีใต้ก็คือ เกาหลีใต้พัฒนาชุดตรวจเชื้อไวรัสมาก่อนที่จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแล้ว
โดยราวกลางเดือนมกราคม เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยในการพัฒนาชุดตรวจหาเชื้อ ก่อนจะแบ่งปันข้อมูลผลวิจัยนี้ให้กับบริษัทผู้ผลิตยาและเครื่องเวชภัณฑ์เพื่อทำการผลิตสารเคมีและชุดตรวจเชื้อที่จำเป็นเพื่อนำมาใช้การตรวจหาเชื้อ ที่มีความต้องการอย่างมากในเวลาต่อมา
รัฐมนตรีหญิงของเกาหลีใต้ยังเน้นย้ำทิ้งท้ายว่า “การตรวจเชื้อ” เป็นหัวใจสำคัญในการตอบสนองต่อสถานการณ์ระบาด เพราะนั่นนำไปสู่การสืบสวนโรคได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งยังช่วยสกัดการลุกลามระบาดไปมากกว่านี้ และยังทำให้บุคลากรทางการแพทย์แยกกักและรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสได้อย่างรวดเร็วทันท่วงที
โมเดลนี้อาจเป็นแนวทางที่ตอบโจทย์การต่อสู้กับสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 สำหรับเกาหลีใต้ ที่มีประสบการณ์รับมือกับโรคระบาดเลวร้ายอย่างโรคเมอร์สในปี 2015 มาแล้ว แต่โมเดลนี้จะเหมาะสมลงตัวกับชาติอื่นอย่างเยอรมนีที่มีประเด็นอ่อนไหวในข้อกฎหมายเรื่องสิทธิส่วนบุคคลด้วยหรือไม่ ก็ต้องลองดู
วิภา เจริญศักดิ์ ไม่รู้จะฟังทางไหน
05 เม.ย. 2563 เวลา 05.09 น.
วิภา เจริญศักดิ์ ตอนนี้เครียดจริงๆจ้ะ
05 เม.ย. 2563 เวลา 05.06 น.
suntharee เขียนข่าวโคตรมั่ว ตัวเลขคนติดเชื้อไปหามาใหม่นะ!
05 เม.ย. 2563 เวลา 05.06 น.
zenkohan คนเป็นแสนเขายังตรวจเชื้อได้ บ้านเราคนเดินทางเข้าประเทศแค่163คนยังจัดการกักตัวไว้ตรวจเชื้อไม่ได้เลย
05 เม.ย. 2563 เวลา 03.42 น.
Tee ไอ้พวกที่มโนว่าคนไทยติดเชื้อเยอะ คนอนาคตใหม่อยู่ในสาธารณสุขเยอะมาก ถ้าโกหกตัวเลขการตายเขาก็เอาออกมาแฉแล้ว ไหนจะเมรุไม่พอเผาศพอีก
05 เม.ย. 2563 เวลา 03.05 น.
ดูทั้งหมด