Tesco ยักษ์ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของแดนผู้ดี และมีอายุกว่า 100 ปี ได้ออกมาส่งสัญญาณยกธงขาว โดยได้เริ่มจากการทบทวนธุรกิจในเอเชียที่เหลืออยู่ ซึ่งอาจส่งผลให้ธุรกิจไทยและมาเลเซีย
แถลงการณ์ที่ออกมาในวันอาทิตย์ได้ระบุว่า เทสโก้ยืนยันว่า ยังคงสนใจธุรกิจในต่างประเทศ แต่บริษัทได้เริ่มทบทวนตัวเลือกเชิงกลยุทธ์สำหรับธุรกิจในประเทศไทยและมาเลเซีย รวมถึงการประเมินความเป็นไปได้ที่จะมีการขายธุรกิจเหล่านี้
ขณะนี้การตรวจสอบอยู่ในช่วงเริ่มต้น และไม่ได้ให้รายละเอียดของกระบวนการขาย รวมถึงยังไม่มีการตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของเทสโก้ไทยหรือมาเลเซีย และไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะมีการทำธุรกรรมใดๆ เกิดขึ้น
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เทสโก้ระบุว่า ตลาดในเอเชียยังเติบโตได้ดี โดยเทสโก้มี 1,967 สาขาในประเทศไทย และ 74 สาขาในมาเลเซีย ในช่วง 6 เดือน ถึงวันที่ 24 สิงหาคม มียอดขายได้ 2.6 พันล้านปอนด์ หรือราว 1.03 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% หากนับตามอัตราแลกเปลี่ยนคงที่และกำไรจากการดำเนินงาน 171 ล้านปอนด์ ประมาณ 6.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.3%
ปัจจุบันยักษ์ใหญ่รายนี้อยู่ภายใต้แผนฟื้นฟูกิจการในระยะ 5 ปี หลังก่อนหน้านี้เรื่องอื้อฉาวทางบัญชีได้กระทบยอดขายที่ชะลอตัวลงอย่างมาก โดยอยู่ภายใต้การนำของประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ เดวิส ลูอิส ซึ่งเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เขาเพิ่งออกมาประกาศว่า เตรียมลงจากตำแหน่งในช่วงฤดูร้อนปีหน้า
ภายใต้การนำของแม่ทัพคนใหม่ที่เน้นทำธุรกิจในบ้านเกิดเป็นหลัก โดยใช้เงินเกือบ 4 พันล้านปอนด์ ในการเข้าซื้อกิจการผู้ค้าส่ง Booker ส่วนในประเทศอื่นๆ ก็ขายกิจการออกไปเรื่อยๆ อย่างในปี 2015 ได้ขายธุรกิจในเกาหลีใต้ให้กับกลุ่ม MBK Partners มูลค่า 6.1 พันล้านดอลลาร์ 1 ปีต่อมา ได้ขายธุรกิจ Kipa ในตุรกีให้แก่ Migros ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ
จะว่าไป ข่าวการขายกิจการในไทยมีมาเป็นระยะในช่วง 1-2 ปีมานี้ ก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎาคม สมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานกรรมการบริหาร เทสโก้ โลตัส ได้ยืนยันว่า “กลุ่มเทสโก้มุ่งมั่นที่จะลงทุนอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ซึ่งเป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดรองจากในสหราชอาณาจักร” แต่ขณะเดียวกันก็ต้องปรับเปลี่ยนธุรกิจให้เป็นไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภค
โดยได้ปรับโฉมใหม่ของเทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส ภายใต้คอนเซปต์ ‘สด ง่าย และตอบโจทย์ชีวิตประจำวัน’ โดยวางแผนการเดินหน้าเปิดร้านเอ็กซ์เพรสรูปแบบใหม่เพิ่มอีก 750 สาขา ภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า
ขณะเดียวกันก็ได้ปรับร้านในรูปแบบอื่นๆ ด้วย เช่น ปรับเปลี่ยนพื้นที่จำหน่ายสินค้าภายในพื้นที่ไฮเปอร์มาร์เก็ต เพื่อให้การจับจ่ายเป็นไปด้วยความสะดวกมากขึ้น การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ เพื่อช่วยให้การช้อปปิ้งและชำระเงินง่ายขึ้น รวมไปถึงการเชื่อมต่อทุกช่องทางผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลให้เป็น Omni-Channel
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
Bovy🔇 CP เตรียมฮุบซิคับรอไร รัฐบาลสนับสนุน CP อยู่แล้ว
09 ธ.ค. 2562 เวลา 03.17 น.
catty ถ้าค่าเเรงขึ้น425 ตกงานกันเละเทะแน่ กุว่า
09 ธ.ค. 2562 เวลา 03.31 น.
JoneJaiDee เศรษฐกิจไทยกำลังเติบโต ประชาชนอยู่ดีกินดี ... ใช่ไหม
09 ธ.ค. 2562 เวลา 04.01 น.
รอก่อนๆรัฐบาลกำลังจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำยุ
09 ธ.ค. 2562 เวลา 03.53 น.
somporn จะเลิกไม่เลิกก็มีคนรวยอยู่ไม่กี่คนนอกนั้นตายเรียบตกงานเป็นแถวๆแน่คราวนี้
09 ธ.ค. 2562 เวลา 03.34 น.
ดูทั้งหมด