เมื่อวันที่ 17 ส.ค.61 นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่าที่ประชุมได้รับทราบรายงานสัดส่วนสำหรับใช้เป็นกรอบวินัยในการมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐดำเนินงาน ซึ่งรัฐบาลรับภาระที่จะชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้โดยกำหนดอัตราการชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ของหน่วยงานของรัฐในการดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายต้องมียอดคงค้างรวมกันไม่เกินอัตรา 30% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยปัจจุบันรัฐบาลมีภาระสะสมในส่วนนี้แล้วถึงประมาณ 8 แสนล้านบาท เหลืออีกเพียง 1 หมื่นล้านบาทเศษ จะเต็มเพดานงบประมาณตามกฎหมาย
ทั้งนี้ กรอบวงเงินดังกล่าวได้รวมเอาภาระหนี้และผลการขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวประมาณ 5 แสนล้านบาท ที่เหลือเป็นโครงการอื่นๆที่รัฐบาลดำเนินการและจะมีภาระรายจ่ายผู้พันในอนาคตได้แก่ โครงการค้ำประกันหนี้ให้กับเอสเอ็มอี โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรที่ภาครัฐต้องชดเชยดอกเบี้ย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อเริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ในวันที่ 1 ต.ค. 2561 ซึ่งรัฐบาลมีการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีมากขึ้น เป็น 3 ล้านล้านบาท และมีการตั้งงบประมาณในการจ่ายชำระหนี้เงินต้น จะทำให้กรอบวงเงินงบประมาณในส่วนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 1.2 แสนล้านบาท
P a n d o r a เข้าใจว่า ทำไมต้องดันตัวเลข จีดีพีให้สูงขึ้นทุกปี ดันตัวเลขงบประมาณ ขาดดุลย์แบบมโหฬารบานตะไท ขึ้นทุกปี เพราะกระเป๋าฉีก ยอมรับมาเถอะ หนี้สาธารณะ ตัวเลขเท่าไหร่
ตัวเลขแท้จริง ของโครงการรับจำนำข้าว ยังไม่มีปัญญา ปิดตัวเลขชัดๆ อย่ามาพูดเรื่องอื่น เหม็นลมปาก
18 ส.ค. 2561 เวลา 11.47 น.
พิสิษฐ์ พัฒน์ธนมงคล ตั้งใจดึงเกมล์. ทำให้เสียหาย เวรจริงฯ
18 ส.ค. 2561 เวลา 03.59 น.
Rangsan Krab ถ้าเป็นมวยบริหารสต็อคข้าวสมัยยิ่งลักษณ์ขายไปได้ปานนี้หนี้สินก็ไม่เยอะแบบนี้ ส่วนตดีความก็ทำไป แต่นี้จงใจหรือเปล่าให้ข้าวเสียหาย แล้วใครต้องรับผิดชอบ
เหมือนถ้าตีกันไม่ต้องเลือกตั้งแล้วขยิบตาให้พรรคพวกออกมาก่อกวนจะได้มีเหตุให้อ้างได้
เอ่หรือเราคิดในแง่ร้ายเกินไปกับตู่ .....ขอโทด
18 ส.ค. 2561 เวลา 02.14 น.
ดูทั้งหมด