ไอที ธุรกิจ

5 ยุคสมัย ที่เราอยากเห็นใน Assassin’s Creed ภาคต่อไป

GamingDose
เผยแพร่ 09 ต.ค. 2561 เวลา 09.08 น. • GamingDose - ข่าวเกม รีวิวเกม บทความเกมจากเกมเมอร์ตัวจริง

เมื่อพูดถึงซีรี่ย์เกมนักฆ่า Assassin Creed เราอาจจะนึกถึง ลีลาการปีนป่ายแบบฟรีสไตล์ ท่วงท่าลอบเร้น หรือการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความดุเดือนเลือดพล่าน แต่สิ่งที่เป็นซิกเนเจอร์ของ Assassin’s Creed นอกจากจะเป็นเรื่องที่กล่าวมาแล้วนั้น ยังเป็นเรื่องของเรื่องราวที่มักผูกโยงกับยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ไม่ว่าช่วงใดก็ช่วงหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะทำให้เราสนุกไปกับเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นแล้ว เรายังได้รับความรู้จากเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทางประวัติศาสตร์ด้วย

ที่ผ่านมาเราได้เห็นนักฆ่าของเราโลดแล่นผ่านยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ต่าง ๆ เช่น ช่วงปฎิวัติฝรั่งเศส (Assassin’s Creed Unity) ช่วงวิคตอเรียน (Assassin’s Creed Syndicate) อิตาลียุคเรอเนซองส์ (Assassin’s Creed II, Brotherhood, Revelations) ยุคล่าอาณานิคม (Assassin’s Creed III, Black Flag, Freedom Cry, Rogue) ยุคราชอาณาจักรทอเลมีอียิปต์โบราณ (Assassin’s Creed Origins) ฯลฯ 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

โดยภาคล่าสุด เราก็ได้เห็นภราดรนักฆ่าเรา เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์โบราณอีกครั้งในยุคสงครามเพโลโพนิเชียน ใน Assassin’s Creed Odyssey แม้ว่าจะครอบคลุมหลายยุคหลายสมัยแล้ว แต่ด้วยความที่เกมนี้ประสบความสำเร็จในทุก ๆ ภาคจริง ๆ จึงมีแฟน ๆ เหนียวแน่นอยู่ทั่วโลก และก็มีหลายคนเรียกร้องให้หยิบเรื่องราวในประวัติศาสตร์ในยุคสมัยโน้นสมัยนี้มาเป็นพล็อต วันนี้เราจึงอยากนำเสนอยุคสมัยที่ผมอยากเห็นภราดรนักฆ่าของเราเข้าไปป่วนบ้าง

ยุคไวกิ้ง (ดินแดนในแถบสแกนดิเนเวีย)

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ถ้าพูดถึงนักรบที่เลือดเย็นและแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคเก่าของยุโรปตอนเหนือ คงหนีไม่พ้นชาวไวกิ้ง ไวกิ้งเป็นชนเผ่าแถบสแกนดิเนเวียที่มีใช้เรือเป็นพาหนะหลักในการเดินทาง (ที่มาของเรือไวกิ้ง) พวกเขารบพุ่งเพื่อแย่งดินแดนอยู่ตลอดเวลา โดยมีขวานและค้อนเป็นอาวุธ (ธอร์ก็เป็นเทพเจ้าของชาวไวกิ้ง) ชาวไวกิ้งเคยแผ่ขยายอาณาจักรไปไกลถึงแคนาดาในฝั่งตะวันตกและทั่วทั้งยุโรปตอนเหนือ ความเป็นนักรบในตำนานของชาวไวกิ้ง ทำให้ Ubisoft จับมันมาเป็นชนเผ่าหลักในเกมต่อสู้อย่าง For Honor มาแล้วด้วย และถ้าภราดรนักรบของเราได้เข้ามาอยู่ในยุคนี้ด้วยล่ะก็ คงเป็นอะไรที่ดุเดือดเลือดพล่านไม่เบาเลยทีเดียว

ยุคเอโดะ (ประเทศญี่ปุ่น)

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ซีรี่ย์ Assassin’s Creed มักชอบเล่นกับยุคสมัยที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และสมัยเอโดะนี่เองน่าจะเป็นสมัยที่เหมาะที่สุดในการทำซีรี่ย์ภราดรนักฆ่าที่มีฉากหลังเป็นประเทศญี่ปุ่น ยุคเอโดะเคยป็นยุคที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดยุคหนึ่ง แต่พอตอนปลายยุคก็เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อญี่ปุ่นตัดสินใจเปิดประเทศจากการรับรู้ถึงวิทยาการตะวันตก ผ่านการปิดอ่าวของเรือรบสมัยใหม่จากประเทศสหรัฐอเมริกา ทำให้ประเทศเปลี่ยนไปอย่างมาก และเมื่อพูดถึงญี่ปุ่นแล้วล่ะก็ คงหนีไม่พ้น นักรบซามูไรที่เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง จงรักภักดี และมีวินัย เหมือนกับนักรบไวกิ้งใน For Honor ก็มีซามูไรเป็นเผ่านักรบหลักเช่นเดียวกัน ได้แต่หวังว่าเราจะได้เห็นนักฆ่าของเรา (ที่ทำตัวเหมือนนินจา) ไปฝึกวิชาซามูไรก็ได้

ยุคทองของอิสลาม (อาณาเคาะลีฟะฮ์อับบาซียะฮ์)

ยุคทองของอิสลาม (Islamic Golden Age) เป็นอีกยุคนึงที่เราน่าจะได้เห็นความสวยงามของสถาปัตยกรรมอันงดงามหรูหรา ช่วงยุคทองของอิสลามเริ่มต้นขึ้นในช่วงปี ค.ศ.780 จนถึงศตวรรษที่ 13 ความรู้ด้านต่าง ๆ ถูกสะสมไว้ที่นี่ไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วรรณกรรม ปรัชญา ศิลปะ ฯลฯ โดยเฉพาะในกรุงแบกแดด แต่ก็ยังมีความขัดแย้งระหว่างฝ่ายที่ก้าวหน้ากับฝ่ายที่ใฝ่ศาสนาเพียงอย่างเดียวซึ่งเห็นว่าวัฒนธรรมกับคำสั่งสอนของศาสนามีความสำคัญกว่าความรู้และสันติภาพ ฟังดูคล้าย ๆ ความขัดแย้งระหว่างเหล่า Assassins กับ Templar เลย

การปฎิวัติรัสเซีย (สหภาพโซเวียต)

แม้ว่า Assassin’s creed จะเคยทำ Assassin’s Creed Chronicles: Russia มาแล้วซึ่งมีช่วงปฎิวัติรัสเซียเป็นฉากหลัง แต่ก็เป็นเพียงเกมเล็ก ๆ ที่ต่างจากซีรี่ย์ใหญ่ของ Assassin’s Creed และกระแสตอบรับก็ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก สิ่งที่เราอยากเห็นคือภาพของกรุงมอสโกที่มีสงครามกลางเมือง และการปฎิวัติเกิดขึ้น การเปลี่ยนผ่านจากระบอบกษัตริย์ของรัสเซียไปสู่รัฐบาลคอมมิวนิสต์ ที่มีเหล่าภราดรนักฆ่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง คงน่าตื่นเต้นไม่น้อยเลยทีเดียว

สมัยอยุธยา (อาณาจักรอยุธยา)

แม้ว่าจะไม่ได้มีส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์โลกมากนัก แต่อยุธยาก็เคยเป็นเมืองที่ร่ำรวยและเป็นเมืองท่าที่สำคัญที่สุดเมืองหนึ่งในเอเชียตะวันออก อาณาจักรอยุธยาเปิดการค้าขายกับหลากหลายประเทศทั่วโลก และอยุธยาก็เปิดให้ชุมชนจากหลายประเทศก็เข้ามาตั้งรกรากในกำแพงเมือง อาณาจักรอยุธยาแผ่ขยายไปถึงแหลมมาลายู ล้านนา พม่า และเขมร แต่ภายในอาณาจักรอยุธยาเองก็มีความวุ่นวายกันตลอดเวลาเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นจากการรบหรือการแย่งชิงราชบัลลังก์กันเอง คงน่าสนใจไม่น้อยที่เราจะได้ย้อนอดีตไปเล่นเป็นแม่การะเกด เอ้ย! นักฆ่าในสมัยอยุธยา แต่ถ้ามีจริง ๆ เผลอ ๆ จะโดนแบนก่อนจะได้เล่นหรือเปล่าน่ะสิ เรายิ่งเซนซิทีฟกันอยู่ด้วย

แม้ว่าจะยังไม่มีข้อมูลว่าเราจะได้เห็นภราดรนักฆ่าไปป่วนที่ไหนอีก แต่เราก็เชื่อว่า Assassin’s Creed ภาคต่อ ๆ ไป จะทำให้เราได้เห็นสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมฉากสุดอลังการและเกร็ดประวัติศาสตร์สุดน่าทึ่งเหมือนที่ทุกภาคทำมาอย่างแน่นอน

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 1
  • soul under coffin
    มีภาพจาก FOR HORNOR ด้วยข่าวนี้
    10 ต.ค. 2561 เวลา 10.30 น.
ดูทั้งหมด