น้ำตาจุกอก! “แม่ติดคุก”ลูกสาวถาม“เมื่อไหร่? แม่จะออกจากสวนสัตว์”
"ปิ๋ม" (นามสมมติ) หญิงวัย 48 ผู้อยู่ในบทบาทของการเป็นแม่ เธอตั้งครรภ์และให้กำเนิดลูกสาว ในเมื่อคราวที่เธออายุได้ 35 ปี แต่แล้วเหตุการณ์กลับพลิกผัน จากก้าวที่ผิดพลาดของตัวเธอเอง
ก้าวที่พลาด
หลังจากคลอดได้ 9 เดือน ปิ๋มผู้อยู่บ้านเลี้ยงลูกและไม่มีรายได้เริ่มมองหาช่องทางที่จะช่วยหาเงินเข้ามาจุนเจือครอบครัว ด้วยการเป็นคนรับฝากยาเสพติด เธอเล่าว่า “เพื่อนมาฝากไว้แล้วก็มีคนมาเอาของเราได้ค่าจ้างวันละ500 บาทเรารู้สึกว่าว่าเราไม่ได้ขายเราแค่รับฝากทำไปได้ไม่ถึงอาทิตย์ก็โดนล่อซื้อถูกจับทั้งๆที่ยังไม่ได้รับค่าจ้างเลยสักบาท” ปิ๋มพยายามสู้คดีอย่างสุดกำลัง ทว่าสุดท้ายแล้ว ศาลตัดสินให้เธอต้องรับโทษทัณฑ์ ยาวนานถึง 5 ปี ระหว่าง พ.ศ. 2548 – 2553
ห่าง…แค่ตะรางกั้น
วันแรกที่เธอถูกจับกุมและต้องนอนอยู่ในห้องขังของสถานีตำรวจ สถานะของความเป็นแม่ที่ถูกจองจำได้เริ่มขึ้น “ลูกไม่ยอมกินนมใส่ขวดและก็ร้องไห้ไม่หยุดเลยจนคนที่บ้านต้องอุ้มมาถึงโรงพักปรากฏว่าตำรวจไม่ยอมเราก็ได้แต่มองร้องไห้สงสารลูกมันรู้สึกว่าเราอยู่ใกล้กันแค่นี้แต่ทำอะไรไม่ได้คิดขึ้นมาทีไรก็เสียใจว่าเราทำสิ่งที่ไม่ถูกทำให้ลูกต้องเป็นอย่างนี้” ปิ๋มปล่อยโฮทันทีที่เรื่องราวสะกิดแผลใจขึ้นมาอีกครั้ง
ทุกข์ล้นอก
ในฐานะของคนเป็นแม่ ย่อมห่วงหาอาทรลูกน้อยเป็นธรรมดา ทว่าความผิดครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ปิ๋มรู้สึกว่าเป็นบาปครั้งใหญ่ จนไม่อยากให้อภัยตัวเอง “ไปอยู่เรือนจำวันแรกมันเป็นอะไรที่ทรมานใจจะขาดมันเหมือนจะตายยิ่งห้องแรกรับ(ห้องแรกรับผู้ต้องขัง) อยู่ติดกับห้องเด็กอ่อน(ห้องเลี้ยงเด็กสำหรับผู้ต้องขังที่มีลูกติดท้องในคุก) เราก็ได้ยินเสียงเด็กร้องทั้งคืนน้ำนมมันก็คัดความรู้สึกมันถาโถมจนบอกไม่ถูกรู้สึกผิดต่อลูกรู้สึกผิดที่เห็นแก่เงินยิ่งมารู้ทีหลังว่าลูกไม่ยอมกินนมเลยก็ยิ่งรู้สึกผิดคนในบ้านไม่อยากให้เราห่วงก็เลยไม่ได้เล่าให้เราฟังสุดท้ายต้องอุ้มไปให้กินนมแม่ลูกอ่อนที่อยู่ข้างบ้าน”
รักล้นคุก
วันเวลาที่ผ่านพ้น ลูกน้อยเริ่มเติบโต ท่ามกลางความเอาใจใส่ของคนในครอบครัวที่ยังเหลืออยู่ ลูกสาวตัวน้อยก็หมั่นมาเยี่ยมแม่มิได้ขาด ปิ๋มเล่าว่า “ตอนเล็กๆที่เริ่มพูดได้เขามาเยี่ยมเขาก็จะถามว่าเมื่อไหร่แม่จะออกจากสวนสัตว์เมื่อไหร่แม่จะออกจากกรงเราก็เสียใจว่าเราไม่ได้อยู่ดูแลเขาอยู่เป็นเพื่อนเขาหรือช่วยเขาแก้ปัญหาต่างๆที่เขาต้องเจอ”
“มีครั้งหนึ่งเรานอนไม่หลับเพราะคิดถึงลูกก็มีป้าคนหนึ่งที่เป็นผู้ต้องขังเหมือนกันพูดเตือนสติเราว่าเอ็งต้องนอนเอ็งอย่าเป็นอย่างนี้นะเอ็งต้องสู้จะได้กลับไปหาลูกเราก็สู้”
เสรีภาพใหม่
ปิ๋ม ในเสื้อตัวใหม่ที่เพื่อนผู้ต้องขังตัดให้ และชุดกางเกงสามส่วน เดินออกจากคุก พร้อมอิสระภาพครั้งใหม่ในชีวิต สิ่งแรกที่เธอเลือกทำคือ การกอดลูก เธอเล่าถึงความดีใจในครั้งนั้นว่า “เรากอดลูกหอมลูกลูกบอกกับเราว่าแม่ไม่ต้องไปอีกแล้วนะอยู่กับหนูนะแล้วลูกก็วิ่งใปบอกใครๆว่าแม่หนูกลับมาแล้วนะแม่หนูกลับมาแล้ว”
วันนี้ของแม่…แคร์แต่ลูก
ปิ๋มในปัจจุบันเป็นคุณแม่ที่น่ารักของลูกวัยมัธยมต้น และเป็นพนักงานฝ่ายผลิต ของมูลนิธิ ณภาฯ ในพระดำริ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ที่ให้ความช่วยเหลือชุบชีวิตให้อดีตผู้ต้องขังกลับมายิ้มได้อีกครั้ง เมื่อถามว่าเธอและลูกสาวรับมือกับการถูกสังคมล้อเลียนและเหยียดหยามในฐานะอดีตนักโทษอย่างไร เธอกล่าวว่า “ไม่ได้สนใจเราแคร์แต่ลูกแคร์ว่าลูกคิดยังไงและลูกก็บอกว่าไม่ต้องสนใจใครจะพูดอะไรก็พูดไปเรารู้ว่าเราเป็นยังไงก็พอ”
Rainnie 🌧 เป็นกำลังใจให้นะคะ ดีใจด้วยที่มีวันดีๆกลับคืนมา และเริ่มต้นใหม่ในทางที่ถูกต้อง เรียนรู้ความผิดพลาดแล้วไม่กลับไปทำผิดอีก ขอให้มีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นต่อๆไปนะคะ
12 ส.ค. 2561 เวลา 15.45 น.
€¥£ อย่าคิดว่าเราทำแค่นั้น แค่นี้... ไม่ผิดมั้งนะ เพราะบนความเป็นจริง เรากำลังอยู่ร่วมในขบวนการ ไม่ว่าจะตรงๆ หรือแค่เฉียดๆก็ตาม เราทำให้ยานรกไปถึงมือต่อไปนั่นละ เรากำลังทำผิด
ผลกระทบมากที่สุดคือคนในครอบครัว เมื่อเกิดคดีความ มันจะลำบากยากแค้นยิ่งกว่าความลำบากที่คุณคิดว่ามันแย่สุดแล้วเสียอีก ดังนั้น ตั้งสติให้ดีๆก่อนเอาตัวไปพัวพันกับมัน
12 ส.ค. 2561 เวลา 15.42 น.
เจ๊แก้ว👩🍳 ขอให้มีชีวิตใหม่ที่ดีดีนะคะ
สู้สู้ค่ะ....
12 ส.ค. 2561 เวลา 16.39 น.
อย่าซ้ำเติมคนที่เคยทำผิดสิค่ะ
12 ส.ค. 2561 เวลา 16.03 น.
Thongchai👨👩👧 ชีวิต....คงเป็นเวรกรรม ขอให้สู้ และกลับตัวนะครับ
12 ส.ค. 2561 เวลา 15.43 น.
ดูทั้งหมด