เปิดเส้นทาง ‘ยักยอก’ ลูกจ้างจังหวัดโกง 40 ล้าน
กลายเป็นประเด็นร้อนที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต กรณี น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 28 ปี พนักงานราชการตำแหน่งพนักงานการเงินและบัญชี สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
สารภาพว่ากระทำความผิดยักยอกงบประมาณแผ่นดินกว่า 39.2 ล้านบาท ไปเล่นการพนันออนไลน์ โดยนับกระทำความผิดรวม 166 ครั้ง ด้วยการเบิกจ่ายงบประมาณในระบบการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ GFMIS พร้อมปลอมลายมือชื่อผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเช็คของธนาคารกรุงไทย สาขาประจวบคีรีขันธ์
การทุจริตเกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เมษายน 2562 ก่อนจะพบพิรุธการโกงในวันที่ 17 มิถุนายน 2563 หลังจากสำนักงานจังหวัดได้รับแจ้งจากธนาคารกรุงไทยว่าเจอเช็คเด้งจากการสั่งจ่ายเงินจำนวน 1.2 แสนบาท ให้กับ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลความปลอดภัยในงานกาชาดจังหวัด
ต่อมามีการขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ทางราชการได้อายัดเงินคืนได้เพียง 7 แสนกว่าบาท พร้อมสั่งให้ออกจากราชการ
ล่าสุด น.ส.ขนิษฐา ถูกควบคุมตัวในเรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ผัดแรก 12 วัน
เมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินจากระบบออนไลน์พบว่ามีการโอนเงิน 33.9 ล้านบาท เข้าบัญชีมารดาที่ ธ.ก.ส.สาขาประจวบฯ เพื่อให้เป็นตัวแทนในระบบหลักผู้ขาย จากนั้นมีการกรอกข้อมูลผ่านแบบขออนุมัติข้อมูลหลักผู้ขาย ปลอมลายมือชื่อของผู้มีอำนาจ เพื่อนำไปสร้างข้อมูลหลักผู้ขายและสั่งจ่ายเงินตรงเข้าบัญชีที่กรอกไว้ตามแบบอนุมัติข้อมูลหลักผู้ขาย
นอกจากนั้น มีการโอนเงินเข้าบัญชีญาติอีกหลายรายและกระจายเงินไปมากกว่า 100 บัญชี เพื่อฟอกเงินในเว็บพนันออนไลน์
เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดสมุดบัญชีธนาคารจำนวน 18 เล่ม บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม รวม 22 ใบ สมุดเช็คงบประมาณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ธนาคารกรุงไทยหลายฉบับ ลงลายมือของผู้มีอำนาจสั่งจ่าย โดยไม่กรอกตัวเลขจำนวนเงินและชื่อบุคคลที่สั่งจ่าย รวมมีเช็คสั่งจ่ายหัวหน้าการเงิน จำนวนเงิน 3 แสนบาท จากเช็คงบประมาณจังหวัด
ยังพบว่าสมุดบัญชีบางเล่มการบันทึกรายการเบิกจ่ายผ่านระบบในวันที่ 30 เมษายน 2563 มีเงินถูกโอนเข้าบัญชี 20 รายการ วงเงิน 5.9 ล้านบาท ผู้ต้องหาใช้บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกรุงเทพในการโอนเงินเข้าและถอนไปบัญชีอื่นโดยใช้ระบบอี-แบงก์
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่พบการโอนเงินไปให้เว็บพนันออนไลน์ครั้งเดียว 26 ล้านบาท ลักษณะการฟอกเงิน โดยผู้โอนที่ได้เงินจากการฉ้อโกง ไม่จำเป็นต้องจ่ายหนี้การพนัน แต่สามารถโอนเงินไปฝากไว้เพื่อถอนเงินสดจากบัญชีอื่นในภายหลัง จากนั้นเว็บพนันมีเงื่อนไขหักหัวคิวจากจำนวนเงินฝาก ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อว่าเงินที่ได้จากการยักยอกจะมีการโอนไปใช้หนี้พนันออนไลน์ทั้งหมด และยอมรับว่าการติดตามเงินสดกลับคืนทำได้ยาก เนื่องจากการโอนเงินให้เว็บพนัน จะมีการว่าจ้างบุคคลอื่นเปิดบัญชีเงินฝากต่อเนื่องอีกหลายทอด
หลังพบการทุจริต พัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยมีปลัดจังหวัดทำหน้าที่ประธาน มีกรรมการ 5 ราย แต่พบว่ามีการตั้งบุคคล 3 ราย จากสำนักงานจังหวัดทำหน้าที่ตรวจสอบ จึงถูกทักท้วงเรื่องความเหมาะสม และล่าสุดได้สั่งให้หัวหน้างานการเงินหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวแต่รับเงินเดือนตามปกติ ภายหลังพบว่าเช็คงบประมาณจังหวัดที่สูญหาย 6 ฉบับ ไม่มีการแจ้งความเช็คหาย
ผู้ว่าฯประจวบฯกล่าวว่า การมอบอำนาจให้ลูกจ้างเบิกจ่ายเงินและมอบรหัสผ่านให้เข้าถึงระบบการเบิกจ่ายออนไลน์ เกิดจากผู้มีอำนาจสั่งจ่าย 2 ราย มอบงานให้ปฏิบัติด้วยความไว้วางใจ ปัญหาจึงเกิดจากผู้มีอำนาจในหน่วยงานปล่อยปละละเลย ปล่อยให้ลูกจ้างทำงานโดยพลการ เนื่องจากเห็นว่าเชี่ยวชาญในระบบไอที
“หากผลการสอบสวนพบความบกพร่องของข้าราชการรายใด ก็จะต้องรับผิดทั้งทางวินัยและชดใช้ค่าเสียหายในทางละเมิด” ผู้ว่าฯประจวบคีรีขันธ์กล่าว
ขณะที่ระเบียบกระทรวงการคลัง กำหนดให้หน่วยงานของรัฐต้องเก็บเงินสด สมุดบัญชีธนาคาร และเช็คธนาคาร ไว้ในตู้นิรภัยเก็บเงินในห้องมั่นคงสำหรับระเบียบการเบิกจ่ายงบประมาณ มีผู้รับผิดชอบตามลำดับชั้น ขั้นตอนการปฏิบัติที่ชัดเจน ที่สำคัญสำนักงานจังหวัดมีอำนาจหน้าที่ควบคุมงบประมาณแทบทุกหน่วยงานในจังหวัด
จึงมีคำถามว่า เหตุใดผู้มีอำนาจจึงไม่ควบคุมหรือตรวจสอบเงินงบประมาณให้เป็นไปตามระเบียบวิธีปฏิบัติที่กำหนดไว้
และยังมีหน่วยงานตรวจสอบภายใน ที่มีสายงานขึ้นตรงในการตรวจสอบการใช้จ่ายทุกประเภท แต่ภายในหน่วยงานไม่พบความผิดปกติในระบบการเงินการคลังภาครัฐ
นางสาวอภิสร์ญา พัดเกร็ด ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ป.ป.ช.ให้ความสนใจ เนื่องจากการทุจริตดังกล่าวยอมรับว่าไม่เคยพบเจอที่จังหวัดไหนมาก่อน ป.ป.ช.พร้อมสอบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเฉพาะเส้นทางการโอนเงินที่เชื่อมโยงถึงบุคคลอื่น ผลการสอบสวนทางวินัย หากพบว่ามีข้าราชการรายใดมีความผิดต้องชดใช้ความเสียหายในทางละเมิด
ประดิษฐ์ ยมานันท์ ข้าราชการบำนาญ ชาว อ.บางสะพาน อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก กล่าวว่า การเบิกจ่ายงบประมาณด้วยระบบ GFMIS หลายปีที่ผ่านมา มีความเสี่ยงกับปัญหาการทุจริต
หัวหน้าสำนักงานจังหวัดจึงควรตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณทุกประเภทอย่างต่อเนื่อง
สำหรับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในของจังหวัด มีหน้าที่ตรวจสอบหน่วยงานอื่นในระบบราชการบริหารส่วนภูมิภาค แต่ตรวจไม่พบปัญหาการทุจริตในสำนักงาน ต้องชี้แจงว่าทำหน้าที่อย่างไร ปล่อยให้ลูกจ้างทุจริตนานมาก
ขณะที่ปกติผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องเชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายงบประมาณเข้ามาตรวจสอบตัวเลขอย่างต่อเนื่อง
หลังมีการเสนอข้อมูลการทุจริตงบ 39.2 ล้านบาท ทำให้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนส่วนใหญ่
ไม่เชื่อว่าลูกจ้างจะกระทำความผิดยักยอกเงินได้เพียงรายเดียว และอาจเข้าข่ายการจัดฉากให้เป็นแพะ ส่วนความบกพร่องจากการทุจริตงบ 39.2 ล้านบาท มีผลกระทบกับการพัฒนาจังหวัดหลายด้าน
ทำให้มีข้อสงสัยว่าแนวทางการบริหารราชการแผ่นดินส่วนภูมิภาค ที่มีตัวชี้วัดในการป้องกันการทุจริต การใช้หลักธรรมาภิบาล และการบริหารความโปร่งใสขององค์กร มีการปฏิบัติจริงตามมาตรฐานที่กำหนดหรือไม่
วันนี้ประชาชนต้องการทราบว่า หลังจากนี้บรรดาผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ ควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณทั้งหมด จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร
หากไม่ได้เงินสด 39.2 ล้านบาท จากการโกงของลูกจ้างรายนี้กลับคืนมา
Krittee C. ติดคุกไม่กี่ปีก็ได้ออกมาใช้เงินละ
02 ก.ค. 2563 เวลา 08.21 น.
Gu เด็กผี กูว่าต้องมีตัวใหญ่กว่านี้อยู่เบื้องหลังชัว
02 ก.ค. 2563 เวลา 07.16 น.
ปัญญา แจ่มแจ้ง ว่าแต่ท้องถิ่นที่แท้ภูมิภาคและอ่อนด้อยเห้อๆ
02 ก.ค. 2563 เวลา 08.29 น.
ไม่มีไรหลอก แค่เซ็นเช็คทิ้งไว้บนโต๊ะ เฉยๆ ไปใสตัวเลขเอาเองนะจะ 55555 58 58 58
02 ก.ค. 2563 เวลา 09.06 น.
พระจันทร์สีคราม ไม่ลงตัวกันแน่. ไม่งั้นคงไม่หักหลังกัน
02 ก.ค. 2563 เวลา 10.49 น.
ดูทั้งหมด