(ภาพ)แมงมันออกมากินเหยื่อล่อ.
แมงมัน…คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จัก รูปร่างหน้าตาแทบไม่ต่างจากมดแดง เพียงแต่จะมีขนาดใหญ่กว่า ลำตัวมีสีคล้ำๆ ออกไปทางแดงน้ำตาล และทำรังอยู่ใต้ดินใกล้กับจอมปลวก ไม่เหมือนมดแดงที่ทำรังอยู่บนต้นไม้
ฤดูนี้แหละ ชาวบ้านภาคกลางและภาคเหนือที่อาศัยอยู่ตามชายป่าจะพากันแบกจอบเสียมไปขุดหาแมงมันเอามาขาย…ไข่แมงมันราคาแพงลิบลิ่ว ขายเป็นช้อน ช้อนละ 20 บาท แต่ถ้าให้ชั่งกิโล ราคาอยู่ที่ กก.ละ 3,000 บาท
ส่วนแมงมันตัวเมียกับลูกแมงมันที่คั่วแล้ว ตักด้วยถ้วยน้ำจิ้มเล็กๆ ขายกันถ้วยละ 60 บาท กก.ละ 1,000 บาท…แต่แมงมันตัวผู้กลิ่นเหม็นเขียว มีรสขมไม่อร่อย มักใช้เป็นเหยื่อตกเบ็ดปลาช่อน, ปลาสลิด
เพราะแมงมันมีรสชาติอร่อย แถมยังเป็นอาหารตามฤดูกาลที่หายากปีหนึ่งๆจะมีให้รับประทานเพียงครั้งเดียว…เพื่อให้เกษตรกรมีช่องทางหารายได้เพิ่ม รศ.ดร.เดชา วิวัฒน์วิทยา ภาควิชาชีววิทยาป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ศึกษาวิจัยถึงลักษณะถิ่นอาศัยของแมงมัน และต่อยอดสู่การเพาะเลี้ยงแมงมันเป็นอาชีพเสริม
“แมงมันเป็นสัตว์กินแมลง และกินเนื้อสัตว์ จากการศึกษาเราพบว่า แมงมันมักจะทำรังในระยะไม่เกิน 3 เมตรจากจอมปลวก เพื่อจะได้จับปลวกมากินได้สะดวก และชอบจะทำรังในทางทิศใต้ของจอมปลวกมากที่สุด รองลงไปเป็นทิศตะวันตก และตะวันออก ส่วนทิศเหนือพบน้อยมาก เหตุที่เป็นเช่นนี้น่าจะมาจากเป็นแมงที่ไม่ชอบแสงแดดส่อง จึงมักสร้างรังให้มีทางออกมาด้านทิศใต้มากที่สุด”
รศ.เดชา ให้ข้อมูลอีกว่า แมงมันชอบอาศัยอยู่ตามที่ดินที่เป็นที่ดอนน้ำท่วมไม่ถึง ชอบดินแข็งและชอบอยู่ใกล้รากไม้ใหญ่ๆ คล้ายปลวก แต่ไม่ก่อดิน หรือพูนดินขึ้น
และชนิดของดินที่มักพบแมงมัน…เป็นดินเหนียวกับดินร่วนเหนียว ที่ความลึกมากกว่า 10 ซม.
เมื่อขุดพบรังแมงมัน วัดความชื้นของดินภายในรังและรอบๆรังสูงกว่าบริเวณผิวดินมากกว่า 20% ขึ้นไป อุณหภูมิของดินเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 20-30ํ C ความเข้มแสงเฉลี่ย 450.5 LUX
ถ้าเกษตรกรต้องการค้นหาตัวแมงมัน หรือรังแมงมัน สามารถเริ่มต้นด้วยการวางเหยื่อที่เป็นชิ้นเนื้อหรือหมูสด ใส่ถุงตาข่ายแล้วขุดหลุมวางล่อในระดับความลึก 20-30 ซม. ทางด้านทิศใต้ ห่างจากจอมปลวก 2-3 เมตร ตามด้วยทิศตะวันออก-ตะวันตก ห่างจากจอมปลวก 1 เมตร ส่วนทิศเหนือที่ระยะ 2-4 เมตร
หากมีรังอยู่ แมงมันจะพากันเดินออกมาเป็นขบวน เพื่อกินอาหารที่ล่อไว้ ทำให้สามารถตามรอยและขุดไปถึงรังแมงมันได้
ในรอบหนึ่งปี แมงมันจะออกจากรูเฉพาะในเดือนพฤษภาคม หรือเข้าสู่ฤดูฝน เพราะน้ำฝนที่ซึมลงดินทำให้แมงมันอยู่ไม่ได้ จะออกจากรูขึ้นมาอยู่บนผิวดิน และสร้างปีกบินไปผสมพันธุ์กัน ก่อนจะกลับลงดินอีกครั้งในช่วงหน้าหนาว
การศึกษาครั้งนี้…ถือเป็นการเริ่มต้นองค์ความรู้ใหม่ ที่จะนำไปสู่แนวทางการเพาะเลี้ยงแมงมันเป็นอาชีพเสริมให้เกษตรกรต่อไป.
ไชยรัตน์ ส้มฉุน
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
- กัญชา ม.เกษตรฯ โตไว 2 เดือนทำยาได้แล้ว
- กรุงเทพมหานครเตรียมเชิญนักวิชาการหารือ หลังทดลองติดตั้งหอฟอกอากาศ
- ปั้นต้นปาล์มเก่าให้มีค่า แปรรูปส่งขายเยอรมนี
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath
P-NOTT ข้อมูลแน่นมากครับ
20 พ.ย. 2562 เวลา 02.51 น.
อยู่อย่าง พอเพียง วิถีชาวบ้าน หาอยู่หากิน เราหากินกันตั้งแต่ปู่ย่าตายาย หารายได้เลี้ยงชีพ ทำไปไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนใคร
20 พ.ย. 2562 เวลา 02.24 น.
Natthiya ภาพไข่บนใบตองเป็นไข่มดแดง ไม่ใช่ไข่แมงมันค่ะ (ไข่มดแดงออกรี ไข่แมงมันจะกลม) ศึกษา ตรวจสอบ ก่อนนำเสนอนะคะ
20 พ.ย. 2562 เวลา 02.12 น.
JITTAKORN คุณค่าทางอาหารมันมีคุณประโยชน์อย่างไร เหมือนไข่ทั่วไปไหม..
20 พ.ย. 2562 เวลา 02.07 น.
Nickiiiii อย่างอื่นมีให้แดกไม่แดก ด้อยจริง
20 พ.ย. 2562 เวลา 02.07 น.
ดูทั้งหมด