ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เผย สถิติอุบัติเหตุช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11 - 17 เม.ย. 2561ที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุรวม 3,724 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 418 คน ผู้บาดเจ็บ 3,897 คนโดยสาเหตุหลักอันดับแรกยังเป็นการดื่มสุราแล้วขับ รองลงมาคือการขับรถเร็วเกินกำหนดซึ่งในช่วงปกติหรือนอกเทศกาลการขับรถเร็วเกินกำหนดถือเป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน และทำให้ประเทศไทยมียอดผู้เสียชีวิตสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก คือ 22,356 คน ใน พ.ศ.2559 เฉลี่ย 62 คน ต่อวัน แต่เมื่อไม่นานนี้ได้มีข่าวการปรับแก้กฎหมายเพิ่มขีดจำกัดความเร็วรถใหม่ ซึ่งฟังแล้วอาจขัดต่อข้อมูลหรือความรู้สึกที่ควรจำกัดความเร็วให้ลดลงเพื่อลดอุบัติเหตุ
พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ผบก.ส.3ในฐานะคณะทำงานแก้ไขปัญหาจราจรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าการปรับแก้กฎกระทรวงฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2524) ที่กำหนดให้ใช้ความเร็วในเขตกรุงเทพฯ เขตเมืองพัทยา เขตเทศบาล ได้ไม่เกิน 80 กม./ชม. และนอกเขตดังกล่าวใช้ได้ไม่เกิน 90 กม./ชม. นั้น มีการใช้มากกว่า 37 ปีแล้ว ซึ่งปัจจุบันสภาพถนนและสภาพรถยนต์ได้เปลี่ยนไปมาก จึงทำให้กฎหมายไม่ได้รับการยอมรับและมีการฝ่าฝืนค่อนข้างมาก สาเหตุมาจากการกำหนดความเร็วจากพื้นที่ ไม่ได้มาจากการกำหนดจากสภาพถนน เช่น ทางด่วนในกรุงเทพฯ กำหนดความเร็วไว้ไม่เกิน 80 กม/ชม. แต่สภาพการจราจรในแต่ละช่วงมีความหนาแน่นไม่เท่ากัน จึงไม่สามารถบังคับใช้ความเร็วที่ 80 กม/ชม. ตลอดเวลาได้ ดังนั้นต่อให้มีการเพิ่มมาตรการทางกฎหมายก็ไม่ได้รับการยอมรับทั้งนี้ในระบบการจราจรจะมีการแบ่งประเภทของการกำหนดค่าขีดจำกัดความเร็วไว้ 2 แบบ คือ Default limits ที่กำหนดความเร็วไว้อย่างตายตัวกับทุกประเภทถนน ซึ่งเป็นระบบที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ แต่อนาคตจะต้องปรับเป็น Sign speed limit ที่มีการกำหนดค่าความเร็วตามสภาพถนน สภาพการจราจร ตามหลักวิศวกรรมฉะนั้นถนนสายหนึ่งอาจมีหลายช่วงระยะความเร็วได้ ซึ่งจะสอดคล้องกับการใช้รถใช้ถนนของผู้คนในปัจจุบันโดยคำนึงถึงหลักความปลอดภัย
Cr. hometowninsurance
“ทางหลวงระหว่างเมืองจะมีการปรับให้ใช้ความเร็วได้เพิ่มขึ้น แต่ในเขตชุมชน โรงเรียน โรงพยาบาลจะต้องปรับให้ลดลง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพถนน บางจุดอาจใช้ความเร็วได้ 110-100 บางจุดอาจลดลงมาเหลือ 90 60 หรือ 30 โดยกำหนดจากเครื่องหมายจราจร และจะมีอุปกรณ์ตรวจจับความเร็วควบคุมอย่างเข้มงวด ส่วนใหญ่อุบัติเหตุที่เกิด ไม่ได้เกิดกับผู้ที่ใช้ความเร็ว 100 กม./ชม. แต่เกิดกับผู้ที่ใช้ความเร็ว 140-150 กม./ชม. ขึ้นไป ฉะนั้นจึงต้องแยกคนที่ขับรถเร็ว กับเร็วมาก ๆ ออกจากกัน ถ้าเป็นแบบนี้พลเมืองยอมรับได้ เพราะปกติก็ขับประมาณ 100-110 กันทั้งประเทศ โดยขณะนี้กำลังมีการปรับแก้กฎหมาย มีการพูดคุยกับกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม และหลายหน่วยงานก็เห็นชอบว่าควรมีการปรับกฎหมายให้สอดคล้องกับปัจจุบัน และจะมีการขยายเพดานค่าปรับ นำมาตรการการตัดคะแนนความประพฤติมาใช้ เราต้องทำให้พลเมืองเคารพป้ายจราจรไม่ใช่เคารพตำรวจ”พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าว
@Tum686213081
ด้าน พล.ต.ต.พงษ์สันต์ คงตรีแก้ว นักวิชาการอิสระ อดีตอาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้แสดงความเห็นถึงเรื่องนี้ว่า เห็นด้วยหากมีการปรับใช้ความเร็วได้ตามช่วงระยะถนน แต่กังวลว่าหากมีการแก้กฎหมายแล้วอาจยิ่งเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น เนื่องจากความไม่พร้อมด้านการบริหารจัดการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะเครื่องมือตรวจจับความเร็วที่ปัจจุบันยังมีน้อย และแทบไม่มีการฝึกอบรมการใช้งานในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หากจะเพิ่มการใช้ความเร็วก็จำเป็นต้องมีถนนที่ควบคุมอันตรายได้สูง มีป้ายแสดงเครื่องหมายจราจรที่ชัดเจน เช่น ถนนมอเตอร์เวย์ แต่ถ้าเป็นถนนทั่วไปที่มีจุดตัด ทางแยก ก็ควรตั้งขีดจำกัดไว้ที่ 90 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วที่ยอมรับได้ และอยากให้ลดความเร็วในเขตเมือง เขตชุมชน ลงเหลือ 50 กม./ชม. เพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้มองว่าการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเสนอให้ปรับแก้กฎหมายความเร็วรถเป็นเพราะเห็นพ้องกับประชาชนที่มองว่าอัตราความเร็วที่กำหนดอยู่ทุกวันนี้ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงที่ปฏิบัติอยู่ในปัจจุบัน เป็นการแก้กฎหมายให้เข้ากับพฤติกรรมคนขับ ซึ่งสวนทางกับต่างประเทศที่ต้องการลดการใช้ความเร็วลง เพราะยิ่งขับเร็วมากยิ่งหยุดรถไม่ทัน และประชาชนก็จะยิ่งเสี่ยงต่อการสูญเสียมากขึ้นตามลำดับ
ชญานนท์ กลั่นงาม
กรปณต ภาณุชัยสิต จะเร็วรึช้า อุบัตเหตุก็เกิดขึ้นใด้ มันอยู่ที่คนขับ
09 พ.ค. 2561 เวลา 10.04 น.
คนไทยใฝ่สันติ แก้ซะเถอะ จะได้ไม่เป็นที่หากินของเจ้าหน้าที่...
แก้แล้ว ก็ใช้กฎหมายให้จริงจัง อย่ามัวกินแต่เงินเดือนเท่านั้น ก็ต้องแก้ได้...
หรือต้องมีส่วนแบ่งค่าปรับ งานจึงเดิน...
ถ้างั้น...ก็ซวยประเทศไทย...
09 พ.ค. 2561 เวลา 04.00 น.
Rungnong ควรจะแก้ที่กฏหมายจราจรและคนที่ใช้กฏหมายคือตำรวจ ปรับให้หนักๆและอย่าให้มีการแอบรับเงินคนทำผิด เอาแบบโดนจับทีเข็ดไปนาน เอาให้จริงจังแค่นี้ล่ะ ทำได้มั้ย ต้องยอมรับว่ากฏหมายบ้านเราเบาคนไม่กลัว คนใช้กฏหมายบางคนก็ไม่ตรงไปตรงมา แก้แค่นี้ล่ะง่ายๆมาก นักวิชาการอะไรไม่ต้อง
09 พ.ค. 2561 เวลา 03.57 น.
~•รัชชานนท์•~ อยากให้เอาที่ใช้ในชีวิตจริงความคิดนี่ก็อยากให้มีการโหวต ถามคนใช้จริงร่วมด้วย ไม่ใช่คิดแค่ยี่สิบคน แล้วมาบังคับคนล้านคนให้ทำตาม
09 พ.ค. 2561 เวลา 03.17 น.
🙏@ร้านเปรมฤทัย👪 ทำไมไม่แก้ที่ต้นทางล่ะ ผู้ผลิตรถยนต์ต้งกำหนดไปเลยความเร็วสูงสุดไม่เกินเท่าไรให้ปลอดภัย อย่าแก้ปัญกาที่ปลายทาง
09 พ.ค. 2561 เวลา 02.44 น.
ดูทั้งหมด