ทั่วไป

เปิดพฤติการณ์ บรรยินกับพวก อุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา

อีจัน
อัพเดต 25 ก.พ. 2563 เวลา 13.02 น. • เผยแพร่ 25 ก.พ. 2563 เวลา 12.46 น. • อีจัน
หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2558 หรือเมื่อ 5 ปีท&#36…

หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2558 หรือเมื่อ 5 ปีที่แล้ว พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอดีต ส.ส. นครสวรรค์ หลายสมัย ตกเป็นจำเลยในคดีฆ่าเสี่ยชูวงษ์ แซ่ตั๊ง วัย 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ต่อมาในปี 2563 เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา ชื่อของ พ.ต.ท.บรรยิน กลับมาเป็นข่าวคึกโครมอีกครั้ง หลังจากที่ พ.ต.ท.บรรยิน ถูกชุดสืบสวนของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำกำลังจับกุม พร้อมพวกรวม 6 คน หลังพบว่ามีส่วนพัวพันฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีโอนหุ้นมูลค่ากว่า 300 ล้านของ นายชูวงษ์ โดย 3 ใน 6 ผู้ที่ถูกจับกุมรับสารภาพว่า …
ได้ฆาตกรรมพี่ชายผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีโอนหุ้น ก่อนเผาอำพรางศพในเขตจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งคดีดังกล่าว ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้ดำเนินการสืบพยานโจทก์-จำเลย ทั้ง 2 ฝ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว และนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 20 มี.ค. 2563

ย้อนพฤติการณ์ของ พ.ต.ท.บรรยิน และพวก ก่อนถูกจับกุม พัวพันฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา
คดีนี้ สืบเนื่องจากพนักงานอัยการกองคดีอาญากรุงเทพใต้ และทายาทของนายชูวงษ์ แซ่ตั้ง ผู้ตาย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ กับพวก เป็นจำเลยต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ในความผิดเกี่ยวกับการปลอมเอกสาร ใบโอนหุ้น และมีการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั้ง ไปให้พรรคพวกของ พ.ต.ท.บรรยิน ที่ร่วมกระทำความผิดโดยทุจริต ซึ่งเป็นคดีที่มีความเกี่ยวพันกับการฆาตกรรมอำพรางนายชูวงษ์ แซ่ตั้ง
ซึ่ง พ.ต.ท.บรรยิน ถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดพระโขนง อีกคดีหนึ่ง และศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้สั่งรวมสำนวนเป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.305/2561 โดยมอบหมายผู้พิพากษาอาวุโสเป็นเจ้าของสำนวน ซึ่งได้มีการสืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว และมีการนัดหมายฟังคำพิพากษาคดีดังกล่าว ในวันที่ 20 มีนาคม 2563
ต่อมาผู้ต้องหาที่ 1 - ผู้ต้องหาที่ 6 รวม 6 คน ได้สมคบกันเพื่อทำการลักพาตัวพี่ชายของ ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน เพื่อนำไปข่มขู่ให้ผู้พิพากษา มีคำพิพากษายกฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน กับพวก พร้อมกับให้คืนเงินกับหุ้นในคดีทั้งหมดแก่ พ.ต.ท.บรรยิน ซึ่งมีการวางแผนและแบ่งหน้าที่กันทำ
โดยเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2563 ผู้ต้องหาที่ 1 ได้มอบโทรศัพท์มือถือให้กับผู้ต้องหาที่ 2 และผู้ต้องหาที่ 3 คนละ 1 เครื่อง ส่วนผู้ต้องหาที่ 1 มีไว้ใช้เองจำนวน 2 เครื่อง จากนั้นได้เดินทางจากจังหวัดนครสวรรค์ มายังกรุงเทพมหานคร ด้วยรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด รุ่น เอฟเวอร์เรสต์ สีดำ ทะเบียน กร 39 นครสวรรค์ มาถึงบ้านเลขที่ 9/13 ซอยคลังมนตรี แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร จากนั้นผู้ต้องหาที่ 2 และผู้ต้องหาที่ 3 ได้ช่วยกันนำรถจักรยานยนต์ขึ้นท้ายรถกระบะทะเยน บย 8386 นครสวรรค์ โดยมีผู้ต้องหาที่ 2 เป็นคนขับ และมีผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 3 นั่งไปด้วย โดยขับมาจอดในวัดสุทธิวราราม จากนั้นผู้ต้องหาที่ 2 กับพวก ได้นำรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมาติดแผ่นป้ายทะเบียน ลจข 579 กรุงเทพฯ และผู้ต้องหาที่ 3 ได้ขี่รถจักรยานยนต์ ไปเฝ้าดูผู้พิพากษา และพี่ชายผู้พิพากษา แต่ไม่พบ จึงได้จอดรถจักรยานยนต์ไว้ที่บริเวณข้างธนาคารกรุงไทย ใกล้ศาลอาญากรุงเทพใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร แล้วนั่งรถแท็กซี่กลับบ้านมาที่ซอยคลังมนตรีฯ ส่วนผู้ต้องหาที่ 1 เป็นผู้ขับรถยนต์กระบะกลับบ้านไป
ต่อมาในวันที่ 8, 12, 13, 14, 15, 16, 17 และ 20 มกราคม 2563 ผู้ต้องหาที่ 1 - ผู้ต้องหาที่ 3 ยังคอยติดตาม สะกดรอยเฝ้าดูพฤติการณ์ของผู้พิพากษา และพี่ชายผู้พิพากษา ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ไปจนถึงบ้านพัก ย่านถนนวรจักร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ โดยมีการใช้รถจักรยานยนต์ติดแผ่นป้ายทะเบียน ลจข 579 กรุงเทพฯ และใช้รถยนต์ ยี่ห้อมินิคูเปอร์ ทะเบียน 2 กฐ 524 กรุงทพฯ ในการเฝ้าติดตาม จนได้ทราบถึงพฤติกรรมและกิจวัตรประจำวันของผู้พิพากษา และพี่ชายผู้พิพากษา โดยในแต่ละวันพี่ชายผู้พิพากษา จะนั่งรถแท็กซี่จากบ้านพักมารับ-ส่ง ผู้พิพากษา ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เป็นประจำ ซึ่งผู้ต้องหาที่ 1 – ผู้ต้องหาที่ 3 ได้มีการจัดเตรียมยานพาหนะที่ใช้ในการก่อเหตุไว้ เป็นรถยนต์ยี่ห้อโตต้า สปอร์ตไรเดอร์ ทะเบียน ชฉ 683 กรุงทพฯ ซึ่งมี พ.ต.ท.ประเสริฐ ผลประสาร เป็นเจ้าของและผู้ครอบครอง โดยนำมาถอดแล็คหลังคา บันไดด้านหลัง และกระจกที่กันแมลงหน้ารถออก แล้วนำแผ่นป้ายาทะเบียน 3 กว 7719 กรุงเทพฯ มาติดไว้แทน เพื่ออำพราง
และก่อนถึงวันที่จะลงมือก่อเหตุลักพาตัว ผู้ต้องหาที่ 1 ได้สั่งการให้ผู้ต้องหาที่ 3 ซื้อน้ำมันเบนชิน 95 พร้อมให้จัดเตรียมแผ่นสังกะสี และยางรถยนต์ 4 เส้นไว้ โดยผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 3 ได้ร่วมกันขนสิ่งของดังกล่าว เข้าไปยังจุดที่บริเวณเขาใบไม้ ตำบลตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ โดยใช้รถยนต์กระบะ ซึ่งมีผู้ต้องหาที่ 3 เป็นผู้ขับขี่
ต่อมาในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 ก่อนเกิดเหตุ ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ขับรถยนต์โตโยต้า รุ่นสปอร์ตไรเดอร์ ติดแผ่นป้ายทะเบียน 3 กว 7719 กรุงเทพฯ ออกจากบ้านเลขที่ 9/13 ซอยคลังมนตรีฯ โดยมีผู้ต้องหาที่ 2 ขับซี่รถยนต์ ยี่ห้อฟอร์ด เอฟเวอร์เรสต์ สีดำ ทะเบียน กร 39 นครสวรรค์ ขับตามออกไปในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยผู้ต้องหาที่ 2 ขับรถยนต์ ยี่ห้อฟอร์ด เอฟเวอร์เรสต์ ขับออกไปทางอำเภอบางบัวทอง มุ่งหน้าไปจังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนรถยนต์สปอร์ตไรเดอร์ คันที่ใช้ก่อเหตุ ได้ขับขึ้นทางด่วนที่ด่านเก็บเงิน "พหลโยธิน" ขับลงที่ถนนจันทร์ แล้วไปจอดรอที่ฝั่งตรงข้ามศาลแขวงกรุงเทพใต้ (จุดเกิดเหตุ)
เมื่อพี่ชายผู้พิพากษา ลงจากรถแท็กซี่ผู้ต้องหาที่ 1, ผู้ต้องหาที่ 3 ผู้ต้องหาที่ 4 และผู้ต้องหาที่ 5 ก็ร่วมกันพาตัวพี่ชายผู้พิพากษาขึ้นรถ แล้วขับหลบหนีขึ้นทางด่วนที่ด่าน "สุรวงศ์" ก่อนที่จะขับไปเข้าทางด่วนที่ด่าน "บางซื่อ 1" ก่อนที่จะขับมุ่งหน้าไปทางอำเภอบางบัวทอง และจังหวัดสุพรรณบุรี ระหว่างนั้น ผู้พิพากษา ได้โทรศัพท์ไปหาพี่ชาย แต่ถูกผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก ได้ออกอุบายว่า พี่ชายผู้พิพากษา เกิดอุบัติเหตุ เมื่อผู้พิพากษา ตรวจสอบตามโรพยาบาลต่างๆ แล้วไม่พบเหตุ จึงไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระหว่างนั้น ผู้พิพากษา ได้โทรศัพท์ไปยังหมายเลขของพี่ชายอีกครั้ง ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก จึงได้พูดข่มขู่ ผู้พิพากษา ให้พิพากษายกฟ้องคดีของ พ.ต.ท.บรรยิน กับพวก พร้อมกับให้คืนเงินกับหุ้นทั้งหมด และหากไม่ทำตามก็จะฆ่าพี่ชายของผู้พิพากษา
ผู้พิพากษา จึงได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม ซึ่งในเวลาต่อมา ผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก ก็ได้ร่วมกัน ฆ่าพี่ชายของผู้พิพากษา แล้วนำศพไปเผาอำพราง ในพื้นที่ ตำบลตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ก่อนที่จะนำศพของ พี่ชายผู้พิพากษา ที่ยังเผาไหม้ไม่หมด รวมทั้งเถ้ากระดูก และเถ้าถ่านในจุดที่เผา ไปทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อทำลายหลักฐานในการกระทำผิด
พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องขอหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 6 คนต่อศาลอาญา และศาลได้ออก หมายจับ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
  1. พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 57 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 221/2563 ลง 19 ก.พ. 63
  2. นายมานัส ทับทิม อายุ 67 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 222/2563 ลง 19 ก.พ. 63
  3. นายณรงศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 49 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 223/2563 ลง 19 ก.พ. 63
  4. ด.ต.ธงชัย วจีสัจจะ อายุ 63 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 249/2563 ลง 23 ก.พ. 63
  5. นายชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 250/2563 ลง 23 ก.พ. 63
  6. นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข อายุ 33 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 248/2563 ลง 23 ก.พ. 63
    ในความผิดฐาน "ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทำความผิดตั้งแต่สามคนขึ้นไป, เป็นซ่องโจรโดยเป็นการสมคบเพื่อกระทำความผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไป, พยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพของผู้อื่น โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป และเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถโดยหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใด"
    และต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ได้ทำการจับตัวผู้ห้องหาที่ 1 – ผู้ต้องหาที่ 6 ตามหมายจับดังกล่าวข้างต้น ซึ่งจากการสอบถามผู้ต้องหาที่ 1 - ผู้ต้องหาที่ 6 ให้การยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวจริง และไม่เคยถูกจับตามหมายจับดังกล่าวมาก่อน จึงถูกนำตัวส่งที่ทำการของพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
    พนักงานสอบสวนได้รับตัวผู้ต้องหาไว้ในความควบคุม ดังนี้
  7. ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ควบคุมในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 15.10 น.
  8. ผู้ต้องหาที่ 2 ได้ควบคุมในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 18.40 น.
  9. ผู้ต้องหาที่ 3 ได้ควบคุมตัวในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 05.50 น.
  10. ผู้ต้องหาที่ 4 ได้ควบคุมตัวในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 14.45 น.
  11. ผู้ต้องหาที่ 5 ได้ควบคุมตัวในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 14.45 น.
  12. ผู้ต้องหาที่ 6 ได้ควบคุมตัวในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 14.45 น.
    ในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาที่ 1,2,6 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ส่วนผู้ต้องหาที่ 3,4,5 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
    เหตุเกิดที่บริเวณหน้าศาลแพ่งกรุงเทพใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร แขวงจตุจักร เขตจตุจักรกรุงเทพมหานคร, ตำบลตาคลี อำเภอตาคลี, อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ หลายท้องที่เกี่ยวฟันกัน เมื่อระหว่างวันที่ 7 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน
    การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน "ร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป, เป็นซ่องโจรโดยเป็นการสมคบเพื่อกระทำความผิดที่มีระวาโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกอย่างสูงตั้งแต่สิบปีขึ้นไป, พยายามข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด โดยทำให้กลัววจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพของผู้อื่น โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป และเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่โดยร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใด" อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 139 ,140 วรรคแรก,210 วรรคสอง, 289 (4), 309 วรรคสอง, 313 (3) วรรคสาม และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 199 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 ,83
    พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนและควบคุมตัวผู้ต้องหาที่ 1 - 6 มาจะครบ 48 ชั่วโมงในวันที่ 25-26 กุมภาพันธ์ 2563 แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องสอบสวนพยานบุคคลจำนวน 20 ปาก รอผลการตรวจสอบวัตถุพยานทางวิทยาศาสตร์ที่ได้จากการตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหา และจากที่เกิดเหตุ รอผลการตรวจสถานที่เกิดเหตุ รอผลการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยความจำเป็นดังกล่าว จึงขออนุญาตฝากขังผู้ต้องหาที่ 6 ไว้ระหว่างการสอบสวน มีกำหนด 12 วัน นับแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 ถึงวันที่ 7 มีนาคม 2563

อนึ่ง พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาที่ 1 กับพวก เนื่องจากคดีที่มีอัตราโทษสูงเกิน 3 ปี และเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 33
  • TibmeYrs
    อยากให้รื้อคดีฆ่าเมียตัวเอง คงเจออะไรๆ อีกเพียบ
    25 ก.พ. 2563 เวลา 13.34 น.
  • 💖ผีเสื้อน้อย...
    เวรกรรมมีจริง​ และจะตอบสนองทุกการกระทำ
    25 ก.พ. 2563 เวลา 14.08 น.
  • Panit Mahvilai
    เสียทีที่อุตส่าห์เรียนจบนายร้อยสามพรานอ่ะ.ลงมือทำทั้งทีแผนแม่งโคตรตื้นเลยคิดง่ายๆว่าจับตัวพี่ชายผู้พิภาคษาไปต่อรองคำตัดสิน!!!ควายเรียกพี่เลยครับ!!!!ก็สมควรที่จะติดคุกตลอดชีวิตครับ.
    25 ก.พ. 2563 เวลา 14.23 น.
  • กฤติเดช สุขเนืองนอง
    ฟันธง! ถึง ศาล ตัดสินประหาร แต่ภาคปฎิบัติไม่เกิด เพราะ รัฐบาลไทย ใจมด กลัว NGO ฝรั่งโกรธ แต่ถ้าเลิกกลัว ปฎิบัติจริง จะ กราบ งามงาม ต่อหน้า ธงชาติไทย หน้าบ้าน
    25 ก.พ. 2563 เวลา 14.55 น.
  • เจ๊เดียว
    ช่างกล้าทำ..น่ากลัว
    25 ก.พ. 2563 เวลา 14.10 น.
ดูทั้งหมด