'มิ่งขวัญ' ยกหูเคลียร์ ยืนยัน 6 ส.ส. "เศรษฐกิจใหม่" ไม่ร่วมรบ.

มีรายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา แกนนำ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย(พท.) พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) พรรคประชาชาติ (ปช.) พรรคเสรีรวมไทย (สร.) พรรคเพื่อชาติ (พช.) พรรคพลังปวงชนไทย (พปช.)รวมทั้งพรรคเศรษฐกิจใหม่ (ศม.) ได้นัดพบปะพูดคุยกันถึงท่าที และการเดินร่วมกันระหว่างพรรคการเมืองฟากฝ่ายค้าน กับ พรรคศม. นั้น เบื้องต้น วงประชุมได้มอบหมายให้ตัวแทนของพรรคพท. พรรคอนค. และพรรคปช.ไปพูดคุยเพื่อหาข้อยุติที่ชัดเจนกับทางพรรคศม. ว่าจะยังเดินหน้าร่วมกันในนาม 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านต่อ หรือจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปก่อนวันที่ 14 ธันวาคมนี้ ซึ่ง 7 พรรคการเมืองจะมีกิจกรรมร่วมกันที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อย่างไรก็ตาม

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ท่าทีของนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตหัวหน้าพรรคศม. ในฐานะส.ส.บัญชีรายชื่อ ดูไม่โอเคกับการที่สมาชิกพรรคนั่งเป็นองค์ประชุมให้รัฐบาลเท่าใดนัก แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งสมาชิกที่เป็น ส.ส.ของพรรคศม. ก็โยนการตัดสินใจว่าพรรคจะเอาอย่างไรให้นายมิ่งขวัญเป็นผู้ให้ความชัดเจน โดยล่าสุด วันที่ 9 ธันวาคมนี้ ได้นัดประชุมที่พรรคเพื่อไทย เวลา 10.00 น. เพื่อหารือทิศทางการทำงานในสัปดาห์นี้ที่ญัตติตั้งคณะกมธ.วิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์ และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ จะเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ว่าแต่ละพรรคจะดำเนินการอย่างไร รวมทั้งจะได้พบและพูดคุยกับพรรค ศม.ถึงข่าวรัฐบาลเจรจาดึง ส.ส.พรรค ศม.ไปร่วมรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาเสียงปริ่มน้ำ และจะมีการสอบถามเรื่อง 10 ส.ส.พรรคฝ่ายค้ายที่สวนมติวิปรัฐบาลร่วมองค์ประชุมเพื่อให้องค์ประชุมครบและนับคะแนนคัดค้านการตั้งกมธ.วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศ และคำสั่ง คสช. และการใช้อำนาจหัวหน้าคสชตามมาตรา 44 โดยจะมีการแถลงข่าวช่วง 12.00 น.

แหล่งข่าวระดับแกนนำ 7 พรรคฝ่ายค้าน กล่าวถึงข่าวการดึงพรรค ศม.ไปร่วมรัฐบาลว่า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ และนายนิยม วิวรรธนดิฐกุล พรรค ศม. ได้โทรมายืนยันต่อผู้ใหญ่พรรคฝ่ายค้านหลายคนว่า 6 ส.ส.พรรค ศม.จะทำงานร่วมกับพรรคฝ่ายค้านต่อไป และปฏิเสธการไปร่วมรัฐบาล โดยมุ่งมั่นจะทำงานร่วมกันและต้องการแก้รัฐบรรมนูญตามเจตนารมณ์ อย่างไรก็ตาม การทำงานของพรรค ศม.และการสวนมติวิปฝ่ายค้านตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้เสรีเอกสิทธิ์ ส.ส.ซึ่งคงจะไปเอาผิดอะไรไม่ได้ หากไม่มีหลักฐานหรือสิ่งที่ทำผิดนอกเหนือรัฐธรรมนูญ