ปัจจุบันมีเทคโนโลยีช่วยให้เด็กฉลาดได้ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ โดยใช้วิธีการเจาะเลือดและนำไปแยกออกเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวเม็ดเลือดแดง ในเซลล์เม็ดเลือดขาวจะมีนิวเคลียสที่มีโครโมโซมที่สามารถนำไปแยกเป็นตัวยีนต่างๆ และทำการวิเคราะห์รหัสยีนที่ส่งผลต่อความฉลาดของเด็ก เพื่อทำให้ทราบว่าเด็กมียีนความฉลาดเด่นด้านไหน
กระบวนการนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคทางพันธุกรรม เช่น โรคธาลัสซีเมีย โรคโลหิตจาง โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคอัลไซเมอร์ โรคสมาธิสั้น โรคออสิสติก และดาวน์ซินโดรม
เทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันยังสามารถใช้วิธีการ Epigenetics เพื่อทำปฏิกิริยาระหว่าง DNA กับสารโมเลกุลเล็กๆ ในเซลล์ที่สามารถกำหนดยีนให้ทำงานหรือไม่ทำงานได้ ขั้นตอนนี้เป็นกลไกทางเคมีที่ทำให้ DNA และยีนสามารถปรับเปลี่ยนให้มีการเรียนรู้และฉลาดขึ้นได้
แม้งานวิจัยจะพบว่ายีนความฉลาดถูกส่งผ่านโคโมโซม X ของแม่ และมีเทคโนโลยีช่วยกำหนดยีนเสริมสร้างความฉลาดให้ลูกตั้งแต่ในครรภ์ได้ แต่สภาพแวดล้อมในการเลี้ยงดูก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญอยู่ดี พ่อแม่ต้องช่วยส่งเสริมพัฒนาการให้เหมาะสมตามช่วงวัย กระตุ้นในสิ่งที่เด็กสนใจ
ที่มา
chaiyasit เข้ายุคคัดเลือกสายพันธุ์กันแล้ว โดยเฉพาะเด็กหลอดแก้ว คัดเอาแต่ตัวอ่อนทีดีไม่มีโรคพันธุกรรม อาจคัดความสวยหล่อสูงขาวด้วย
23 ส.ค. 2562 เวลา 09.42 น.
ส่วนหนึ่งอยู่ที่พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เด็กฉลาดแค่ไหนแต่คนสอนไม่ได้เรื่องก็เท่านั้น
23 ส.ค. 2562 เวลา 09.17 น.
ถ้านักวิทยาศาสตร์ทำผิดพลาดนิดเดียวโง่ยิ่งกว่าเดิม
23 ส.ค. 2562 เวลา 07.28 น.
ชาย หมอยา シ゚ ถ้าไม่ฉลาดจะเลี้ยงมัย งานวิจัยเพื่อ!!!
23 ส.ค. 2562 เวลา 09.26 น.
โต้งคับ ฉลาดแล้วไงขอลูกโง่แต่เป็นคนดีก้อพอ
23 ส.ค. 2562 เวลา 09.54 น.
ดูทั้งหมด