เมื่อวันอังคาร (14 ก.ค.) ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ของจีนได้หารือทางโทรศัพท์กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยเนื้อหาการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์การรับมือ Covid-19 นโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) การร่วมลงทุนและรับซื้อสินค้าเกษตรของไทย
และในวันเดียวกัน สีจิ้นผิงยักยกหูถึงนายกรัฐมนตรีลีเซียนลุงของสิงคโปร์ โดยระบุว่าจีนพร้อมจะร่วมมือกับสิงคโปร์เพื่อขจัดความวุ่นวายและร่วมกันปกป้องสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค
การหารือกับผู้นำของไทยและสิงคโปร์เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ระหว่างสหรัฐและจีนตึงเครียดถึงขีดสุด ต่างฝ่ายต่างเดินหน้าชนกันเต็มที่ เพราะถ้าเสียอิทธิพลในทะเลจีนใต้ไป ความเป็นมหาอำนาจในย่านนี้จะสั่นคลอนทันที
จีนจึงต้องรีบแสดงความเป็นมิตรไมตรีเพื่อเอาใจทั้งไทยและสิงคโปร์ที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของภูมิภาค โดยเฉพาะท่าเรือที่จีนใช้ในการขนส่งสินค้าไปยังภูมิภาคอื่นของโลก
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่า ข้อความที่สีจิ้นผิงส่งไปที่ลีเซียนลุงยังเป็นการเตือนสิงคโปร์แบบอ้อมๆ ว่า อย่าได้ยืนอยู่ข้างสหรัฐเด็ดขาด อาทิ ดีแลน โลห์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านนานาชาติศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหนานหยางของสิงคโปร์
โลห์มองว่า เป็นเรื่องเลี่ยงไม่ได้ที่ผู้คนจะคาดเดาว่าจีนมีจุดประสงค์อื่นนอกเหนือไปจากการแสดงความยินดีที่ลีเซียนลุงชนะการเลือกตั้ง เพราะช่วงนี้ความสัมพันธ์ของสหรัฐกับจีนทวีความตึงเครียดขึ้นจากทั้ง Covid-19 และปัญหาทะเลจีนใต้
ด้าน ดรูว์ ธอมป์สัน อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐที่รับผิดชอบด้านการจัดการความสัมพันธ์ทวิภาคีกับจีนมองว่า จีนกำลังขู่ว่าหากสิงคโปร์ไม่สนับสนุนจีน จีนสามารถใช้กำลังภายในสร้างความลำบากให้สิงคโปร์อย่างที่เคยทำได้
ธอมป์สันย้อนไปที่เหตุการณ์ปี 2016 ที่ทางการจีนยึดรถหุ้มเกราะ 9 คันของสิงคโปร์ในฮ่องกงหลังซ้อมรบในไต้หวันตามปกติ ซึ่งนำมาสู่การตั้งข้อสังเกตว่าจีนส่งสัญญาณเตือนสิงคโปร์เรื่องความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไต้หวัน
ขณะที่ Global Times ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลจีนอ้างคำพูดของเฉินเซี่ยงเหมี่ยว จากสถาบันทะเลจีนใต้ศึกษาแห่งชาติที่ระบุว่า การต่อสายถึงลีเซียนลุงและ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นสองผู้นำของประเทศที่สำคัญที่สุดในอาเซียน เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนไปยังสหรัฐว่าความสัมพันธ์ของจีนกับทั้งสองประเทศนี้ไม่ได้เปราะบางอย่างที่สหรัฐคาด
ย้อนกลับมาที่ไทย ต้องไม่ลืมว่าก่อนที่สีจิ้นผิงจะคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา พล.อ.เจมส์ แมคคอนเวล (Gen. James C. McConville) ผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐเพิ่งจะเดินทางมาเยือนไทยเพื่อหารือกับหุ้นส่วนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในการจัดตั้งฐานทัพในภูมิภาคนี้
นอกจากนี้ เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบกยังเดินทางไปสหรัฐที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ตามคำเชิญของ พล.อ.แมคคอนเวล ในช่วงที่ไทยกับสหรัฐกำลังซ้อมรบร่วมกัน
เพียงเท่านี้ก็แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ของไทยกับกองทัพสหรัฐเหนียวแน่นเพียงใด จีนจึงนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้มิฉะนั้นอาจเพลี่ยงพล้ำให้สหรัฐ
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าสหรัฐกับจีนจะกดดันให้ไทยกับสิงคโปร์ และประเทศอาเซียนอื่นๆ เลือกข้างอย่างไร แต่ละประเทศคงจะไม่แสดงท่าทีออกมาชัดเจนว่าจะอยู่ฝ่ายไหน เพราะหลายประเทศยังต้องการพึ่งพาการค้าขายกับจีน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่พังเพราะ Covid-19 และต้องพึ่งพาเทคโนโลยีสหรัฐด้วยเช่นกัน
สำหรับไทยที่ต้องพึ่งพาทั้งสองประเทศ ควรใช้สหรัฐกดดันจีน ใช้จีนกดดันสหรัฐ โดยไม่เลือกข้างอย่างชัดเจน
เพราะถ้าเลือกข้างผิดไทยเสียหายย่อยยับแน่
MINNIE monty ถามเรื่องลิงขึ้นมะพร้าวมากฝ่า
16 ก.ค. 2563 เวลา 23.53 น.
niwat 7879 เพราะ พรบ.เงินกู้ผ่านแล้ว และลุงบอกจำเป็นต้องซื้ออาวุธ..จบเลย!!
16 ก.ค. 2563 เวลา 23.48 น.
ก็เลือกตามสิงกโปร์นั่นแหละ ไม่เห็นต้องคิดเยอะ
16 ก.ค. 2563 เวลา 23.31 น.
Chutatorn ซื้อสินค้าเกษตรของล้งจีน ยึดแผ่นดินไทยหาผลประโยชน์ ทำทัวร์ศูนย์เหรียญ ทำฮับส่งสินค้าแบบไม่ตัองจ่ายภาษี ไทยได้ผลประโยชน์เหรอ??
16 ก.ค. 2563 เวลา 23.06 น.
Chen เหยียบเรือสองแคมไปเลย เพื่อชาติ เพื่อประชาชน ไม่น่าเกลียด ใช้โอกาสนี้สร้างประโยชน์ให้ประเทศครับ
16 ก.ค. 2563 เวลา 22.53 น.
ดูทั้งหมด