'บุ๋ม' พูดจริง ไม่มั่ว! ปธ.อนุ กมธ.ยัน หวังอุดช่องว่าง กม.อาญา ลดเหตุรุนแรงทางเพศ

นางสาวบุณย์ธิดา สมชัย - ปนัดดา วงศ์ผู้ดี

‘บุ๋ม’ พูดจริง ไม่มั่ว! ปธ.อนุ กมธ.ยัน หวังอุดช่องว่าง กม.อาญา ลดเหตุรุนแรงทางเพศ

จากกรณีที่ บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี อดีตนางสาวไทย พิธีกร และนักแสดง ที่ออกมาเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรี ได้โพสต์ภายหลังร่วมประชุมคณะอนุกรรมาธิการศึกษากระบวนการยุติธรรม และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร ถึงการเสนอให้การคุกคามทางเพศ เช่น สะกดรอยตาม โทรศัพท์คุกคาม เป็นกฎหมายจริงจัง จะไม่แค่ลงบันทึกประจำวันอีกต่อไปนั้น

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน นางสาวบุณย์ธิดา สมชัย ประธานคณะอนุกรรมาธิการศึกษากระบวนการยุติธรรมและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กับปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นเรื่องจริง ซึ่งขณะนี้คณะอนุฯกำลังจัดทำข้อเสนอให้มีนิยามคุกคามทางเพศ และบทลงโทษในกฎหมายอาญา เนื่องจากกฎหมายอาญาระบุความผิดทางเพศสถานเบา คืออนาจาร และความผิดทางเพศขั้นรุนแรง คือข่มขืน กระทำชำเรา แต่ไม่มีความผิดทางเพศที่อยู่ตรงกลาง เช่น พูดแซว ใช้สายตา ถูกเนื้อต้องตัว สะกดรอยตาม ตามรังควาน ที่ยังไม่ถึงขั้นข่มขืน แต่ทำให้ผู้ถูกกระทำรู้สึกอึดอัดใจ และหากปล่อยไปอาจนำไปสู่การข่มขืนกระทำชำเราได้

ประธานฯกล่าวอีกว่า อยากให้มีกฎหมายโดยตรงมารองรับกรณีแบบนี้ จากปัจจุบันที่มี พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน บทบัญญัติของรัฐวิสาหกิจ และ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ซึ่งเป็นเรื่องในที่ทำงาน แต่ยังไม่มีกฎหมายที่เป็นลักษณะบุคคลทั่วไป จึงได้นำกฎหมายข้างต้นและคู่มือตามมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน ร่างนิยามการคุกคามทางเพศ ของกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มาจัดทำนิยามคุกคามทางเพศใหม่ให้กระชับและชัดเจน

“หลายคนเข้าใจว่าข่มขืนกับคุกคามทางเพศเป็นเรื่องเดียวกัน แต่คุกคามทางเพศยังมีกรณีไปยืนในที่ทำงาน ส่งข้อความไปร้อยครั้ง แล้วทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายตรงๆ ฉะนั้น เชื่อว่าการมีกฎหมายตรงๆ จะเบรกผู้กระทำให้กลัว และยับยั้งชั่งใจได้”

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

นางสาวบุณย์ธิดากล่าวต่ออีกว่า บางคนอาจกังวลว่าการมีกฎหมายดังกล่าวจะทำให้เกิดการฟ้องมั่วนั้น เรื่องนี้ไม่น่าจะทำได้ เพราะสุดท้ายตำรวจต้องดูพยานหลักฐานอยู่แล้ว แม้บางเคสอาจไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่ดูจากพฤติกรรมที่กระทำซ้ำๆ เห็นได้ชัด เช่น ส่งข้อความลามกเป็นร้อยครั้ง พยายามเข้าถึงเนื้อตัวต่างๆ อย่างชัดเจน ซึ่งสมัยนี้กล้องวงจรปิดมีเยอะ แต่คงไม่ใช่ลักษณะทำครั้งแรกแล้วจะไปแจ้งความเลย

อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะประชุมคณะอนุฯอีก 3-4 ครั้ง เพื่อจัดทำรายละเอียดทั้งหมดก่อนเสนอความเห็นสรุปให้คณะชุดใหญ่ปลายเดือนมิถุนายน หรือต้นเดือนกรกฎาคม ส่วนจะแก้กฎหมายอาญาหรือไม่ เรื่องนี้คงอีกยาวไกล และต้องเป็นในนามกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาแนวทางป้องกัน และแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมี ศ.โกวิทย์ พวงงาม เป็นประธาน ที่ต้องพิจารณาต่อไป

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง