คิงไซรัสแห่งอาณาจักรเปอร์เซียใช้ผ้าคลุมสีม่วงเป็นฉลองพระองค์ประจำตัว จักรพรรดิโรมันบางสมัยประกาศให้สีม่วงเป็นของสูง ไม่อนุญาตให้ประชาชนทั่วไปสวมใส่อย่างเด็ดขาดโดยมีการคาดโทษถึงประหารชีวิต สีม่วงถูกสงวนไว้สำหรับชนชั้นปกครองของอาณาจักรไบแซนไทน์ชนชั้นสูงเท่านั้นที่มีสิทธิ์สวมอาภรณ์สีม่วง พวกเขาจะเซ็นชื่อโดยใช้หมึกสีม่วงและเมื่อมีลูกหลาน สายเลือดเหล่านี้จะได้รับการขนาดนามว่า “ผู้กำเนิดในสีม่วง” (born in purple)
ถ้านี่ว่าแปลกแล้ว ความจริงต่อไปนี่อาจประหลาดกว่า เชื่อหรือไม่ว่าในบรรดา 195 ประเทศทั่วโลก หากนำธงชาติมาวางกางต่อกัน เราแทบจะไม่พบสีม่วงเป็นส่วนประกอบของธงชาติประเทศไหน ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? นั่นเป็นเพราะว่า สีม่วงมีราคามากเกินไป จนไม่มีรัฐ อาณาจักร หรืออารายธรรมไหน มั่งคั่งมากพอจะประดับธงชาติทุกผืนด้วยสีนี้
เป็นเวลาหลายร้อยปีที่สีม่วงเป็นค้าหรูหรา จักรพรรดิโรมันออเรเลียน ไม่อนุญาตให้ภรรยาซื้อหาเสื้อผ้าสีม่วงเพราะมูลค่าของมันแพงยิ่งกว่าทองคำ (สีม่วงหนึ่งปอนด์มีราคาเท่ากับทองคำน้ำหนักสามปอนด์ ทองคำประมาณนี้มีค่าประมาณ 56 ล้านดอลล่าสหรัฐฯ หรือราวหนึ่งพันหกร้อยล้านบาทไทยในปัจจุบัน) อันที่จริง ราชินีเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ ก็เลยตั้งกฎเหล็ก ไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนใส่สีม่วง นอกจากราชวงศ์ใกล้ชิดเท่านั้น ที่เป็นแบบนี้เพราะสีม่วงในยุคโบราณมีที่มาแปลกประหลาด มันไม่ได้ถูกสะกัดจากหินมีค่า แต่ได้มาจากหอยทากทะเลที่มีอยู่ในเมืองไทร์ (Tyre) เพียงแห่งเดียว (ปัจจุบันอยู่ในประเทศเลบานอน)
การผลิตสีย้อมสีม่วง 1 กรัมในยุคนั้น จะต้องใช้หอยทากมากถึง 1 หมื่นตัว นำมาทุบเปลือกและแยกเมือกสีม่วงออกมาตากแดดเป็นเวลานาน ความต้องการ “สีม่วงไทร์เรียน - Tyrian purple” (สีม่วงจากเมืองไทร์) ในยุโรปเกือบทำให้หอยทากพันธุ์นี้ต้องสูญพันธุ์ และเมื่อสีม่วงที่มีราคาสูงมาก จึงถูกใช้เป็นเครื่องบ่งบอกสถาณะ ทั้งในเชิงบารมี ความมั่งมี และอำนาจ
ว่ากันว่าสีม่วงไทร์เรียนสำหรับย้อมผ้าขนสัตว์หนึ่งผืนมีราคาสูงกว่ารายได้ของประชาชนชาวโรมันทั่วไปในหนึ่งปี ชาวบ้านเหล่านี้มักสวมใส่ผ้าคลุมสีขาว หรือสีโทนธรรมชาติเช่นสีน้ำตาลหรือสีฟ้า เพราะเป็นสีที่ย้อมผ้าที่หาได้ทั่วไป สีม่วงยังเป็นที่นิยมทั้งในเปอร์เซียและอียิปต์ มีเรื่องเล่าว่า คลีโอพัตรา ราชินีผู้เลอโฉมของแดนไอยคุปต์ เคยลงทุนใช้เมือกหอยทากกว่า 20,000 ตัวเพื่อย้อมเสื้อผ้าของพระนางให้เป็นสีม่วง
สีม่วงยังมีความเชื่อมโยงกับเทพเจ้าและพลังเหนือธรรมชาติส่วนหนึ่งมาจากความเชื่อที่ว่าผู้เป็นกษัตริย์เป็นผู้ได้รับพรจากพระเจ้าให้ดูแลปกป้องประเทศ กษัตริย์ในยุคกลางและนักบวชชั้นสูงของศาสนจักรจึงมักประดับเครื่องแต่งกายด้วยสีม่วง ศิลปินในยุคนั้น ก็เป็นอีกส่วนสำคัญให้ความขลังของสีม่วงถูกตอกย้ำผ่านงานศิลปะที่มักใช้สีม่วงแทนภาพวาดของบุคคลสำคัญและชนชั้นสูงทั้งในประวัติศาสตร์และเรื่องเล่าในพระคัมภีร์ไบเบิล
สีม่วงเริ่มกลายเป็นของเอื้อมถึงเมื่อไม่กี่ร้อยปีก่อน ตอน วิลเลียม เพอร์กิน หนุ่มอังกฤษวัย 18 ปี ค้นพบสีนี้โดยบังเอิญระหว่างพยายามสังเคราะห์ควินนินซึ่งเป็นยารักษาโรคมาเลเรีย ปรากฎว่าสีม่วงที่เพอร์กินค้นพบนอกจากจะสามารถนำไปย้อมผ้าได้ ยังเป็นสีคุณภาพดีที่ติดทนนาน จนกลายเป็นเฟชั่นใหม่ในกรุงลอนดอนช่วงปี 1856
สีม่วงเคมีของเพอร์กินผลิตจากถ่านหินและเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว กระทั่งควีนวิกตอเรีย ก็เลือกจะสวมชุดสีม่วงในงานแต่งของพระราชธิดา ต้องขอบคุณความบังเอิญทางวิทยาศาสตร์ที่ทำให้วงการแฟชั่นสามารถนำเฉดสีใหม่มาปรับใช้จนได้รับการพัฒนาเป็นเฉดสีที่หลากหลายอย่างในปัจจุบัน
.
.
ติดตามบทความของเพจพื้นที่ให้เล่า ได้บน LINE TODAY ทุกวันเสาร์
.
.
References:
https://theamericanscholar.org/how-mauve-was-her-garment/#.XbQPKS2B28U
https://www.youtube.com/watch?v=CYB-pmNs4VQ
https://thedoctorweighsin.com/the-power-of-purple/
https://www.history.com/news/why-is-purple-considered-the-color-of-royalty
BEER สีอื่นที่น่าจะหาง่ายกว่า คือสีแดงกับสีน้ำเงิน (หรือสีฟ้า) เอาผสมรวมกันก็เป็นสีม่วงแล้วปะ สีม่วงมันไม่ใช่แม่สีเด้อ
02 พ.ย. 2562 เวลา 07.47 น.
🐥🐣LookJeab🐣🐥 “ต้องขอบคุณความบังเอิญของวิทยาศาสตร์ ที่ทำให้ลูกๆหลานๆหอยทากทะเลไม่สูญพันธุ์ไป”
02 พ.ย. 2562 เวลา 12.43 น.
Jiab sopana คิดว่าที่ไม่มีใครใช้สีม่วงมาทำธงชาติน่าจะเป็นเพราะสีม่วงมีหลายเฉด ทั้งม่วงน้ำเงิน ม่วงแดง ม่วงชมพู ไหนจะต่างตรงความเข้ม-อ่อนอีก ถ้าเอามาเป็นสีธงชาติต้องระบุสเปคให้ชัดเจนมาตรฐานเดียวกันไม่งั้นสีเพี้ยน ซึ่งสีอื่นคงมีปัญหาน้อยกว่า คิดว่างั้นนะ 😗🤔
02 พ.ย. 2562 เวลา 13.11 น.
nanaprettyy ให้ความรู้ดีจัง แต่พิมพ์ผิดหลายที่เลย😩
02 พ.ย. 2562 เวลา 10.09 น.
ธงกีฬาสีไงครับเยอะแยะ
02 พ.ย. 2562 เวลา 13.05 น.
ดูทั้งหมด