ไอที ธุรกิจ

ชิมลางสั้นๆ “มิตซูบิชิ ไทรทัน” ไมเนอร์เชนจ์ เกียร์ออโต้ 6 สปีดใหม่

Manager Online
อัพเดต 14 พ.ย. 2561 เวลา 05.15 น. • เผยแพร่ 14 พ.ย. 2561 เวลา 05.15 น. • MGR Online

เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลก ที่ประเทศไทย สำหรับ “มิตซูบิชิ ไทรทัน” โฉมไมเนอร์เชนจ์ เจเนอเรชันที่ 5 ของรถปิกอัพในตระกูล L200 แห่งค่ายมิตซูบิชิ ซึ่งนับเป็นการไมเนอร์เชนจ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะรูปร่างหน้าตาภายนอก ส่วนจะมีอะไรเปลี่ยนไปขนาดไหน และสัมผัสแรกที่ทีมงาน เอ็มจีอาร์ มอเตอริ่ง ได้ทดลองขับเป็นอย่างไรบ้าง เชิญติดตามกันได้

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

หน้า-ท้ายใหม่ ปรับช่วงล่าง เกียร์ใหม่

รูปร่างภายนอกอย่างที่กล่าวไปมีการปรับเปลี่ยนใหม่หมด แต่จะเป็นการปรับเฉพาะในรุ่นขับ 2 ยกสูง และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น โดยจะเปลี่ยนครบหมดทั้ง 3 รูปแบบตัวถัง ไม่ว่าจะเป็นดับเบิลแค็บ, เมกา แค็บ และ ซิงเกิล แค็บ ส่วนรุ่นความสูงปกติยังคงทำตลาดด้วยหน้าตาแบบเดิม แต่จะมีการปรับหน้ามาเป็นแบบใหม่หรือไม่ ทางมิตซูบิชิบอกว่า อยู่ระหว่างการตัดสินใจ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

หน้าตาใหม่ของ ไทรทัน นั้น มาในทิศทางการออกแบบของรุ่นปาเจโร สปอร์ต และเอ็กซ์แพนเดอร์ โดยไฟหน้ารูปทรงเรียว กระจังหน้าใหญ่เพื่อรับลม ส่วนไฟท้าย เดินเส้นไฟในดีไซน์เดียวกับปาเจโร สปอร์ต แต่มีขนาดเล็กกว่า ซึ่งในความรู้สึกของเรา ดูดุดันและสวยงามขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจน

นอกเหนือจากการปรับโฉมภายนอกแล้ว มิตซูบิชิ ยังจัดเต็มในส่วนอื่นๆ อีกหลายรายการ เราจะไล่เลียงไปตามลำดับ เริ่มจาก เกียร์อัตโตมัติจาก 5 สปีด มาเป็นรุ่น 6 สปีด ระบบช่วงล่าง มีการเปลี่ยนขนาดของโช้คอัพใหม่ จากเดิม เส้นผ่าศูนย์กลาง 42.7 ซม. มาเป็นขนาด 45 ซม. และเปลี่ยนค่า K ของแหนบที่ใช้รองรับ โดยทำให้นุ่มขึ้นกว่าเดิม ขณะที่ระบบเบรกเปลี่ยน คาลิปเปอร์เบรก จากขนาด 60.6 ตัวเดียว มาเป็นขนาด 45.4 สองตัว เพื่อช่วยเพิ่มการจับจานเบรกให้มั่นคงยิ่งขึ้น

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ภายในห้องโดยสาร ปรับเปลี่ยนดีไซน์ของคอนโซลกลางใหม่หมด รวมถึงหน้าปัดแสดงผล ติดตั้งช่องดูดแอร์จากทางด้านหน้ามาเป่าที่ด้านหลัง เพิ่มมือจับเวลาขึ้นรถสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และเพิ่มช่องเสียบ USB อีก 2 ช่อง พร้อมที่วางโทรศัพท์ทางด้านหลัง กล้องมองรอบคัน และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ

สำหรับระบบความปลอดภัย จัดมาให้เพียบ ระบบช่วงลงทางลาดชัน (HDC), ระบบเตือนวัตถุท้ายรถ (RCTA), ระบบเตือนวัตถุในจุดอับสายตาและช่วยเตือนเมื่อเปลี่ยนเลน,ระบบอัลต้าโซนิค ป้องกันการเร่งความเร็วสูงขณะออกตัว(UMS), ระบบตรวจจับวัตถุทางด้านหน้ารถ (FCM) เพื่อลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุ โดยจะทำงานแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ เตือนด้วยเสียง-ไฟสัญญาณ, เพิ่มเบรกเบาๆ และ เพิ่มเป็นเบรกหนัก ทั้งนี้ การทำงานจะขึ้นกับความเร็วที่ใช้

ด้านฟังก์ชันเกี่ยวกับการขับขี่ มีการเปลี่ยนมาใช้ปุ่มกลมเพื่อปรับโหมดการขับ โดยเพิ่มโหมด 4HLc ให้ใช้งานเมื่อรถต้องการแรงบิดสูงในรอบต่ำ รวมถึงเพิ่มโหมดการขับแบบออฟโรด ให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับแบบการขับขี่ได้ถึง 4 แบบ ได้แก่ Gravel ทางฝุ่นลูกรัง, MUD&SNOW ทางโคลนหรือหิมะ, SAND ทางฝุ่นทราย และ ROCK ทางหิน (เฉพาะโหมด4LLcเท่านั้น)

-ลองขับสั้นๆ กับทางฝุ่นและวิบาก

เรียนตามตรง เราได้ลองขับ 2 สถานี ตามที่ทีมงานมิตซูบิชิเซตไว้ให้ (ดูคลิปประกอบ) ด้วยระยะทางเพียงเท่านั้นและเวลาสั้นๆ ไม่กี่นาที จึงยังไม่สามารถสรุปออกมาได้ว่าเป็นอย่างไร มีเพียงความรู้สึกแรกสัมผัสเท่านั้น ที่พอจะบอกได้คร่าวๆ ว่า ดูดซับแรงสะเทือนได้ดีระดับหนึ่ง

ในสถานีที่สองนั้น เป็นการขับในโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ เพื่อลองระบบต่างๆ พบว่า ระบบช่วยลงทางลาดชันนั้นใช้งานได้ดี จับเร็วโดยไม่มีอาการหวาดเสียวแต่อย่างใด ถัดจากนั้นเป็นการขับผ่านอุปสรรคต่างๆ ทั้งเนินเอียง เนินสลับ เพื่อดูกำลังและการบิดตัวของรถ ซึ่งบอกตรงๆ ว่า ไม่ได้ยินเสียงการบิดตัวของตัวถัง นั่นหมายความว่า มีการประกอบที่ดี สมกับที่โรงงานมิตซูบิชิไทยเป็นฐานการผลิตปิกอัพเพื่อส่งออกไปทั่วโลก

สำหรับจุดสุดท้าย มิตซูบิชิ ให้นักแข่งแรลลี่ระดับตำนามมาขับ ไทรทัน ให้เรานั่งในเส้นทางสั้นๆ ที่ต้องบอกว่า ขับได้อร่อยเหาะ มีล้อลอยบ้างในบางจังหวะ ซึ่งเราถามทางหัวหน้าวิศวกรชาวญี่ปุ่นของมิตซูบิชิว่า สนใจจะทำปีกอัพสมรรถนะสูงบ้างหรือไม่ คำตอบคือ “อยากที่จะทำ” ส่วนจะทำเมื่อไหร่และการทดลองขับแบบเต็มรูปแบบจะมีพร้อมให้เราได้ทดลองขับวันใด คงต้องรอติดตามตอนต่อไป

ดูข่าวต้นฉบับ