In focus
- นายกรัฐมนตรีไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เพิ่งไปเข้าร่วมการประชุมเอเชีย-ยุโรป (ASEM) ที่เบลเยียม เป็นเวทีที่มีผู้นำชาติยุโรป เอเชีย และอาเซียนเข้าร่วมกว่า 50 คน
- สิงคโปร์ใช้โอกาสนี้ ไปลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรปเมื่อวันศุกร์ที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่วนประเทศไทย แม้เริ่มเจรจาเอฟทีเอกับอียูตั้งแต่ปี 2556 แต่ยุโรประงับการพูดคุยนับแต่มีรัฐประหารเมื่อปี 2557
- สิงคโปร์เป็นชาติแรกในบรรดาสมาชิก 10 ประเทศของอาเซียนที่ได้ทำข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป ผลประโยชน์หลักที่อียูกับสิงคโปร์จะได้รับ คือ การไม่ต้องจ่ายภาษีสินค้านำเข้าในเกือบทุกรายการ และการดำเนินการทางศุลกากรที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว
สิงคโปร์ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรปที่กรุงบรัสเซลส์เมื่อวันศุกร์ แม้ไทยเริ่มเจรจาเอฟทีเอกับอียูตั้งแต่ปี 2556 แต่ยุโรปได้ระงับการพูดคุยนับแต่รัฐประหารเมื่อปี 2557 และยืนยันจะเจรจาอีกครั้งเมื่อไทยมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งแล้ว
เมื่อวันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ลี เซียนลุง ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรปในโอกาสเข้าร่วมการประชุมเอเชีย-ยุโรป (EU ASEM) ในเมืองหลวงของเบลเยียม ซึ่งเป็นเวทีที่มีผู้นำชาติยุโรป เอเชีย และอาเซียนเข้าร่วมกว่า 50 คน รวมถึงนายกรัฐมนตรีไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
สิงคโปร์เริ่มเจรจาเอฟทีเอกับอียูเมื่อปี 2553 การเจรจาบรรลุข้อสรุปเมื่อปี 2557 แต่เนื่องจากมีการประท้วงโต้แย้งในประเด็นการค้าหลายเรื่อง จึงต้องส่งร่างข้อตกลงให้ศาลยุติธรรมยุโรปพิจารณา การจัดทำข้อตกลงฉบับนี้จึงต้องใช้เวลาร่วม 8 ปีกว่าจะได้ลงนามกัน
สำหรับไทยนั้น เริ่มการเจรจาในสมัยรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทว่าพอเกิดรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ยุโรปก็พับการเจรจาโดยทันที พร้อมกับประกาศเงื่อนไขว่า การเจรจาเอฟทีเอกับไทยจะรื้อฟื้นต่อเมื่อไทยมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งเท่านั้น
จนถึงขณะนี้ แม้รัฐบาลจากการยึดอำนาจแสดงท่าทีว่าจะให้มีการเลือกตั้งในราวช่วงครึ่งแรกของปี 2562 แต่ยังไม่มีหลักประกันว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นจริงตามสัญญา ดังนั้น ไทยจะได้ลงนามเอฟทีเอกับยุโรปเมื่อไร ยังไม่มีใครตอบได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.และนายกรัฐมนตรีของไทย นั่งประชุมติดกับนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ลี เซียน ลุง ในการประชุม EU-ASEM ที่กรุงบรัสเซลล์ วันที่ 19 ตุลาคม 2018 โดย Olivier HOSLET / AFP
ชาติแรกของอาเซียน
ผลประโยชน์หลักที่อียูกับสิงคโปร์จะได้รับจากเอฟทีเอ ก็คือ การไม่ต้องจ่ายภาษีสินค้านำเข้าในเกือบทุกรายการ และการดำเนินการทางศุลกากรที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน
สิงคโปร์เป็นชาติแรกในบรรดาสมาชิก 10 ประเทศของอาเซียนที่ได้ทำข้อตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป แรกเริ่มเดิมที อียูสนใจจะทำเอฟทีเอกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งภูมิภาค แต่การเจรจาวงใหญ่ไม่ราบรื่นจึงระงับไปเมื่อปี 2552 แล้วเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นการเจรจารายประเทศ
ชาติอาเซียนรายที่สองที่จะได้ลงนามกับอียู อาจเป็นเวียดนาม เพราะทั้งสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงในการเจรจาแล้ว และรายที่สามอาจเป็นอินโดนีเซีย หรือฟิลิปปินส์ ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจา
นอกจากข้อตกลงเอฟทีเอแล้ว ยังมีข้อตกลงอีก 2 ฉบับที่สิงคโปร์ลงนามกับอียูในคราวเดียวกัน นั่นคือ ข้อตกลงคุ้มครองการลงทุน และกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือ
ข้อตกลงการค้ากับข้อตกลงการลงทุนระหว่างสิงคโปร์กับอียูนี้ ยุโรปบอกว่าจะใช้เป็นแนวทางในการสร้างความตกลงระดับภูมิภาคระหว่างสหภาพยุโรปกับอาเซียนต่อไป
นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ลี เซียน ลุง (ซ้าย) จับมือกับ ฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (ขวา) และมีนายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานสหภาพยุโรป ยืนอยู่ระหว่างกลาง (ภาพเมื่อ 19 ตุลาคม 2018 โดย Francisco Seco / AFP)
ความร่วมมือหลากหลายมิติ
สำหรับกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือ (PCA-Partnership and Cooperation Agreement) สิงคโปร์นับเป็นชาติอาเซียนรายที่สี่ที่ลงนามกับอียูต่อจากอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม
ข้อตกลงพีซีเอ อียู-สิงคโปร์ ที่ว่านี้ ครอบคลุมความสัมพันธ์ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม อาทิ สิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ พลังงาน การศึกษา วัฒนธรรม การจ้างงาน สวัสดิการสังคม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การขนส่ง การต่อต้านการก่อการร้าย และการปราบปรามแก๊งอาชญากรรม
เอฟทีเอ อียู-สิงคโปร์ นับเป็นรูปธรรมของการสนับสนุนแนวทางการค้าเสรี ท่ามกลางข้อพิพาทการค้าระหว่างมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯกับหลายประเทศ ภายใต้นโยบาย ‘อเมริกาต้องมาก่อน’ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งถูกนานาชาติมองว่าเป็นลัทธิกีดกันทางการค้า
คำว่า การค้าเสรี ถือเป็นคีย์เวิร์ดในแถลงการณ์สรุปผลการประชุมเอเชีย-ยุโรปครั้งที่ 12 ในรอบนี้ ถ้อยแถลงระบุว่า บรรดาผู้นำมุ่งมั่นที่จะให้เกิดการค้าที่เสรีและเปิดกว้างบนความเสมอภาค และคัดค้านการกีดกันทางการค้าทุกรูปแบบ รวมถึงการใช้มาตรการฝ่ายเดียวและการทำการค้าโดยไม่เป็นธรรม
ไทยแลนด์รอไปก่อน
การไปร่วมประชุม เอเชีย-ยุโรป พ่วงด้วยการประชุม อาเซียน-ยุโรป ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครั้งนี้ ถือเป็นภาพสะท้อนความสัมพันธ์ที่กระเตื้องขึ้นระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป หลังจากอียูเคยลดความสัมพันธ์กับไทยภายหลังการยึดอำนาจ
หลังจากรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ในวันรุ่งขึ้น สหภาพยุโรปแสดงปฏิกิริยาด้วยการประกาศระงับการเยือนอย่างเป็นทางการระหว่างกัน คือ ผู้แทนอียูจะงดเยือนไทย และไม่ต้อนรับผู้แทนไทยไปเยือนอียู
อียูประกาศด้วยว่า จะไม่ลงนามกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือกับประเทศไทย จนกว่าไทยจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แม้ว่าอียูกับไทยได้บรรลุข้อตกลงฉบับนี้ตั้งแต่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2556 แล้ว
สำหรับข้อตกลงการค้าเสรี อียู-ไทย ซึ่งเริ่มเจรจาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2556 นั้น นับแต่รัฐประหารจนถึงวันนี้ อียูยังไม่มีกำหนดนัดหมายเจรจากับไทยรอบใหม่กับไทย
ความสัมพันธ์กับสหภาพยุโรปมีแนวโน้มในทางบวกหลังจากอียูประกาศเมื่อ 11 ธันวาคม 2560 ที่จะฟื้นคืนการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ไทยทุกระดับ หลังจากในตอนนั้นผู้นำไทยให้คำมั่นที่จะจัดการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2561
อย่างไรก็ตาม อียูยังคงยืนยันเงื่อนไขที่ว่า อียูจะยังไม่ลงนามทั้งข้อตกลงพีซีเอและข้อตกลงเอฟทีเอกับไทย จนกว่าไทยจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างเป็นประชาธิปไตย
สหภาพยุโรปมีความสำคัญต่อการค้าระหว่างประเทศของไทยมากทีเดียว อียูเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับสามของไทยรองจากจีนและญี่ปุ่น และไทยเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับสามของอียูในกลุ่มอาเซียน
ตามตัวเลขเมื่อปี 2558 ไทยส่งออกสินค้าไปยังอียูคิดเป็นมูลค่า 19,600 ล้านยูโร ขณะที่อียูส่งออกมายังไทยคิดเป็นมูลค่า 13,400 ล้านยูโร
ถ้าไทยจัดการเลือกตั้งในปีหน้าได้จริง ยังไม่รู้ว่าถึงตอนนั้นจะเกิดคำถามผุดซ้อนหรือไม่ ว่า การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นนั้น เป็นไปโดยเสรีและเป็นธรรมหรือเปล่า แล้วหากไทยมีนายกฯ ที่สืบทอดอำนาจจากระบอบรัฐประหาร นั่นจะเป็นประเด็นที่อียูติดใจ หรือว่าไม่ติดใจ.
“ผมเพิ่งกลับถึงบ้านมีเจ้าหมีมารอรับครับ การประชุมที่เบลเยียมผ่านไปด้วยดี ทุกคนที่ผมพบและประชุมด้วย ล้วนชื่นชมประเทศไทยของเราทั้งนั้น หายเหนื่อยครับ”
(ที่มา: เพจประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha https://www.facebook.com/prayutofficial/photos/a.464772180685069/471777153317905 )
อ้างอิง:
คุณชาญ อยากให้ท่านนายกประยุทธช่วยบอกย้ำๆซ้ำๆกับท่าน ผบ.ทบ.ด้วยว่า อียูจะไม่ทำเอฟทีเอกับไทยจนกว่าจะมีรัฐบาลจากเลือกตั้ง เพื่อให้ท่าน ผบ.ทบ.ได้ตระหนักว่าการรัฐประหารเป็นสิ่งที่สังคมอารยะทั่วโลกเขาไม่ยอมรับ ฉะนั้นเลิกคิดเรื่องการรัฐประหารได้แล้วถ้าพวกท่านรักชาติบ้านเมืองจริง ไม่มีเหตุผลใดๆทั้งสิ้นที่จะมาอ้างเพื่อรัฐประหาร เลิกดูถูกประชาชนได้แล้ว พวกท่านยึดอำนาจก็เพื่อประโยชน์ของพวกท่านเองทั้งสิ้น ท่านคิดว่าประชาชนเขาไม่รู้หรือครับ
21 ต.ค. 2561 เวลา 18.31 น.
🍭ChaiWaT PH ™🍭 ประเทศอื่นเขาคงคิด เฮ้ย!มึงมานั่งทำอะไรตรงนี้ฟังคนอื่นพูดรู้เรื่องหรอ คงได้แค่ yes no o.k
21 ต.ค. 2561 เวลา 18.30 น.
Tu789 เผด็จการแดกไม่ได้ มึงสำเนียกบ้างมั๊ยไอ้ลุงฉุน
21 ต.ค. 2561 เวลา 18.33 น.
ไอ้ตู่ยิ้มเหมือน หมาเลยอะๆๆๆแดกภาษีมีรอยยิ้ม
21 ต.ค. 2561 เวลา 18.04 น.
ผมมีความสุขกับการได้โพสด่าว่า
นายกแบบไอ้ตู่ไอ้ประวิตร อะๆๆๆๆ
เรื่องเฮียไปของ คสช
21 ต.ค. 2561 เวลา 18.06 น.
ดูทั้งหมด