ผู้นำแรงงาน ขานรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ ดีเดย์ 1 เม.ย.นี้

นายชาลี ลอยสูง รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยกล่าวว่า ผลการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างไตรภาคี ที่ออกมา มีความแตกต่างของค่าจ้างขั้นต่ำ ถึง 7 ระดับ ตั้งแต่วันละ 308 บาท ไปถึง 330 บาท คือ มีมากถึง7 กลุ่มจังหวัดด้วยกัน
พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า นับเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่พิจารณาเห็นชอบให้กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ แต่ลูกจ้างแรงงานกลับได้ค่าแรงขั้นต่ำขึ้นมาเป็น 325 บาท ได้ขึ้นค่าแรงน้อยกว่า ภูเก็ต ชลบุรี และระยองที่มีฐานค่าจ้างขั้นต่ำขึ้นเป็น 330 บาท ผู้นำแรงงานจึงขอเรียกร้องให้กระทรวงแรงงานตอบคำถามนี้ กับผู้ใช้แรงงานด้วย
สำหรับในภาพรวม ก็ยังถือว่า การจัดค่าจ้างเป็น 7 ระดับ ก็ไม่เท่ากันอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เป็นวิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจพื้นฐาน ที่ดีที่สุด เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้เร็วที่สุด และแบ่งเบาบรรเทาความเดือดร้อนจากค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นให้แก่ผู้ใช้แรงงาน  แต่จากนี้ สิ่งที่ขอเรียกร้องคือขอให้รัฐบาล ควบคุมราคาสินค้าไม่ให้แพงเกินจริง ไม่ให้ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าและอาหาร ตามค่าแรง
ขณะที่นายชินโชติ แสงสังข์ ประธานสภาองค์การลูกจ้างสภาแรงงานแห่งประเทศไทย ขอบคุณรัฐบาลที่ปรับค่าจ้างขั้นต่ำในครั้งนี้ เป็นอัตราที่อยู่ในโลกของความเป็นจริง และอิงเขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยเฉพาะ จังหวัดชลบุรี และระยอง ที่ปรับขึ้นสูงสุดถึง 22 บาท ให้กับผู้ใช้แรงงาน กำลังแรงงานเข้มข้นในภาคอุตสาหกรรม ได้ค่าจ้างที่สมน้ำสมเนื้อ
ขณะที่กระทรวงแรงงาน วันนี้ ปลัดกระทรวงแรงงาน จะนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงนามเห็นชอบในอัตราใหม่ค่าจ้างขั้นต่ำ และเข้าคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า การประกาศครั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ เริ่มตั้งแต่วันที่1 เมษายน 2561 เป็นต้นไป ไม่มีผลย้อนหลัง