โตในคุก อดีตนักโทษ หลั่งน้ำตา ได้ยินเสียงพ่อครั้งแรก เศร้ารู้ข่าวน้องดับ

อดีตนักโทษ หลั่งน้ำตา โตในคุกทั้งชีวิต เข้าเรือนจำตั้งแต่อายุ 19 เมื่อปี 37 เศร้า รู้ข่าวน้องสาวเสียชีวิต ร้องไห้ได้ยินเสียงพ่อครั้งแรก สัญญาจะเป็นคนดี

วันที่ 19 ก.พ.2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปราบยาเสพติด สภ.หาดใหญ่ จับกุม นายสมพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี มั่วสุมเสพยาเสพติดกับกลุ่มเพื่อนภายในบ้านหลังหนึ่ง ย่านถนนสวัสดิรังสรรค์ ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

เมื่อตำรวจสอบถามว่า มีญาติพี่น้องหรือไม่ เพื่อจะแจ้งให้ทราบว่าถูกจับ แต่นายสมพร บอกว่า ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเพราะไม่ได้กลับบ้านที่ จ.สุราษฎร์ธานี มา 30 ปีแล้วเพราะใช้ชีวิตวนเวียนอยู่ในคุกตั้งแต่ปี 37 เพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อปี 65 เรียกว่าโตมาในคุกก็ว่าได้

อดีตนักโทษ หลั่งน้ำตา โตในคุกทั้งชีวิต เข้าเรือนจำตั้งแต่อายุ 19 เมื่อปี 37 เศร้า รู้ข่าวน้องสาวเสียชีวิต ร้องไห้ได้ยินเสียงพ่อครั้งแรก สัญญาจะเป็นคนดี

ตำรวจจึงช่วยค้นหาญาติในทะเบียนราษฎร์จนทราบว่ายังมีน้องชายกับพ่อที่ยังอยู่ส่วนน้องสาวเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่อายุ 27 ปี ทันทีที่รู้ว่าน้องสาวเสียชีวิตถึงกับก้มหน้าร้องไห้ ตำรวจจึงค้นหาเบอร์น้องชายจนเจอและโทรวิดีโอคอลให้พี่น้องได้เห็นหน้าและคุยกันเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี

นายสมพร หลั่งน้ำตาร่ำไห้เมื่อน้องชายบอกว่า พ่อยังถามหาตลอดและเป็นห่วงเสมอ โดยนายสมพรสัญญาว่า หลังจากจบคดีที่ถูกจับก็จะกลับตัวกลับใจและกลับบ้านไปอยู่กับพ่อที่ จ.สุราษฎร์ธานี

ล่าสุดวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา นายสมพร หรือฉายา "กุ้งใต้ราว" ได้รับอิสรภาพอีกครั้งหลังจากที่ถูกจับกุมคดียาเสพติดเมื่อวันที่ 12 ก.พ.2568 ศาลสั่งปรับ 4,000 บาท แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าปรับ ถูกคุมตัวไปขังแทนค่าปรับที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษสงขลาแทน

ทันทีที่ได้รับอิสรภาพ ได้เดินทางมาหาตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดหรือชุดตะวัน ที่ สภ.หาดใหญ่ เพราะว่าทางชุดตะวันบอกว่า ถ้าพ้นโทษออกมาให้มาหาพี่ตำรวจชุดนี้เพื่อช่วยพากลับบ้าน

โดยมี ด.ต.สนธยา ขุนทองปาน หรือ จ่าเอี้ยง ช่วยโทรไปหาพ่อ เมื่อนายสมพรได้ยินเสียงพ่อครั้งแรกในรอบ 30 ปีถึงกับก้มหน้าร่ำไห้โฮออกมาทันที และได้คุยกับพ่อเป็นครั้งแรกทั้งน้ำตาด้วยความดีใจ และบอกว่าอยากกลับบ้าน พ่อก็ถามว่าอยู่ที่ไหนและดีใจคิดถึงเสมอและจะไปรอรับ

ตำรวจชุดตะวันได้ดูแลอย่างดี เลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำพาไปเก็บสัมภาระส่วนตัว และจ่าเอี้ยงก็พาไปส่งที่คิวรถตู้ตลาดเกษตร หาดใหญ่ใน ซื้อตั๋วโดยสารให้และให้เงินติดกระเป๋าอีก 500 บาท

นายสมพร ถึงกับร้องไห้ก้มลงกราบจ่าเอี้ยงที่ช่วยพากลับบ้าน และสัญญาพร้อมสาบานว่า จะกลับตัวกลับใจเป็นคนดี จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกแล้ว และยกมือไหว้เดินขึ้นรถมินิบัสหาดใหญ่-สุราษฎร์ธานี โบกมือลาจ่าเอี้ยงเป็นครั้งสุดท้าย

โดยโทรนัดกับพ่อให้ไปรับที่สถานีตลาดเกษตร 1 ที่บ้านดอนสุราษฎร์ธานี โดยออกเดินทางในช่วง 15.00 น. และคาดว่าจะถึงสุราษฎร์ธานี 20.00 น.

นายสมพร เล่าถึงประวัติตัวเองในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาให้ทีมข่าวฟังว่า แทบจะโตมาในคุกก็ว่าได้ เริ่มจากอายุ 19 ปี ตอนนั้นเกเรมาก ก่อเหตุลักทรัพย์และถูกจับกุมเมื่อปี 37 เพราะก่อคดีลักทรัพย์ถึง 20 คดี ถูกศาลพิพากษาจำคุก 33 ปี 4 เดือน

นายสมพร กล่าวต่อว่า ครั้งแรกติดคุกที่เรือนจำสุราษฎร์ธานี แต่อยู่ในคุกก็ทำยังแหกกฎ ก็เลยถูกส่งตัวมาอยู่ที่เรือนจำจังหวัดสงขลาเมื่อปี 43 แต่ก็ยังประพฤติตัวไม่ดีจากนักโทษชั้นดีถูกลดชั้นมาอยู่ในกลุ่มนักโทษชั้นต่ำสุด ไม่ได้รับการลดหย่อนโทษ

นายสมพร กล่าวอีกว่า ด้วยความที่ร้าย เมื่อปี 62 ถูกย้ายไปอยู่เรือนจำกลางเขาบิน จนกระทั่งพ้นโทษออกมาเมื่อปี 65 ส่วนฉายา "กุ้งใต้ราว" เป็นฉายาที่ได้มาจากคุก เพราะตอนติดคุกมักจะไปรวมหัวแอบกันไปหลบมุมอยู่ใต้ราวผ้า

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : โตในคุก อดีตนักโทษ หลั่งน้ำตา ได้ยินเสียงพ่อครั้งแรก เศร้ารู้ข่าวน้องดับ

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th