ทั่วไป

‘เอมมานูเอล มาครง’ คว้าชัยเลือกตั้งปธน.ฝรั่งเศส เป็นผู้นำฝรั่งเศสคนแรกรอบ 20 ปี ได้นั่งเก้าอี้สมัยที่ 2

THE STATES TIMES
อัพเดต 25 เม.ย. 2565 เวลา 03.34 น. • เผยแพร่ 25 เม.ย. 2565 เวลา 03.32 น. • Hard News Team

ผลเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสอย่างไม่เป็นทางการ "เอมมานูเอล มาครง" ผู้นำฝรั่งเศส วัย 44 ปี ชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนเบื้องต้นร้อยละ 58 สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้นำฝรั่งเศสคนแรกในรอบ 20 ปี ที่ชนะเลือกตั้งสมัยที่ 2

วันนี้ (25 เม.ย. 65) ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของฝรั่งเศสรอบสองตัดสินที่จัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา "ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง" นักการเมืองฝ่ายเสรีนิยมและสนับสนุนสหภาพยุโรปหรืออียู วัย 44 ปี ชนะเลือกตั้งเหนือ "นางมารีน เลอ เปน" คู่แข่งจากพรรคการเมืองฝ่ายขวาจัด ที่ประกาศนโยบายต่อต้านสหภาพยุโรป หรือ อียู และต่อต้านผู้อพยพ วัย 53 ปี

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ผลเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ "มาครง" ได้คะแนนเสียงร้อยละ 58 ส่วน "เลอ เปน" ได้ คะแนนเสียงร้อยละ 42 แม้ช่องว่างของคะแนนเลือกตั้งที่ชนะกัน ไม่ทิ้งห่างมากเท่ากับเมื่อครั้งการเลือกตั้งเมื่อปี 2560 แต่ก็ทำให้นายมาครง สร้างประวัติศาสตร์ เป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนแรกที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นสมัยที่ 2 ในรอบ 20 ปี

นายมาครงพร้อมบริจิต มาครง สตรีหมายเลข 1 เดินทางมาถึงเวทีที่จัดตั้งขึ้นที่ลานหน้าหอไอเฟล แลนด์มาร์ก สัญลักษณ์สำคัญของฝรั่งเศส ในกรุงปารีส เพื่อแถลงต่อกลุ่มผู้สนับสนุนตามที่ประกาศไว้ช่วงวันเลือกตั้ง

ก่อนขึ้นเวทีทักทายและแถลงขอบคุณกลุ่มผู้สนับสนุน และ ชาวฝรั่งเศส ตลอดเวลา 5 ปี เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งด้านดีและยากลำบากรวมทั้งวิกฤติการณ์ที่ไม่ธรรมดา แต่วันนี้เสียงส่วนใหญ่ตัดสินใจเลือกที่จะเชื่อมั่นในตัวเขาให้บริหารประเทศฝรั่งเศสต่อไปอีก 5 ปี ประกาศจะเป็นประธานาธิบดีของชาวฝรั่งเศสทุกคน ไม่มีค่ายหรือแบ่งฝ่าย ไม่เว้นแม้แต่คนที่เลือก มารีน เลอ เปน นักการเมืองฝ่ายขวาจัด

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ขณะที่ นางบริจิต ให้สัมภาษณ์กับโทรทัศน์ช่องหนึ่ง รับรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่นายมาครงชนะเลือกตั้งอีกสมัย รู้สึกมีความสุขและเชื่อมั่นในนายมาครง ผู้เป็นสามี ที่สร้างประวัติศาสตร์ มาครง มีเป้าหมายอันแรงกล้าที่จะทำทุกอย่างเพื่อฝรั่งเศส

ด้าน มารีน เลอ เปน ผู้สมัครฝ่ายขวาจัด วัย 53 ปี ที่ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสครั้งนี้นับเป็นรอบที่ 3 กล่าวยอมรับความพ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีของฝรั่งเศส รอบสองรอบตัดสิน

ดูข่าวต้นฉบับ