ทั่วไป

The Last Beach -ชายหาดสุดท้ายที่ปากน้ำปราณ

The Reporters
อัพเดต 22 เม.ย. 2565 เวลา 12.07 น. • เผยแพร่ 22 เม.ย. 2565 เวลา 12.07 น.

หลักฐานเชิงประจักษ์จากเขื่อนขั้นบันไดแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ความแตกต่างระหว่าง ชายหาดธรรมชาติ-ลานออกกำลังกายริมทะเล-จุดเช็คอินท่องเที่ยว

"ต้นตาลสามต้น" เป็นสัญลักษณ์การท่องเที่ยวของหาดปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเป็นจุดเช็คอินถ่ายภาพของนักท่องเที่ยว มาตั้งแต่ยังมีชายหาด ซึ่งจากปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ทำให้มีการสร้างกำแพงกันคลื่นริมหาดปากน้ำปราณ ในช่วงกว่า 10 ปี ที่ผ่านมา

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

จากระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร ของหาดปากน้ำปราณ มีการสร้างกำแพงกันคลื่นไปแล้วกว่า 5 กิโลเมตร เปลี่ยนสภาพจากกำแพงกันคลื่นขนาดเล็ก กลายเป็นเขื่อนขั้นบันได สร้างโดยกรมโยธาธิการและผังเมือง พร้อมกับการปรับภูมิทัศน์ สร้างทางเดิน ทางจักรยาน และสวนหย่อม สถานที่ออกกำลังกายให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ ตลอดแนวเขื่อนขั้นบันได

หลายคนก็ชื่นชอบ จนกลายเป็นแลนด์มาร์คการท่องเที่ยว และป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งที่มาประชิดถนน ซึ่งฝั่งตรงข้ามเป็นสิ่งปลูกสร้าง โรงแรม และบ้านเรือนประชาชน ที่อาจทำลายแหล่งท่องเที่ยวได้

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

แต่หลายคนก็รู้สึกเสียดายที่มาเที่ยวทะเล มาเที่ยวหาดปากน้ำปราณ แต่ทำได้แค่มานั่งชมวิว จากเขื่อนขั้นบันได เหมือนนั่งดูน้ำทะเลในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ไม่สามารถลงไปเล่นน้ำได้ เพราะคลื่นลมแรง และไม่มีชายหาดให้ลงไปได้แล้ว อาจมีบ้างในจังหวะน้ำลง แต่ต้องเดินระวังเพราะบริเวณขั้นบันได มีตะไคร่น้ำ เศษหอยที่เกาะติดจนเป็นอันตรายเกินกว่าจะเดินเล่นได้

กำแพงกันคลื่น จึงมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แล้วแต่มุมมอง แต่การสร้างกำแพงกันคลื่น ที่ทำขยับมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นโดมิโน่ทำให้ชายหาดปากน้ำปราณ ค่อยๆ หายไป จนเหลือเพียง…..

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ชายหาดกว้าง 700 เมตร ในเขตเทศบาลปากน้ำปราณ กลายเป็นชายหาดสุดท้าย หรือ The Last Beach หลังตลอดแนวชายหาดปากน้ำปราณ ระยะทางกว่า 8 กม. มีการทำเขื่อนขั้นบันไดกันคลื่นไปแล้วกว่า 5 กม.ทั้งในเขต อบต.ปากน้ำปราณ และเขตเทศบาลปากน้ำปราณ โดยกรมโยธาธิการตั้งแต่ปี 2558 และกำลังจะมีการก่อสร้างต่อมาอีก 3 เฟส ระยะทางกว่า 3 กม.โดยจะเริ่มเฟส 1-2 ในปีนี้

ชายหาดปากน้ำปราณค่อยๆ หายไปจนเหลือชายหาดสุดท้ายเพียง 700 เมตร

ทำให้กลุ่มคนรักทะเล และชายหาดปากน้ำปราณ ได้ยื่นเรื่องต่อเทศบาล และ คณะกรรมาธิการ สภาผู้แทนราษฎร ขอให้ชะลอการสร้างเฟส 3 เพื่อให้เป็นพื้นที่ทดลองการใช้วิธีการอื่นในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง แทนการใช้โครงสร้างแข็ง จึงเกิดโครงการสวนรักทะเล ที่ทางกลุ่มได้ปลูกต้นระกทะเล เมื่อ 4 ปีก่อน จนเห็นทรายเพิ่มขึ้นเป็นชายหาด และกลายเป็น ชายหาดสุดท้าย ของปากน้ำปราณ ไปแล้ว

"ที่นี่เป็นชายหาดสุดท้ายที่สิ้นสุดของโครงสร้างแข็งที่ก่อสร้างริมชายหาด เป็นชายหาดกว้างที่มีทรายมาสะสมเป็นตะกอนทราย เป็นชายหาดสุดท้ายที่ทุกคนเข้าถึงชายหาดได้อย่างเสรี มีนักกีฬาไคท์เซิร์ฟ "

นายพิษณุพงษ์ เหล่าลาภผล ประธานกลุ่มคนรักทะเลและชายหาดปากน้ำปราณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า จากสภาพที่เห็นชายหาดปากน้ำปราณ ค่อยๆถูกกลืนหายไป ทำให้พวกเขาพยายามขับเคลื่อนและสื่อสารกับทุกคน หาแนวร่วม สร้างความเข้าใจว่าการรักษาชายหาด ไม่จำเป็นต้องใช้โครงสร้างแข็งอย่างเดียว ต้นไม้ ต้นรักทะเลยังใช้ได้อยู่ ให้เหมาะสมกับพื้นที่ ซึ่งสวนรักทะเล ปลูกไว้ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง มีทรายสะสมทั้งด้านหน้าและด้านหลังต้นรักทะเล กลายเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ ที่มาดูได้เลย

"ระยะหลัง ยังพบ นกหัวโตมลายู มาวางไข่ 200-300 ตัว มีเต่าทะเล ที่บริเวณนี้ เป็นความสมบูรณ์ทางระบบนิเวศน์ เราได้เห็นใช้วิถีชุมชน มีชายหาดเล่นน้ำทะเล มีนักท่องเที่ยว มาปักหลัก มาเล่นไคท์เซิรฟ์"

นายพิษณุพงษ์ ยอมรับว่า การสร้างเขื่อนขั้นบันไดกันคลื่น มีเสียงที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่อยากให้มองที่ภาพรวมของผลกระทบทางนิเวศน์ทางทะเลและชายฝั่ง แต่การป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง จึงจำเป็นต้องเลือกวิธีที่เหมาะสม ซึ่งเราได้ทำให้เห็นแล้ว

"สิ่งที่เห็นชัดเจนอีกเรื่องหนึ่งที่หาดปากน้ำปราณ คือเราเห็นนักกีฬาทางน้ำ มาเล่น ไคท์เซิร์ฟ มาเล่นที่นี่มากขึ้น เพราะเป็นหาดที่เหมาะกับการเล่นมาๆ กำลังกลายเป็นที่เล่นชื่อดังของนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย"

ในขณะที่นักกีฬาไคท์เซิร์ฟ ก็ยืนยันเช่นนั้น ว่าพวกเขาชอบที่นี่ และพร้อมที่จะร่วมหวงแหน ชายหาดสุดท้ายกับไปกับชาวปราณบุรี

ดูข่าวต้นฉบับ