เมื่อวันที่ 20 ก.ค. น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ 'ช่อ' โฆษกพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยระบุว่า แก้รัฐธรรมนูญเมียนมา-ไทย ใครจะทำสำเร็จก่อนกัน?วันก่อนอ่านข่าวรัฐบาลซูจีขยับจะแก้รัฐธรรมนูญ เลยอดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนบ้านอย่างเมียนมากับไทยเรา กำลังสู้ในสมรภูมิที่ไม่ต่างกัน เจอความท้าทายเดียวกัน จนน่าศึกษาเพื่อเป็นแนวทางว่า แคมเปญแก้รัฐธรรมนูญของเราจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร
ความเหมือน-ความต่าง ระหว่างรัฐธรรมนูญไทย-เมียนมา
ไม่แน่ใจว่าผู้ร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ได้รับแรงบันดาลใจจากเพื่อนบ้านมามากน้อยแค่ไหน แต่รัฐธรรมนูญ 2 ฉบับของ 2 ประเทศ มีจุดร่วมกันหลายประการ ตั้งแต่ที่มา เนื้อหา และความยากในการแก้ไข
ที่มา>> รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันของทั้งไทยและเมียนมา ร่างโดยรัฐบาลทหาร และสร้างความชอบธรรมผ่านการลงประชามติที่ไม่โปร่งใส
ในเมียนมา การลงประชามติเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากประเทศเผชิญภัยพิบัติร้ายแรงจากพายุไซโคลนนาร์กีส ประชาชนไม่พร้อมจะทำกิจกรรมการเมืองใดๆ มีเสียงเรียกร้องมากมายให้เลื่อนการประชามติไปก่อน รวมถึงการเรียกร้องจากเลขาธิการสหประชาชาติ แต่รัฐบาลไม่ยินยอม สุดท้ายรัฐธรรมนูญผ่านการเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 92.4% โดยมีผู้ไปใช้สิทธิ์ 99% แน่นอนว่าเป็นตัวเลขที่อ้างโดยรัฐบาลทหารฝ่ายเดียว รัฐสภาสหรัฐฯลมติประณามการทำประชามติครั้งนี้ว่าไม่ชอบธรรม เนื่องจากผู้รณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญจำนวนมากถูกปราบปรามและจับกุมคุมขัง และยังพบความผิดปกติมากมายในวันลงประชามติ
ในประเทศไทย ร่างรัฐธรรมนูญถูกจัดทำโดยคณะบุคคลที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลทหาร การรณรงค์เกิดขึ้นฝ่ายเดียวโดยรัฐบาล ฝ่ายคัดค้านการเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญถูกจับกุม สื่อถูกบังคับให้เซ็นเซอร์ตัวเอง เสี่ยงต้อการถูกลงโทษหากวิจารณ์เนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ สุดท้ายรัฐธรรมนูญผ่านการเห็นชอบในการลงประชามติด้วยคะแนนเสียง 61.35%
เนื้อหา>> ใจความสำคัญของเนื้อหารัฐธรรมนูญไทยและเมียนมา คือการสถาปนาอำนาจที่มาจากการแต่งตั้ง เหนืออำนาจที่มาจากการเลือกตั้ง เมียนมากำหนดให้ที่นั่ง 1 ใน 4 ของสภามาจากการแต่งตั้งโดยกองทัพ และ 3 กระทรวงสำคัญด้านความมั่นคง คือกระทรวงกลาโหม มหาดไทย และกิจการชายแดน เป็นที่นั่งถาวรของนายทหารจากกองทัพ รัฐธรรมนูญไทยล้ำหน้าไปกว่าเมียนมา โดยกำหนดให้ 1 ใน 3 ของรัฐสภามาจากการแต่งตั้ง นั่นก็คือ ส.ว. 250 คน ผู้มีอำนาจเต็มเท่าส.ส. ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี รัฐธรรมนูญ 2 ฉบับยังเหมือนกันอีกอย่าง คือคนเขียนมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าในการให้เนื้อหารัฐธรรมนูญสกัดกั้นการเข้าสู่อำนาจของนักการเมืองบางคนเป็นการเฉพาะ
ความยากในการแก้>> จุดแข็งที่สุดของรัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญแทบจะเป็นไปไม่ได้ หากทหารไม่ยินยอม
รัฐธรรมนูญเมียนมาระบุว่าจะแก้ไขสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญได้ ต้องใช้เสียงเกิน 75% ของรัฐสภา ซึ่งหมายความว่าถ้าทหารไม่ยอมยกมือสนับสนุน การแก้ไขจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย
เช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญไทย ที่ระบุว่าจะแก้รัฐธรรมนูญต้องได้รับการรับรองจากเสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา โดย 1 ใน 3 ของส.ว. และ 1 ใน 5 ของฝ่ายค้านต้องเห็นชอบด้วย เมื่อส.ว.ทั้งหมดต่างแสดงจุดยืนไปในทางเดียวกันตอนโหวตเลือกพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกฯ การจะหวังให้เสียง 1 ใน 3 แตกออกมาโหวตหนุนแก้รัฐธรรมนูญ จึงแทบเป็นไปไม่ได้ แทบเป็นไปไม่ได้ ก็หมายความว่า ยังเป็นไปได้
การแก้รัฐธรรมนูญเป็นภารกิจที่เกือบเป็นไปไม่ได้ แต่หากไม่ทำ รัฐบาลจากการเลือกตั้งก็จะไม่สามารถได้มาซึ่งอำนาจในการบริหารประเทศอย่างสมบูรณ์ได้ ต้องงอนง้อพึ่งใบบุญกลไกสืบทอดอำนาจทหารตลอดไป
ด้วยเหตุนี้ พรรคอนาคตใหม่จึงยืนยันว่า แม้จะเป็นฝ่ายค้าน แต่การแก้รัฐธรรมนูญจะเป็นภารกิจที่เราทำต่อเนื่อง ทำในระยะยาว ทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะประสบความสำเร็จ และจะสำเร็จได้ต้องอาศัยพลังมวลชนจากนอกสภาสนับสนุน เพราะกลไกในสภาถูกปิดล็อกไปแล้วโดยรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีทางอื่นนอกจากให้ประชาชนเจ้าของบ้าน ร่วมกันแสดงพลังกดดันให้สภาคลายล็อกให้ได้
พรรค NLD เองก็ใช้กลยุทธนี้ หลายปีที่ผ่านมาส.ส.ฝั่งรัฐบาลพยายามเสนอแก้รัฐธรรมนูญหลายครั้ง หลายมาตรา รวมถึงการลดโควต้าที่นั่งจากการแต่งตั้งของกองทัพเหลือ 15% จาก 25% แต่ก็ถูกส.ส.แต่งตั้งตีตกไป ล่าสุดจึงมีการใช้พลังมวลชนมาร่วมสนับสนุน ผ่านการรณรงค์อย่างสงบสันติ
*เมื่อมาถึงสนามมวลชน ทหารเองก็แก้เกมด้วยการมีมวลชนของตัวเอง ออกมาต่อต้านการแก้รัฐธรรมนูญ โดยทำในนามผู้รักชาติ ปกป้องศาสนา นี่เป็นเกมที่เราอาจจะได้เห็นในอนาคตอันใกล้ เมื่อการรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญในไทยเดินหน้าเต็มตัว *
สำเร็จหรือไม่ไม่ใช่คำถาม ต้องถามว่า สำเร็จเมื่อไหร่ คำตอบคือนี่คือการวิ่งมาราธอน ใช้ความอดทนและมุ่งมั่นของเรา ประชาชน มีวิธีนี้วิธีเดียวที่จะปลดประเทศไทยจากพันธนาการที่คสช.ล่ามเราไว้ จะล้มรัฐธรรมนูญและรัฐบาลของประชาชน ใช้รถถังและเวลาชั่วอึดใจ แต่จะล้มรัฐธรรมนูญทหารด้วยมือเปล่าของคนธรรมดา ด้วยวิธีสันติ ใช้เวลาหลายปี แต่เรารอได้ จนกว่าจะถึงวันที่ชัยชนะเป็นของประชาชน
ขอบคุณภาพและข้อความจากเพจ ช่อ สุพรรณิการ์
โอ อีช่อ อีชาติชั่วมึงนี้มันคนเนรคุณแผ่นดิน จะมาปลุกระดมประชาชนด้วยกลอุบาย ให้ประชาชนล้มรัฐมนูญการปกครองประเทศ โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คนอย่างมึงไม่ตายดีหรอกอีจังไร มึงไม่พอใจ มึงเอาครอบครัวมึงตระกูลไปอยู่ต่างประเทศเลย อีจังไร อีตัวเสนียดของประเทศ
20 ก.ค. 2562 เวลา 17.14 น.
Wanchai@amata45 มึงไปปลุกพ่อมึงไป
20 ก.ค. 2562 เวลา 17.20 น.
จิตและวิญญาณความเป็นคน...ไทยอยู่ไหนอีช่อ...ไทยนี้รักสงบ-แต่จึงรบไม่ขลาด..เอกราชกว่าจะได้มาแสนยาก...แต่บรรพบุรุษให้มึงรักษาไว้มันยิ่งยากกว่า..ชีวิตมึงทั้งชีวิตเสียอีกอีช่อ....บั..ด ซ...บ
20 ก.ค. 2562 เวลา 17.33 น.
Nuay Walk by Faith ข่าวนี้รับค่าจ้างมาจากใครหรือเปล่าครับ เอียงมากจนน่าเกลียดเชียว
20 ก.ค. 2562 เวลา 17.11 น.
Waraporn บ้าน ช่อ อยู่ ไหน
บ้าน ช่อ อยู่ ไหน
บ้านๆๆๆ
พ่อ แม่ อยู่ ไหน
อย่าเกินเลย นะนาง
คิดดีทำดี ไปสุขสบาย
ตอนนี้นาง เกินไปแล้ว
นรค รออยู่
55555...
20 ก.ค. 2562 เวลา 17.17 น.
ดูทั้งหมด