ไลฟ์สไตล์

ชีวิตติดซีรีส์ - เฟื่องลดา

THINK TODAY
เผยแพร่ 30 พ.ค. 2562 เวลา 11.11 น.

“คู่แข่งของ Netflix คือ การนอน” 

สิ่งที่ Reed Hastings ซีอีโอของ Netflix กล่าวไม่ได้เกินจริงไปนัก 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เมื่อทุกวันนี้เราหลายคนชอบดูซีรีส์มาราธอน ดูรวดทีเดียวหลายสิบตอน

พฤติกรรมนี้มีศัพท์เรียกว่า Binge-Watching

เริ่มมาจากการที่ Netflix ซึ่งเป็นบริการสตรีมมิงชื่อดังสำหรับดูหนัง รายการทีวี สารคดีต่างๆ 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เป็นเจ้าแรกที่เริ่มลงซีรีส์ให้ดูได้ตั้งแต่ต้นจนจบ และพบว่า 

คอซีรีส์หลายคนไม่ได้ดูแค่ตอนเดียว แต่ชอบดูรวดทีเดียวไปเลยเพื่อความมันส์ !     

ทำไมเราถึงติดลม 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

กระแสการการ Binge-Watching กลายเป็นทางเลือกใหม่สำหรับการพักผ่อนแบบ “นอนเปื่อยอยู่บ้านกระหน่ำดูซีรีส์” ซึ่งหากดูหมดรวดเดียวทุกตอนแบบไม่ skip ก็ใช้เวลาเทียบเท่ากับการไปเที่ยวพักผ่อน 1 ทริปสั้นๆในวันหยุดเลยทีเดียว  

เมื่อกระแสดูหนังมาราธอนฮิตขนาดนี้ จึงมีเว็บชื่อ Bingeclock ที่คำนวณเวลาสำหรับการดูซีรีส์ทุกตอนออกมาให้ว่า ซีรีส์แต่ละเรื่องเราต้องใช้เวลาดูทั้งหมดกี่วัน กี่ชั่วโมง กี่นาที เช่น 

Game of Thrones ใช้เวลาทั้งหมด 3 วัน 34 นาที 

เหตุผลที่การกระหน่ำดูหลายตอนสนุกเพราะฝั่งคนทำซีรีส์เองก็ออกแบบการเล่าเรื่องให้แต่ละตอนมีการทิ้งท้ายที่ชวนให้อยากรู้เรื่องราวต่อในตอนถัดไป (Cliffhangers)

ถ้าได้ดูต่อไปเรื่อยๆ จะเกิดความรู้สึกฟินที่ได้รู้เรื่องราวจากซีรีส์ก่อนใคร แถมเวลาดูซีรีส์มักจะเกิดสภาวะติดพัน ทำให้เราจดจ่อกับเรื่องราวในจอดั่งเป็นเรื่องราวที่เจอกับตัวเอง

สาวกซีรีส์จึงมักลงเอยด้วยการดูอย่างต่อเนื่องมากกว่าที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก 

การ Binge-Watching นี้ไม่ได้เกิดเฉพาะกับผู้ใช้บริการ Netflix เท่านั้น 

แต่คอซีรีส์ที่ดูหนังจากบริการสตรีมมิงอื่นๆ ทั้ง Line TV, Amazon Prime, Hulu และอีกมากมาย ล้วนมีอาการติดจอ ขยับไปไหนไม่ได้จนกว่าจะได้ดูจนจุใจ 

ดูซีรีส์ยังไง ไม่ให้หักโหมเกินไป  

แล้ว Binge-Watching มีข้อเสียบ้างไหม ?  

ในด้านสุขภาพ การนั่งดูทีวีนานๆ ไม่ได้เปลี่ยนท่านั่ง เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ ทั้งโรคหัวใจ เบาหวาน มะเร็ง 

แถมยังทำให้อดหลับอดนอนมากขึ้นและเข้าสังคมน้อยลง (Anti-Socia)

ส่วนในแง่ความสนุกของการดูนั้น แม้เราจะรู้สึกสนุกที่ได้ดูรวดเดียว ไม่ขาดตอน

แต่มีการวิจัยจาก University of Melbourn ที่ค้นพบว่าการ Binge-Watch ทำให้เราจดจำเรื่องราวที่ดูได้น้อยกว่าและรู้สึกสนุกน้อยกว่าคนที่ค่อยๆดูไปทีละตอน  

หลายครั้งที่คนเราดูซีรีส์ก็เพราะต้องการหลีกหนีจากเรื่องวุ่นวายในชีวิตประจำวัน

พอรู้ว่าคลิกมาที่บริการสตรีมมิงจะต้องมีอะไรใหม่ๆให้ดูแน่ 

ทำให้เลือกนั่งนิ่งๆและดูหนังไปเรื่อยๆฆ่าเวลาจนเพลิน 

ทั้งๆที่บางทีก็ไม่ได้อยากดูเรื่องนั้นซักเท่าไหร่ 

อาการ “ดูหนังไปงั้นๆ” แบบนี้เรียกว่า Purge-watching

การดูหนังนานๆก็เหมือนกับการเล่นโซเชียลมีเดีย

เราจะถูกหลอกล่อให้ใช้เวลากับมันนานเกินกว่าท่ีคิด

สำหรับคนที่รู้สึกว่าตัวเองเริ่มใช้เวลากับซีรีส์มากเกินไป

วิธีง่ายๆ คือ เลือกดูเฉพาะเรื่องที่สนุกจริงๆ ถ้ารู้สึกว่าดูหลายตอน แล้วไม่สนุก

อาจลองตัดเรื่องนั้นออกไปจากคิวซีรีส์ที่ยาวเหยียดบ้าง 

เมื่อถึงเวลาที่ต้องไปทำอย่างอื่นแต่รู้สึกหยุดดูไม่ได้ 

อาจถึงเวลาต้องลองฝึกกลั้นใจอยู่กับความคลุมเครือที่ซีรีส์ตอนเก่าทิ้งท้ายไว้ดูบ้าง

แล้วรอเวลาเปิดตอนใหม่มาลุ้นใหม่อีกทีในวันถัดไป  

ในยุคที่ไม่มีใครชอบรอ 

การทิ้งช่วงปล่อยให้ตัวเองรอดูซีรีส์บ้างอาจทำให้ลุ้นและสนุกตื่นเต้นขึ้นก็ได้ 

ที่มา

https://www.bingeclock.com/s/game-of-thrones/

https://lifehacker.com/how-to-break-your-netflix-binge-watching-habit-1745394858

https://www.rd.com/health/conditions/netflix-addition-fatigue/

https://www.rd.com/culture/binge-watching-unhealthy/

https://www.sbs.com.au/news/research-finds-binge-watching-affects-your-long-term-memory

About Me

Instagram: http://www.instagram.com/faunglada

Facebook: http://www.facebook.com/faunglada

Youtube:http://www.youtube.com/faunglada

Twitter: @faunglada

Website: www.faunglada.com